เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1211 คำว่าความรัก / ตอนที่ 1212 เจ้าคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือ
ตอนที่ 1211 คำว่าความรัก
หากเหยียนซื่อยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่อยู่ข้างกายเขา เขาก็ยังรับรู้ได้ว่าเหยียนซื่อมีชีวิตที่ดี
ทว่าเหยียนซื่อไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เขาจึงไม่สนใจแม้แต่เส้นทางการเป็นขุนนางของตน
คนประเภทนี้หากลงมือทำใส่ร้ายป้ายสีสกุลหลี่ ทำให้เหยียนซื่อกับหลี่รุ่ยอิงตายอย่างอนาถ นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างแท้จริง!
จี้เหิงหรานรู้สึกประหลาดใจที่เห็นท่าทีของซูหลี ทว่าเขากลับถูกคำพูดของฉินเย่หานกระตุ้นจนฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา เขาพลันเอ่ยว่า
“ฝ่าบาททรงตรัสเช่นนี้ ทำให้กระหม่อมฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ กลางฤดูร้อนปีก่อนมีวันหนึ่งที่ท่านลุงไม่ได้เข้าประชุมราชกิจยามเช้า อีกทั้งในวันนั้นเขายังขังตัวเองเอาไว้ในห้อง คนในจวนรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็เป็นป้าสะใภ้ที่เรียกคนมาดันประตูจนเปิดออก…”
จี้เหิงหรานพูดถึงตรงนี้ พลันขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “ในค่ำคืนนั้นท่านลุงดื่มสุราไปจำนวนมาก ยามที่ข้าเข้าไปก็ยังได้ยินคำพูดที่เขาพูดอยู่บ่อยครั้งว่า ในปีนั้นเขาไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วย จนทำให้หลิวหลิ่วต้องตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม!”
ร่างของซูหลีถึงกับแข็งทื่อ นางลืมตาและมองไปทางจี้เหิงหราน
ในดวงตาของนางมีประกายแวววาวพาดผ่าน
“มีเพียงแค่คำพูดประโยคนี้ นอกจากคำพูดประโยคนี้แล้วยังมีภาพสตรีชั้นสูงภาพหนึ่ง บนภาพยังเขียนคำกลอนไม่กี่ประโยคเอาไว้ และเขียนว่ามอบให้แด่ ‘อวี้หลิ่ว’ ” จี้เหิงหรานเห็นท่าทีแปลกประหลาดของนางจึงรีบเอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง
อวี้หลิ่ว
นี่เป็นชื่อเล่นของเหยียนซื่อ
ซูหลีถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
นางพอจะเข้าใจที่ฉินมู่ปิงบอกให้นางไปตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้มาโดยตลอดแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนร่วมในเรื่องของสกุลหลี่ ทว่าเขานั้นทราบเรื่องนี้ดี
นั่นก็หมายความว่า เขาทราบว่ามีคนต้องการจัดการสกุลหลี่ อีกทั้งยังจัดการกับหลี่รุ่ยอิง ทว่าเขากลับไม่ยื่นมือเข้าช่วย
เพราะถึงอย่างไรระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็ยังมีความแค้นเรื่องการแย่งชิงภรรยากันอยู่
แม้จี้เก๋อเหล่าจะเป็นคนใจกว้างถึงเพียงใด สามารถรับเรื่องที่คนรักออกเรือนให้กับผู้อื่นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะปล่อยวางความแค้นที่มีอยู่ในใจและไปช่วยศัตรูหัวใจของตนเองได้
ดังนั้นเขาถึงได้รู้สึกเสียใจและเกลียดชังราชสำนักมากถึงขนาดนี้
มิผิด ซูหลีพลันเข้าใจจี้เก๋อเหล่าผู้นี้อย่างถ่องแท้ ที่เขาแยกตัวออกจากราชสำนักและอำนาจ มิได้เป็นเพราะเขารู้สึกเบื่อหน่าย แต่เป็นเพราะความแค้น
เขาคงจะรู้สึกเพราะการฟาดฟันกันในราชสำนัก ทำให้เขาทำร้ายชีวิตของเหยียนซื่อ
