เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1129 จัดการสกุลเซียว / ตอนที่ 1130 เนรเทศออกจากวังหลวง
ตอนที่ 1129 จัดการสกุลเซียว
หลังจากออกจากตำหนักอวิ๋นซิน ซูหลีก็กลับจวนของตนในทันที
เดิมนางอยากจะไปที่จวนซูสักครั้งหนึ่ง หลี่ซื่อกับซูเนี่ยนเอ๋อร์ทั้งสองคนสร้างความวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ต้องจัดการสั่งสอนอย่างสมเหตุสมผล
ทว่าซูหลียิ่งคิดยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย
หลี่ซื่อกับซูเหนียนไม่ใช่กระทำเรื่องเช่นนี้เพียงคราสองครา ทุกครั้งจักต้องให้นางไปสั่งสอน นางไม่มีกำลังวังชาจะจัดการเรื่องของสองคนนี้แล้วจริงๆ
มิหนำซ้ำซูไท่ยังถูกลดตำแหน่งเพราะเรื่องนี้ หนทางการเป็นขุนนางทั้งชีวิตของเขา อาจไม่มีโอกาสก้าวหน้าอะไรแล้วก็ได้ ซูหลีรู้สึกว่าคนที่รู้สึกแย่ที่สุดในเรื่องนี้คงจะเป็นซูไท่
ดังนั้นหลังจากออกมาจากวังหลวง นางจึงให้ชุยตานไปที่จวนซู นำผลการไต่สวนบนท้องพระโรงในวันนี้ไปบอกซูไท่ด้วยตนเอง
เรื่องนี้เกิดความวุ่นวายบนท้องพระโรง คนที่ควรรับรู้ล้วนรับรู้หมดแล้ว
ทว่าเรื่องที่หลี่ซื่อสองแม่ลูกนั้นกระทำ ผู้อื่นไม่อาจทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วนขนาดนั้น จุดประสงค์หลักที่ซูหลีให้ชุยตานไปก็เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้กับซูไท่
ให้ซูไท่จนจัดการกับสองแม่ลูกนั้นด้วยตนเอง
ส่วนซูไท่จะใจอ่อนหรือไม่ จะถูกพูดให้ไขว้เขวอย่างง่ายดายหรือไม่ นี่ใช่ไม่ขอบเขตที่ซูหลีจะต้องใคร่ครวญแล้ว
ซูไท่มิใช่คนเขลา ครั้งนี้สร้างเรื่องจนหนทางการเป็นขุนนางของเขาถูกทำร้ายแล้ว แม้จะกล่าวว่าสกุลซูยังมีนางอยู่อีกคน แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรี บุรุษที่มีความคิดว่าบุรุษต้องเป็นใหญ่อย่างซูไท่ หากในใจเขามีความสุขก็คงจะแปลกแล้ว
ทั้งสองแม่ลูกนั่น โดยเฉพาะหลี่ซื่อใจกล้าบ้าบิ่นขนาดจัดการหมั้นหมายซูหลีโดยพลการ ทั้งยังรับเงินของผู้อื่น ไม่ใช่ซูไท่จะไม่รู้ว่า นี่คือต้นเหตุของภัยพิบัติครั้งนี้
อีกทั้งถึงแม้ซูไท่จะอภัยให้กับพวกนางจริง ที่จริงซูหลีก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว หากยังสามารถให้อภัยอีกฝ่าย นั่นคงเป็นพระโพธิสัตว์อย่างแท้จริง ซูไท่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมว่าตนเองไม่สนใจ เช่นนั้นนางจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไมกัน
หลังจากวางแผนเรียบร้อยแล้ว ซูหลีถึงได้สบายใจแล้วจริงๆ
เรื่องของสกุลเซียวก็ถือว่าถึงจุดจบแล้ว นางไม่เชื่อว่าหลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว สกุลเซียวจะมาหาพลิกสถานการณ์ได้อีก!
ทันทีที่ซูหลีคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ก็ดีขึ้นไม่น้อย นางเข้าใกล้การพลิกคดีสกุลหลี่อีกก้าวหนึ่งแล้ว
ทว่านางยังดีใจได้ไม่นานก็ได้รับข่าวจากวังหลวงว่า อีกสามวันจะเดินออกจากวังหลวง ให้นางเตรียมตัวให้พร้อม
ซูหลี…
ฮ่องเต้ผู้ใจคอคับแคบจะทำอะไรอีก?
