เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1063 ใครเป็นคนมือสะอาด / ตอนที่ 1064 ซูหลีผู้มีใจเมตตา
ตอนที่ 1063 ใครเป็นคนมือสะอาด
ตั้งแต่อดีตกาล เรื่องราวพรรค์นี้ก็มีไม่น้อย
เป็นการเพิ่มความครึกครื้นให้กับการแก่งแย่งชิงดีในเมืองหลวงนี้อยู่บ้าง
นี่ไม่ใช่เรื่องที่พบได้ยาก ทว่าในเวลานี้ความสัมพันธ์กับสกุลเซียว กลับทำให้ซูหลีระมัดระวัง จึงตรวจสอบเรื่องของสกุลเซียวไปบ้าง
สกุลเซียวนั้นถือว่าเป็นคนมือสะอาด แทบจะไม่เคยทำเรื่องอะไรเกินเลยมาก่อน ยิ่งไม่เหมือนกับป๋ายจื้อเฉิงเช่นนั้น ที่ต้องการครอบครองเหมืองเงินโดยไม่รู้วิธีที่จะจัดการ
ทว่าสกุลเซียวใสสะอาดขนาดนี้ นั่นหมายความว่า ในมือมิอาจมีเงินส่วนเกิน
เช่นนั้นเงินของสกุลเซียวมาจากที่ใดกัน
แน่นอนว่าเป็นกู่ซู่ที่สนิทชิดเชื้อกับสกุลเซียวที่สุด สองปีมานี้เห็นได้ชัดว่ากู่ซู่เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง กับสกุลเซียวมีความเกี่ยวดองกันเพราะการแต่งงานเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองสกุลกำลังสมคบคิดกัน ทำให้กิจการสกุลเซียวยิ่งกว้างขวางมากขึ้น จนได้รับเงินทองให้ทั้งสองสกุลกินใช้ด้วยกัน
พ่อค้าวาณิช โดยเฉพาะพ่อค้าที่หางาน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำงานขาวสะอาดนัก
เรื่องที่สกุลเซียวไม่สามารถทำได้ ล้วนให้กู่ซู่เป็นผู้กระทำ
อีกทั้งพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ดูเหมือนว่าจะถูกกู่ซู่คนนี้ทำร้าย เพียงแต่เรื่องนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ซ้ำกู่ซู่กับสกุลเซียวกระทำอย่างระมัดระวัง จึงแทบไม่มีใครรับรู้
ทว่า…
แทบจะไม่มีใครรับรู้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนรับรู้จริงๆ
“ข้าคงจะประเมินใต้เท้าซูต่ำไปโดยแท้!” เซียวเสวียนดึงสติกลับมา พร้อมกับแสดงสีหน้าเหนือความคาดหมาย
ดูอากัปกิริยาของเขาแล้ว คล้ายกับจะกระโจนเข้ามาแล่เนื้อซูหลีเป็นชิ้นๆ มิปาน
ซูหลียักไหล่ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่ไหนกัน ใต้เท้าเซียวชมมากไปแล้ว!”
ในเวลานี้นางยังมีใจพูดเล่นอีก
นี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว คนที่ต้องชดใช้เงินห้าแสนชั่ง นั่นไม่ใช่นาง!
“คำพูดล้วนพูดกับทุกท่านอย่างชัดเจนแล้ว จะทำอย่างไร กรณีนี้ใต้เท้าซ่งจะตัดสินอย่างไร ก็แล้วแต่ทุกท่านจะเลือกแล้วกัน เพียงแต่…” ซูหลีพูดไปพลางเดินกลับมาที่ที่นั่งเดิมของตนเอง
ยกจอกชาที่มีน้ำชาที่เย็นไปแล้วขึ้นจิบหนึ่งจิบ
ริมฝีปากนางยังประดับด้วยรอยยิ้มเย็นชา รอยยิ้มนี้พูดได้ว่าคือยิ้ม ทว่ากลับดูเหมือนกับข่มขู่มิปาน
“ความอดทนของข้ามีไม่มาก ทุกท่านรีบใคร่ครวญอย่างชัดเจนเถิด หากไม่ยินยอมก็ไม่มีอะไร เพียงแต่พวกเราควรทำอย่างไรก็ทำอย่างไร วันนี้หอติ่งไท่นี้ ซูหลีขอรับไว้อย่างไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
พูดจบนางจึงดื่มน้ำชาในมือจนหมดแล้ว ในดวงตาวูบไหวด้วยประกายของความอันตราย
อากัปกิริยาเช่นนี้ของนาง นอกจากอันตรายแล้ว ทั้งยังมีแรงดึงดูดจำนวนมาก
ทำให้สายตาของบุรุษที่อยู่บนโต๊ะทั้งสามมองไปยังนาง
หนึ่งในนั้น มีการแสดงออกของฉินม่อโจวที่ซับซ้อนที่สุด
“มา ดื่มชากันเถอะ เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะเจอพวกท่าน วันนี้ไม่ต้องเกรงใจข้าแล้ว!” ซูหลีเงยหน้ามองไปยังพวกเขาที่กำลังจ้องนางอยู่ ซ้ำยังหัวเราะขึ้นอย่างไม่ใส่ใจสิ่งใดครู่หนึ่ง
นางยกมือขึ้นสื่อให้พวกเขาดื่มชา การกระทำไม่สะทกสะท้านเสมือนกำลังอยู่ในลานหลังบ้านของบ้านตนเองอยู่
ฉินม่อโจวและคนอื่นๆ…
สตรีคนนี้มีความสามารถที่ทำให้คนตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้จริงๆ ทว่าไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางเป็นคนเฉลียวฉลาดอย่างแท้จริง หยิ่งทะนง หัวแข็ง แม้กระทั่งยโสโอหังอย่างยิ่งยวด
ความยโสโอหังอย่างยิ่งยวดของนาง ทำให้ทุกคนหมดปัญญาจะพูดโดยแท้
“พี่เซียว…นี่ควรทำอย่างไรดี!” กู่ซู่มองไปยังเซียวเสวียนที่อยู่ด้านข้างด้วยความกังวลเกินจะเปรียบ เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นพร่า
หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจใช้หลักเหตุผลมาถกเถียงอย่างเต็มที่กับซูหลีหนึ่งคำรบ ทว่าเรื่องของพ่อค้าสกุลหวงในอดีต ทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยง อีกทั้งไม่กล้าเผยสีหน้าอะไรออกมาอย่างง่ายดาย
เรื่องนี้หากถูกเปิดโปง เขาคงจบเห่!
ตอนที่ 1064 ซูหลีผู้มีใจเมตตา
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าการสูญเสียเงินห้าแสนชั่งนี้มาก
กู่ซู่ที่ก่อนหน้าปฏิบัติต่อซูหลีอย่างไม่แยแส ชั่วขณะนี้ดวงใจกำลังสั่นเทา
เขาพลาดแล้ว พันไม่ควรหมื่นไม่ควร ไม่ควรเจตนาดูแคลนซูหลีคนนี้!
นางหาใช่สตรีสามัญเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่า…คือนางมาร!
“…เจ้าถามข้า ข้าจะรู้ได้อย่างไร ไยก่อนหน้านี้ไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี” ใบหน้าของเซียวเสวียนเต็มไปด้วยความเ**้ยมเกรียม
เขาไม่เคยถูกคนข่มขู่เช่นนี้มาก่อน ในแวดวงขุนนางสกุลเซียวนั้นถือว่าปลิ้นปล้อนมาโดยตลอด ไม่ได้ดุดันเหมือนกันป๋ายจื้อเฉิง ศัตรูทางการเมืองจึงมีไม่มากเทียบเท่าสกุลป๋าย
ดังนั้นจนถึงบัดนั้น เขาถือว่าใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบาก
คิดไม่ถึงว่า ครานี้จะพ่ายแพ้ให้กันซูหลี
“ใต้เท้า นี่…” ขณะที่เซียวเสวียนกับกู่ซู่กำลังปรึกษากัน ใต้เท้าซ่งก็กำลังพูดคุยกับขุนนางผู้ช่วยของตนที่ด้านข้างเหมือนกัน
“ในเวลานี้ข้าน้อยคิดว่า อย่างไรก็ทำตามที่ใต้เท้าซูบอกเถิด” เดิมขุนนางผู้ช่วยนั้นไม่เห็นซูหลีอยู่ในสายตาในตอนแรก ทว่าในชั่วขณะนี้เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้แล้ว
อย่าว่าแต่เรื่องที่อยู่ในกำมือของนางเลย แต่พวกท่านอ๋อง ซื่อจื่อ ไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายนางนี้ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกลวงได้ง่ายๆ
ใต้เท้าซ่งก็คิดถึงเหตุผลนี้เช่นกัน
หากไม่มีตำแหน่งขุนนางแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการผูกมิตรกับขุนนางคนอื่นๆ เลย
เหมือนกับสุภาษิตที่ว่า เสือออกจากป่าไปอยู่ตามพื้นบ้านก็ถูกหมารังแก
ดูสกุลซูแต่ก่อนก็มิใช่ตัวอย่างเช่นนี้หรือ
เมื่อคิดเช่นนี้ใต้เท้าซ่งจึงขบฟัน การตัดสินใจของเขาง่ายกว่ากู่ซู่ เขามองไปทางซูหลี เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วเอ่ยเสียงดังว่า
“ข้าน้อยคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ที่ใต้เท้าซูพูดมานั้นมิผิด ความประพฤติเช่นนี้มิอาจปล่อยปละละเลยไปได้ หากเรื่องนี้ถูกร่ำลือออกไป ทุกคนคงจะเลียนแบบความประพฤติของกู่ซู่ เช่นนั้นกฎหมายของต้าโจวมีไว้ก็เท่านั้น!”
“เงินห้าแสนชั่ง กู่ซู่จำเป็นต้องชดใช้!” ใต้เท้าซ่งพูดอย่างเด็ดขาด กู่ซู่ที่อยู่ด้านข้างใบหน้าเขียวคล้ำ
สีหน้าของเซียวเสวียนก็ดูไม่สู้ดีนัก กู่ซู่เป็นเหมือนถุงเงินของสกุลเซียว ซูหลีหยิบฉวยเงินของกู่ซู่ไป นั่นก็เหมือนควักเงินสกุลเซียว!
เรื่องนี้ตกอยู่ที่ใคร ก็ไม่มีใครมีความสุขอยู่แล้ว!
“กู่ซู่ บัดนี้เปิ่นกวนขอสั่งให้เจ้า เตรียมเงินชดใช้ห้าแสนชั่งเอาไว้ให้ดี และส่งไปที่จวนของใต้เท้าซูภายในสามวัน หากเกินเวลาที่กำหนดหรือขาดไปแม้แต่ชั่งเดียว เปิ่นกวนจะทำการไต่สวน!”
เรื่องนี้ไม่ต้องให้ซูหลีออกหน้าอีกแล้ว อย่างไรสุดท้ายใต้เท้าซ่งผู้ว่าการซุ่นเทียนก็ต้องเป็นผู้พิจารณาไต่สวนเรื่องนี้
“ใต้เท้าซ่งผู้ปราดเปรื่อง!” หลังจากนางได้ยินยกมือขึ้นปรบเบาๆ หลายครั้ง ดวงตาใสสุกสกาวกรอกมองไปกู่ซู่ที่สั่นเทาไปทั้งร่าง เอ่ยว่า
“พ่อค้ากู่ พวกเรานั้นถือว่ามีวาสนาต่อกัน ใช่แล้ว เมื่อครู่ท่านมิใช่ให้เงินข้าห้าพันชั่งแล้วหรือ ข้าคนนี้ไม่ชอบเป็นหนี้ผู้อื่น สามวันหลังจากนี้ท่านก็นำเงินจำนวนสี่แสนเก้าหมื่นห้าพันชั่งมาส่งให้ข้าก็พอแล้ว!”
เสียงของซูหลีเบาหวิว ขณะที่พูดยังใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้มเสมือนไม่ยิ้ม
กู่ซู่แทบจะกระอักเลือดของเก่าออกมา!
ได้ยินคำพูดของนางแล้ว ความหมายที่นางต้องการสื่อก็คือ เขาจักต้องขอบคุณบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของนางใช่หรือไม่!?
เขาไม่เคยเห็นคนที่เอาเปรียบและยังอวดฉลาดเช่นนี้มาก่อน!
“กู่ซู่ เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่?” ใต้เท้าซ่งกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเพียงรอให้กู่ซู่ตอบกลับ
“ข้าน้อย ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!” กู่ซู่มองไปทางเซียวเสวียนตามจิตใต้สำนึก เซียวเสวียนกลับเมินไปอีกทาง ดวงใจของเขาเย็นวูบ จากนั้นหลับตาและรับคำอย่างอ่อนระโหยโรยแรง