ดังนั้นฉินมู่ปิงถึงเอ่ยประโยคเช่นนั้นออกมาอย่างหนักแน่นว่า ให้ซูหลีพยายามตรวจสอบเรื่องนี้
ในขณะตรวจสอบไม่แน่อาจจะพบเรื่องที่จี้เก๋อเหล่ารู้รายละเอียดของเรื่องนี้
หากวันนี้ซูหลีไม่ได้ยินคำอธิบายของฉินเย่หานกับจี้เหิงหราน แค่เรื่องเช่นนี้เรื่องเดียวก็สามารถทำให้ผู้อื่นสงสัยสกุลจี้ได้แล้ว
อีกทั้งหลังจากรู้ความจริงของเรื่องนี้แล้ว ซูหลียังจะสามารถตำหนิจี้เก๋อเหล่าได้จริงๆหรือ
ไม่…
นางหายใจเข้าลึก ความแค้นที่ถูกแย่งชิงภรรยา หลี่รุ่ยอิงเป็นคนที่กระทำอย่างไร้เหตุผล ที่จี้เก๋อเหล่าจะไม่ยื่นมือเข้าช่วย ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพียงแต่แม้แต่ตัวเขาเองก็คงคาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะกลับกลายเป็นเช่นนี้
ทำร้ายสกุลหลี่ทั้งสกุล
นี่เป็นโชคชะตาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
เป็นเรื่องที่หลี่รุ่ยอิงกับเหยียนซื่อกระทำก่อนหน้านี้ ทำให้เรื่องราวแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้
ในเวลานี้มั่นใจได้แล้วว่าจี้เก๋อเหล่าไม่นับว่าเป็นตัวการของเรื่องนี้!
เพราะซูหลีไม่เอ่ยอะไรออกมา อีกทั้งยังมีอากัปกิริยาที่ประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ทำให้บรรยากาศภายในหอเก็บตำราแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
จี้เหิงหรานมองปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงของนาง จึงอดคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสกุลหลี่ไม่ได้
ผ่านไปพักใหญ่ กลับได้ยินซูหลีเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหันด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ใต้เท้าจี้ หากมีเวลาสามารถพาข้าไปเยี่ยมจี้เก๋อเหล่าได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องถามเขา!”
อากัปกิริยานี้ของซูหลี เต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในชั่วขณะนั้นจี้เหิงหรานยังตอบสนองไม่ทัน
ตอนที่ 1212 เจ้าคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือ
หลังจากอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาจึงพยักหน้า มีเพียงความลังเลใจบนใบหน้าและเอ่ยว่า
“หลายปีมานี้ท่านลุงไม่ยินยอมพัวพันกับคนในราชสำนักสักคน แม้ข้าจะรับปากเจ้า เขาอาจจะไม่ยินยอมพบเจ้า เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดี”
ซูหลีผงกศีรษะ แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเอ่ยว่า “ได้!”
จี้เก๋อเหล่าจักต้องยอมพบนางอย่างแน่นอน หากอาศัยการเป็นบุตรีของเหยียนซื่อ นางมั่นใจว่าจี้เก๋อเหล่าไม่มีทางไม่ยอมพบนาง
นางเพียงต้องการถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของสกุลหลี่ในอดีตเท่านั้น
ในเมื่อเขารู้เรื่องภายในนั้น ถ้าอย่างนั้นเขาจะรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ที่ชักใยอยู่บนเบื้องหลังทั้งหมด ที่สามารถทำร้ายสกุลหลี่จนมีจุดจบเช่นนี้
ซูหลีกลับรู้สึกว่าเรื่องของสกุลหลี่ นางยังมองข้ามอะไรบางอย่างไป อีกทั้งจุดที่นางมองข้ามจุดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรื้อคดีของสกุลหลี่พอดี!