วันนี้เพิ่งจะยืนยันเรื่องการไปตำหนักนอกวังหลวง หลังจากนั้นสามวันก็จะออกเดินทางแล้ว?
ซูหลีตำหนิเขาอยู่ในใจ ทว่าถึงแม้นางจะมีความคิดอะไรอีกมากมาย ก็หัวแข็งไม่เท่ากับฉินเย่หาน ใครทำเขาเป็นจักรพรรดิ ส่วนนางเป็นขุนนางเล่า!
ซูหลีก็ทำได้เพียงให้คนเก็บสัมภาระของตนอย่างรับชะตากรรม เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางพร้อมกับฉินเย่หาน
การไปตำหนักน้ำพุร้อนในครานี้ ก็ถือว่าอยู่ในเขตเมืองหลวง มีระยะทางห่างเมืองหลวงเล็กน้อย ไปอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนเศษ ของที่พกติดตัวนางเสมอ โดยเฉพาะยาที่นางกินทุกครั้งหลังจากอยู่กับฉินเย่หาน อย่างไรก็ต้องเตรียมไปไม่ให้ขาด
ทางด้านซูหลีเพราะเรื่องออกไปนอกเมือง ทำให้นางยุ่งจนวุ่นวายไปหมด
ทางด้านศาลต้าหลี่ก็ใช้ความว่องไวที่สุดที่มีรวบรวมและจัดการคดีของสกุลเซียวออกมา
โดยภาพรวมของคดีนั้น สามารถสรุปออกมาในวันที่สองที่ซูหลีเตรียมตัวจะเดินทางออกนอกเมือง
พยานบุคคลและวัตถุที่ซูหลีมอบให้ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นหลักฐานจริง คนเหล่านั้นเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในจวนผู้ตรวจการในปีนั้น ยั้งมีราษฎรที่รู้จักกุนซือกับผู้ตรวจการอีก คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานที่หนักแน่นดุจภูเขาเสียแล้ว
เซียวอวี่และคนสกุลเซียวไม่อาจดิ้นหลุดจากคดีสวมรอยรับคุณูปการของกุนซือได้
ทว่าที่ทำให้คนคาดไม่ถึงก็คือ ภายในเรื่องนี้เซียวเสวียนคนนั้นกลับไม่ทราบเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 1130 เนรเทศออกจากวังหลวง
แน่นอนว่าเขาไม่ทราบจริงหรือไม่ เรื่องนี้มีเพียงสวรรค์ที่รู้
แต่ถึงอย่างไรความประพฤติที่เซียวเสวียนแสดงออกในท้องพระโรงวันนั้น ไม่เหมือนกับคนที่ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว
เซียวเก๋อเหล่าแบกรับเรื่องทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว เขายอมรับว่าการสวมรอยรับคุณูปการของผู้อื่น แม้กระทั่งเรื่องการวางแผนใช้คนจำนวนมากทำให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสกุลเซียว ทั้งหมดนี้เขาเป็นผู้ที่กระทำทั้งหมด
คนทั้งครอบครัวของกุนซือก็ถูกทำร้ายมิผิด
ทว่าเขาเป็นผู้กระทำเรื่องทั้งหมดนี้ หาได้มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเซียวคนอื่นๆ ไม่
ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดโปงทั้งเมืองหลวงก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด
คนจำนวนไม่น้อยอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ สกุลเซียวได้รับเกียรติยศมากเพียงใด ก็สมควรตายมากเท่านั้น เกียรติยศเหล่านี้ล้วนเหยียบย่ำคนอื่นขึ้นไป สกุลเซียวถึงสามารถก้าวขึ้นไปทีละก้าวจนถึงจุดนี้ได้
การกระทำแบบนี้ ทำให้ผู้คนต้องทอดถอนใจเสียยิ่งกว่าการยึดครองเหมืองแร่
จะพูดอย่างไรการยึดครองเหมืองแร่เป็นของตนเอง ก็ยังไม่มีความเกี่ยวข้องราษฎรทั่วไป
จะเป็นของสกุล หรือเป็นของฮ่องเต้ ล้วนไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา
เพียงแต่ที่สกุลเซียวต่างกับสกุลป๋ายก็คือ เรื่องนี้เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วก็คงได้รับโทษประหาร
ทว่าตลอดสิบกว่าปีมานี้เซียวเก๋อเหล่าก็อุทิศตนเพื่อราชสำนัก ฮ่องเต้และฮ่องเต้องค์ก่อน ก็ถือว่ารับผิดชอบในหน้าที่แล้ว
ผลการตัดสินคดีของศาลต้าหลี่ออกมา ยังมีคนหลายคนที่ร้องขอความเมตตาให้กับสกุลเซียว ขอให้ฮ่องเต้ทรงเห็นแก่คุณูปการที่สกุลเซียวที่กระทำมาในตลอดหลายปี หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเมตตาเซียวเก๋อเหล่า
อีกทั้งในตลอดหลายปีมานี้ เขาทำคุณงามความดีต่อราชสำนักไม่น้อย หลังจากฝ่าบาททรงไตร่ตรองแล้ว จึงทรงไว้ชีวิตเซียวเก๋อเหล่า เพียงแต่ไม่อาจดำรงตำแหน่งเก๋อเหล่าและราชเลขาธิการของคณะเสนาบดีอาวุโสได้อีกต่อไป
ทันทีที่ผลการตัดสินคดีนี้ออกมา เซียวเก๋อเหล่าก็ถูกลดขั้นจากตำแหน่งราชเลขาธิการของคณะเสนาบดีอาวุโสซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุด ก็เปลี่ยนเป็นสามัญชนที่ต่ำต้อยในทันที
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ทายาทสกุลเซียวสามชั่วคนไม่สามารถเป็นขุนนางได้แล้ว
ทายาทสกุลเซียวสามชั่วคนนี้ มีคนหนึ่งที่ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ นั่นก็คือเซียวเสวียน
ฮ่องเต้ทรงใคร่ครวญแล้วว่าเซียวเสวียนอีกได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ทราบถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายของบิดาทั้งสิ้น และทรงเห็นแก่สกุลเซียวจึงยังคงรักษาตำแหน่งขุนนางของเซียวเสวียน เพียงแต่ตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ถูกลดไปหลายขั้น
จึงกลายเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่ไม่มีหน้าที่อะไร
ในสามชั่วคนไม่อาจเข้าเป็นขุนนางได้อีก ก็เป็นการปิดตายหนทางความก้าวหน้าของเขากับเซียวรุ่ยแล้ว การรักษาตำแหน่งขุนนางของเขาไว้ ถือว่าเป็นพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทแล้ว
อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจ ยังมี…
บุตรีของเซียวอวี่คนนั้น คนที่ถูกฮ่องเต้ตรัสว่า ‘จักต้องแต่งเข้าวังหลวง’ อย่างเซียวไฉเหริน!
พูดถึง นางถึงเป็นทายาทที่แท้จริงของเซียวอวี่ที่รักตัวกลัวตาย หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็หลบหนีเป็นคนแรก ทว่ากลับถูกเหล่าโจรร้ายจับได้ และตายในเงื้อมมือของเหล่าโจรร้าย
อีกทั้งตลอดชีวิตนี้นางก็ใช้ชีวิตสมดังปรารถนา การเข้าไปในวังหลวงเช่นนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่บิดาของตนประทานให้
บัดนี้บิดาของนางถูกพิสูจน์และยืนยันความผิดแล้ว ถึงถอดตำแหน่งเว่ยกั๋วกงคืน หากนางยังอาศัยอยู่ในวังนี้ก็คงไม่ถูกต้องแล้ว
ดังนั้นหลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับสกุลเซียว ฝ่าบาททรงมีพระบรมราชโองการ ทรงเมตตาให้เนรเทศเซียวไฉเหรินออกจากวังหลวง
มิผิด เนรเทศออกจากวังหลวง!
นี่เป็นเรื่องที่มิเคยปรากฏขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อนโดยแท้
อย่าว่าแต่เซียวไฉเหรินที่เคยปรนนิบัติฝ่าบาทมาก่อนแล้ว แม้แต่นางสนมที่ไม่เคยปรนนิบัติฝ่าบาทมาก่อน นั่นก็ถือเป็นสตรีของฝ่าบาทแล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์เนรเทศ
ทว่าเซียวไฉเหรินกับได้รับกับปฏิบัติเช่นนี้
จึงทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วราชสำนักในชั่วพริบตา
ซูหลีก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ทว่านางก็มิได้ใส่ใจ แม้เซียวไฉเหรินคนนี้จะชอบโจมตีนาง ทว่านางนั้นไม่มีความคิดเห็นใด ๆกับคนผู้นี้
ซูหลีที่ไม่มีความคิดเห็นใดคาดไม่ถึงว่า นางไม่ไปหาเรื่อง คนอื่นก็บุกเข้ามาหาเรื่องนางเสียเอง…