ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด - ตอนที่ 732 เหตุใดเจ้าถึงยังยังดึงดันไม่ยอมไปอยู่อีก / ตอนที่ 733 เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งหรือเปล่า
- Home
- ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด
- ตอนที่ 732 เหตุใดเจ้าถึงยังยังดึงดันไม่ยอมไปอยู่อีก / ตอนที่ 733 เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งหรือเปล่า
ตอนที่ 732 เหตุใดเจ้าถึงยังยังดึงดันไม่ยอมไปอยู่อีก
“เจ้าช่างเป็นห่วงเป็นใยข้าเสียจริงนะ เช่นนั้นหลายวันนี้เจ้าสินะที่ดูแลท่านอ๋อง”
หลิงอวี้จื้อกล่าวถาม
“ท่านอ๋องมิได้นำมาบ่าวออกมาด้วยเจ้าค่ะ”
หรูเยียนชันกายลุกขึ้น ตอบคำถามหลิงอวี้จื้ออย่างเคารพนอบน้อม
“พูดอย่างกับว่าลำบากใจเสียเต็มประดาเชียวนะ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
“บ่าวมิกล้าเตรียมการวางแผนใดๆ ตอนนี้ด้านนอกกำลังวุ่นวายเพราะศึกสงคราม พระชายาเองก็ต้องการคนคอยดูแลอยู่ข้างกาย รอให้กลับถึงเมืองหลวงเสียก่อน บ่าวจะเป็นฝ่ายจากไปเอง จะมิสร้างปัญหาให้กับพระชายาและท่านอ๋องอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เหตุผลของหรูเยียนช่างสมเหตุสมผลไร้ที่ติ ซึ่งตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อคิดเห็นประการใด ปากก็เอ่ยกล่าวไปสายตาก็คอยสังเกตสีหน้าของหลิงอวี้จื้อไปด้วย รอคอยให้หลิงอวี้จื้อตอบรับ
“เจ้ารู้ข่าวที่ข้าหายไปจากเมืองอวิ๋นได้อย่างไร หรูเยียน แม้ว่าเจ้าจะไปจากจวนเซียวอ๋องแล้ว แต่กลับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในจวนเป็นอย่างดีทุกอย่าง นี่เจ้าถึงกับเลี้ยงคนของตนเอาไว้ข้างกายข้าเชียวหรือ ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”
หลิงอวี้จื้อตอบรับกลับไปลอยๆ นางรู้ดีว่านางและหรูเยียนมิอาจกลับไปมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันเฉกเช่นที่ผ่านมาได้อีกแล้ว นางไม่มีวันเชื่อใจหรูเยียนได้อีกต่อไป และหรูเยียนเองก็มิได้รู้สึกดีต่อนางอย่างสนิทใจเช่นกัน
เดิมทีการที่นางให้หรูเยียนไปจากจวนนับว่าเป็นการกรุณาปรานีต่อหรูเยียนอย่างที่สุดแล้ว นึกไม่ถึงว่าหรูเยียนยังกลับมาที่นี่อีก
“หรูเยียนได้ยินดังนั้นก็รีบคุกเข่าลงทันที”
“พระชายาเข้าใจผิดบ่าวแล้ว บ่าวเพียงแต่เป็นห่วงพระชายาเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าเป็นห่วงใคร ในใจของเจ้าเองน่าจะรู้ดีที่สุด ข้าเองก็ไม่อยากที่จะไปคาดเดาเจตนาของเจ้าอีก เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อเราทั้งคู่แม้แต่น้อย แต่หากให้ข้าคาดเดาก็ยากที่ข้าจะไม่มีอคติได้ หรูเยียน เราสองคนสิ้นวาสนาในความเป็นนายบ่าวลงแล้ว แล้วเหตุใดเจ้ายังจะดึงดันจะไม่ยอมไปจากที่นี่อยู่อีก ข้ายังอยากที่จะรักษาเกียรติให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ต้องการ?”
หรูเยียนก้มหน้าคอตก
“บ่าวไม่มีเจตนาอื่นใด เมื่อถึงเมืองหลวง บ่าวก็จะไปตามทางของบ่าวทันที บุณคุณที่พระชายยามีต่อบ่าว บ่าวจดจำไว้ในใจเสมอ”
“หากว่าเจ้าจดจำบุญคุณของข้าเอาไว้ในใจจริงๆ ละก็ เจ้าก็คงจะไม่กระทำเรื่องเช่นนั้นต่อพระชายาหรอก”
มั่วชิงที่ยืนอยู่ข้างหายหลิงอวี้จื้อเห็นธาตุแท้ของหรูเยียนตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงได้เอ่ยแทรกขึ้นมา
หรูเยียนยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น นางกัดปากแน่นไม่พูดจา
“เอาเถอะ ลุกขึ้นเถอะ หลังจากถึงยังเมืองหลวง ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก”
“ขอบพระทัยพระชายา”
หรูเยียนสีหน้าเปรมปรีดิ์ยิ่งนัก
“หรูเยียน เจ้าถอยออกไปก่อน ข้าต้องการจะพักผ่อน”
“เจ้าค่ะ”
หรูเยียนรับคำแล้วรีบเร่งถอยออกไปทันที
หลังจากหรูเยียนออกไปแล้ว มั่วชิงก็หันมากล่าวถามหลิงอวี้จื้อด้วยความคับข้องใจ
“เหตุใดพะชายาถึงให้หรูเยียนอยู่ที่นี่ต่อไปละเจ้าคะ ควรจะไล่นางไปจากที่นี่โดยเร็ว นางจะได้มิคิดอะไรเกินเลยกับท่านอ๋องอีก”
“สำหรับอาเหยี่ยน นางไม่มีโอกาสอยู่แล้ว แต่นางปักใจต่ออาเหยียนมาโดยตลอด จึงคิดหาวิธีการที่จะสามารถอยู่ข้างกายเขาได้ เดินทางมาครั้งนี้อาเหยี่ยนมิได้พาสาวใช้มาด้วย สาวใช้ที่เจี้ยนอันข้าก็เชื่อใจมิได้ พวกนางล้วนก็ไม่ต่างอะไรกับหรูเยียน หรูเยียนยังทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว มีนางอยู่ที่นี่กลับสามารถตัดความยุ่งยากลงไปได้มาก เรื่องอื่นเอาไว้กลับถึงเมืองหลวงค่อยว่ากันเถอะ”
“เรื่องที่ข้าตั้งครรภ์อย่าเพิ่งแพร่งพรายออกไปชั่วคราว ข้างนอกมากคนก็มากความ ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไร่ก็ยิ่งดี รอให้กลับถึงเมืองหลวงค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
“ข้าน้อยเข้าใจเจ้าค่ะ เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้เป็นแน่”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหรูเยียน มั่วชิงย่อมไม่ต้องการให้หรูเยียนล่วงรู้เรื่องนี้เป็นเด็ดขาด เพื่อนางจะได้ไม่ก่อเรื่องขึ้นอีก ซและวิธีการที่ดีที่สุดนั่นก็คือ อย่าให้นางรู้เรื่องนี้
ข่าวการตายของเฉินมั่วฉือแพร่สะพัดไปถึงยังเมืองหลวง มู่หรงกวานเย่ว์กำลังอ่านหนังสืออยู่ภายในตำหนักฉางเล่อ เมื่อนางได้รับรายงานข่าว หนังสือในมือก็ถึงกับ ‘ตุ๊บ’ ร่วงตกกระทบพื้นทันที
แม้ว่าจะคาดการณ์ผลของศึกในครั้งนี้ได้ตั้งแต่แรก ทว่าพระนางกลับนึกไม่ถึงว่าเฉินมั่วฉือจะต้องตาย ก่อนที่พระนางจะเดินทางกลับเมืองหลวงได้พูดคุยกับหลิงอวี้จื้อเอาไว้แล้ว ว่าให้ปล่อยเฉินมั่วฉือไป และหลิงอวี้จื้อก็รับปากแล้วด้วย เพราเหตุใดในท้ายที่สุด เฉินมั่วฉือถึงต้องตาย
“ไทเฮา ข่าวจากเจี้ยนอันรายงานว่าฝ่าบาททรงเสวยยาพิษปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เอง ไทเฮาทรงทำพระทัยดีๆ ไว้นะเพคะ”
สีหน้าของจื่ออีทุกข์ระทม นางไม่รู้ว่ามู่รหงกวานเย่ว์จะทำใจยอมรับข่าวนี้ได้หรือไม่
ตอนที่ 733 เป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งหรือเปล่า
มู่หรงกวานเย่ว์ไม่ได้ร้องไห้ ตรงกันข้ามพระนางกลับหัวเราะ หัวเราะจนหยุดไม่ได้ จนกระทั่งสุดท้ายหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา
จื่ออีเองก็มิได้ห้ามปราม นางเอาแต่นั่งคุกเข่าก้มหน้าลงที่เบื้องหน้าของมู่หรงกวานเย่ว์เท่านั้น เฉินมั่วฉือตายแล้ว ซีเว้ยก็จบสิ้น ไม่ช้าเซียวเหยี่ยนก็ต้องบุกเข้ามาโจมตีเมืองหลวง และหลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ล่วงหน้าทั้งสิ้น
มู่หรงกวานเย่ว์ชันกายลุกขึ้นท่าทางโคลงเคลง
“ข้ายังไม่ทันตายเขาก็ชิงล่วงหน้าไปก่อนข้าเสียแล้ว ข้าส่งฮ่องเต้องค์ก่อนไป ส่งนี่อวิ๋น ส่งท่านพ่อของข้า บัดนี้แม้แต่มั่วฉือก็ยังจากข้าไป พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่ชิงจากไปก่อนหน้าข้าทั้งสิ้น จื่ออี มั่วฉือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริงๆ หรือ?”
พระนางยังไม่มิได้สั่งการให้คนสืบสวนความจริงด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พระนางก็เชื่อเสียแล้วว่าเฉินมั่วฉือดื่มยาพิษปลิดชีพตนเองจริง
ในท้ายที่สุดแล้วพระนางก็ไม่เข้าใจบุตรชายของตนอยู่ดี ก่อนหน้านี้พระนางยังคิดว่าแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ขอเพียงเซียวเหยี่ยนและหลิงอวี้จื้อยอมปล่อยเฉินมั่วฉือไป บุตรชายก็ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ทั้งยังสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต นึกไม่ถึงว่าเฉินมั่วฉือตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะจบชีวิตตนเอง
“ไทเฮา หม่อมฉันได้ส่งคนไปสืบความจริงเรื่องนี้แล้วเพคะ ฝ่าบาทพระชนม์มายุยังน้อย แล้วจะดื่มยาพิษปลิดชีพพระองค์เองได้อย่างไร ไม่แน่ว่าอาจเป็นเซียวเหยี่ยนที่บีบบังคับฝ่าบาท”
“ไม่ต้องสืบ สืบไปทำไมกัน สืบไปมั่วฉือก็ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว”
มู่หรงกวานเย่ว์ใช้มือค้ำยันมุมโต๊ะเอาไว้
“จื่ออี ข้าเองก็ควรต้องไปแล้ว”
จื่ออี้เข้าในความหมายของมู่หรงกวานเย่ว์ดี แต่ในท้ายที่สุดแล้วจื่ออีก็มิอาจทนเห็นมู่หรงกวานเย่ว์ต้องตายไปต่อหน้าต่อตาได้ นางทอดสายตาขึ้นมองไปยังมู่หรงกวานเย่ว์
“ไทเฮา……”
ตรงกันข้ามเป็นมู่หรงกวานเย่ว์ต่างหากที่สงบสติอารมณ์ได้ดีจนกระทั่งยิ้มออกมา
“คนที่สลักสำคัญในชีวิตของข้าล้วนแต่จากไปแล้ว และข้าก็ไม่อยากเห็นซีเว้ยต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งไม่อยากเห็นเซียวเหยี่ยนได้ครองราชย์ สิ่งที่ข้าควรจะทำข้าก็ได้ทำอย่างสุดกำลังแล้ว ข้าไม่มีอะไรติดค้างซีเว้ยอีกต่อไป”
มู่หรงกวานเย่ว์ทอดมองมายังจื่ออีสายตาพร่าเลือน
“จื่ออี เจ้าเองก็รู้สึกใช่หรือไม่ว่าข้ามิใช่มารดาที่ดี?”
“ไทเฮา อย่าทรงตรัสเช่นนั้นสิเพคะ สิ่งที่ทรงกระทำลงไปทั้งหมดล้วนแล้วแต่เพื่อฝ่าบาททั้งสิ้น หลายปีที่ผ่านมานี้ เพื่อฝ่าบาทแล้ว ไทเฮาทรงลำบากไม่น้อยเลยนะเพคะ”
มู่หรงกวานเย่ว์ยิ้มขมขื่น
“แต่มั่วชิงไม่ชอบแม่เช่นข้า เขาบอกว่าข้าไม่เข้าใจเขา เขาบอกว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เขาใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข เป็นข้าที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าข้าได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้ให้กับเขาแล้ว แต่ในท้ายที่สุดกลับแลกมาซึ่งความเบื่อหน่ายเอือมระอาจากมั่วฉือเท่านั้น”
“จื่ออี ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร จนกระทั่งหลายวันที่ผ่านมาข้าเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาตลอด ข้าเข้าใจแล้วข้าเองที่เห็นแก่ตัว แท้ที่จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ข้าต้องการเพียงคนเดียว ข้าคิดตกแล้ว เขาจะเป็นฮ่องเต้หรือไม่สำคัญ ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขก็เพียงพอ แต่นี่แม้แต่ชีวิตเขาก็ไม่ต้องการ เขาจะให้ข้าทำอย่างไร?”
กล่าวมาจนกระทั่งถึงในตอนท้าย ดวงตาของมู่หรงกวานเย่ว์ก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา พระนางในตอนนี้มิใช่ไทเฮาผู้สูงส่งอีกต่อไปแล้ว เป็นเพียงแค่แม่คนหนึ่งที่สูญเสียลูก ไม่ได้เห็นหน้ากันแม้แกระทั่งในวินาทีสุดท้ายของชีวิต จนกระทั่งตายแม่ลูกก็ไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน นี่คือความเสียใจที่สุดที่ติดอยู่ในใจของมู่หรงกวานเย่ว์
“ไทเฮา ถนอมพระวรกายด้วยเพคะ แม่ลูกใจสื่อถึงใจ คำบางคำที่ฝ่าบาททรงตรัสออกมาก็เป็นเพราะความโกรธ ไทเฮาอย่านำมาใส่พระทัยเลยนะเพคะ”
จื่ออีไม่เคยเห็นมู่หรงกวานเย่ว์โศกาอาดูรเช่นนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะเตือนสติพระนางอย่างไรดี ได้แต่ปลุกปลอบพระนางเท่านั้น
“ไทเฮา ฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”
เสียงคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามารายงาน
“เชิญ”
มู่หรงกวานเย่ว์สงบสติอารมณ์ลง กลับไปนั่งยังที่นั่งของตนเอง กลับเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์สง่างามหาใดเปรียบได้อีกครั้งราวกับเมื่อครู่ความโศกเศร้าและว่างเปล่าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้นเอง
ไม่นานหลิวฮองเฮาก็ถูกเชิญเข้ามา มู่หรงกวานเย่ว์นั่งหลังตรงมองไปยังหลินฮองเฮาที่ยืนอยู่เบื้องหน้า พระนางรู้ดีว่าหลินฮองเฮาจะต้องรู้ข่าวที่เฉินมั่วฉือดื่มยาพิษปลิดชีพตนแล้วเป็นแน่