หลังจากเข้าใจแล้วว่าสกุลจี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการถูกประหารทั้งชั่วโคตรของสกุลหลี่ อากัปกิริยาที่ซูหลีปฏิบัติต่อจี้เหิงหรานถึงดีขึ้นบ้าง ดาบเล่มหนึ่งที่กวัดแกว่งอยู่ในใจตลอดเวลาได้ร่วงหล่นลงแล้ว
สุดท้ายไม่ต้องเลือกระหว่างนางกับสกุลจี้แล้ว
ซูหลีก็ไม่อยากเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนั้นเหมือนกัน ไม่ว่านางกับฉินเย่หานจะเป็นอย่างไร สกุลจี้ก็เป็นญาติจำนวนน้อยนิดของฉินเย่หาน ไม่ว่าจะเป็นจี้เก๋อเหล่า จี้ฉิน จี้เหิงหรานก็ตาม ฉินเย่หานคงจะไม่ยอมทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน
ซูหลีผ่อนลมหายใจออกมา ทันทีที่เหลือบตามองก็สบเข้ากับดวงตาของจี้เหิงหราน
นางชะงักไปเล็กน้อย พลันเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าจี้ ก่อนหน้านี้ข้ามีเรื่องเข้าใจผิดเจ้าอยู่บ้าง การพูดการจาอาจจะไม่รื่นหูเท่าไร เจ้าอย่าได้ถือสา”
หลังจากจี้เหิงหรานได้ยินคำพูดนี้ ชั่วขณะนั้นเขาไม่รู้ว่าตนควรจะแสดงท่าทีอะไรออกมาถึงจะปกติที่สุด
กลับมีวันที่ซูหลีผู้นี้เอ่ยขอโทษเขา นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน แม้นางพูดจาไม่ค่อยรื่นหู ทว่าเมื่อเปรียบกับเมื่อก่อนก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
มิหนำซ้ำท่าทางของนางช่างแปลกประหลาดโดยแท้ จู่ๆก็อารมณ์ไม่ดีอย่างกะทันหัน จู่ๆก็หายเป็นปลิดทิ้ง
จี้เหิงหรานไม่ทราบว่าหลังจากนี้จู่ๆนางจะมีทำตัวประหลาดเช่นนี้อีกหรือไม่ เขาไม่สนใจเรื่องนางทำตัวประหลาดนัก เพียงแต่นางจะยอมคืนเย่ว์ลั่วให้แก่เขาหรือไม่
“แต่ถึงอย่างไรอะไรควรพูดก็พูด เรื่องก่อนหน้าเป็นเพียงความเข้าใจผิดกันเท่านั้น หากใต้เท้าจี้มีอะไรที่ไม่สบายใจ สามารถพูดกับข้าได้ตามตรง ทว่าเรื่องของเย่ว์ลั่วนั้น เจ้าอย่าได้ฝันลมๆแล้งๆจะดีเสียกว่า…”
ทางด้านนี้ไม่ปล่อยให้จี้เหิงหรานดีใจกี่วินาที ซูหลีก็เอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา
จี้เหิงหราน…
เขาทราบดีว่าปากของซูหลีนี้ยังจะสามารถพูดอะไรดีๆออกมาได้กัน
“ใต้เท้าซู เย่ว์ลั่วเคยเป็นคนข้างกายของข้า เรื่องประเภทนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกเราสองคน ยังไม่ถึงเวลาให้นางสอดมือเข้ามาวุ่นวายกระมัง”
ดี เพียงครู่เดียวก็ทำให้เพลิงโทสะของจี้เหิงหรานปะทุขึ้น ทั้งสองคนพูดโต้ตอบกัน จนเพียงครู่เดียวก็ทำให้บรรยากาศภายในหอเก็บตำรามีความประหลาด
ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น นางมองข้ามสีหน้าเย็นชาของจี้เหิงหรานไปและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ใช่ เป็นเรื่องของพวกเจ้าทั้งสองคนมิผิด ทว่าใต้เท้าจี้ เย่ว์ลั่วนางกล่าวว่าไม่ยินยอม!”
สีหน้าของจี้เหิงหรานซีดเผือด
เขาไม่หลงเหลือความมั่นใจการพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เขาขยับริมฝีปากมองที่ซูหลี คล้ายกับต้องการพูดอะไรบางอย่างออกมา ทว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี
“ยามที่ใต้เท้าตรึกตรองเรื่องของตนแล้ว จะใคร่ครวญถึงเย่ว์ลั่วด้วยได้หรือไม่ เย่ว์ลั่วเป็นสาวใช้ให้กับท่านมาหลายปี ตำแหน่งนั้นต่ำต้อยมาโดยตลอด บัดนี้เจ้าต้องการให้นางแต่งไปเป็นอนุในจวนเจ้า แล้วอย่างไรเล่า”
“เจ้าจะให้นางเป็นอนุที่ไม่มีวันได้เชิดหน้าชูตาตลอดชีวิต? ให้ภรรยาของเจ้าข่มเหงนางไปทั้งชีวิตหรือ”
ซูหลีมองจี้เหิงหรานอย่างประชดประชันและเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือ”