เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1241 โทษที่กระทำผิดนั้นแตกต่างกัน / ตอนที่ 1242 คนต่ำต้อย
ตอนที่ 1241 โทษที่กระทำผิดนั้นแตกต่างกัน
“คุณหนูของพวกเจ้านั้นเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่ดีที่สุดในใต้หล้าแล้ว!” ใบหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจมาก
ทุกคน…
อ๋อ อาจจะเป็นเช่นนั้นกระมัง
“พอแล้ว!” เย่ว์ลั่วทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว นางรีบรุดหน้าเดินไปดันร่างของซูหลีแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อคุณหนูจะไปทำให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อน ก็ควรรีบไปเถิดเจ้าคะ มิเช่นนั้นพระอาทิตย์จะตกดินแล้วเจ้าค่ะ”
ซูหลีได้ยินดังนั้นก็ไม่โมโห ในทางกลับกันนางหมุนกายแล้วโบกมือให้กันทุกคนที่อยู่ภายในตำหนัก จากนั้นรวบชายชุดของตนเอง แล้วเดินนำไป๋ฉินเดินออกไป
เย่ว์ลั่วมองไปยังทิศทางที่ซูหลีเดินออกไป จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
และไม่รู้ว่าซูหลีไปพบอู๋โยวหรานวันนี้ อู๋โยวหรานผู้นั้นจะพูดอะไรออกมาบ้าง หวังว่าคุณหนูอย่าได้ถูกนางยั่วโมโหและเกิดความผิดใจกับฮ่องเต้เลย
สตรีบางคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนนุ่มนิ่มอ่อนแอ ทว่าวิธีที่ใช้กับบุรุษนั้นมีไม่สิ้นสุด เรื่องนี้เย่ว์ลั่วเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
…
ตำหนักที่อู๋โยวหรานพำนักอยู่นั้นอยู่ใกล้กับตำหนักชิงหนิงของไทเฮา
เมื่อซูหลีถึงแล้วก็มองเห็นทหารสองคนที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกของตำหนัก
ทันทีที่มองเห็นนางเดินเข้ามา ทหารทั้งสองคนก็มองหน้ากัน จากนั้นรีบโค้งตัวทำความเคารพซูหลี
“คารวะใต้เท้าซู!”
ซูหลียกมุมปากขึ้น ยิ้มให้กับพวกเขาบางๆ แล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าทั้งสองท่านจะเกรงใจเกินไปแล้ว”
บัดนี้คนที่อยู่ในพระราชวังไม่มีใครที่ไม่รู้จักซูหลี โดยเฉพาะทหารเหล่านี้ต่างทราบดีว่าซูหลีเป็นคนข้างพระวรกายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งยังมีอะไรบางอย่าง…ยิ่งทำให้พวกเขาไม่กล้าดูแคลนนางกว่าเดิม
เพียงแต่ไยนางถึงมาที่นี่กัน
ที่นี่เป็นที่พำนักของอู๋โยวหราน!
“แม่นางอู๋เชิญข้ามาดื่มชา ตำหนักแห่งนี้ข้าเข้าไปคงไม่มีปัญหาอะไรกระมัง” ทางนี้มิได้ห้ามให้ผู้อื่นเข้าไป นี่เป็นเรื่องที่ซูหลีทราบดี
ทว่าแม้จะเข้าใจ ทว่าอะไรที่ควรถามก็ต้องถาม
“เชิญใต้เท้าซูขอรับ” เป็นธรรมดาที่ทหารทั้งสองคนนี้จะไม่กล้าขัดขวางทาง เพียงชั่วพริบตาเดียวประตูตำหนักก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว และอนุญาตให้นางเดินเข้าไป
“ลำบากแล้ว” ซูหลีก้มศีรษะเล็กน้อย แล้วนำไป๋ฉินย่างเท้าเข้าไปภายในจวน
“คุณหนูเจ้าคะ” เมื่อเดินเข้ามาภายในตำหนัก ไป๋ฉินเดินเข้าหาซูหลีอย่างระแวดระวังแล้วเอ่ยว่า “ไยบ่าวเห็นที่ตำหนักของซื่อจื่อมีทหารล้อมเต็มไปหมด ทว่าที่นี่กลับมีแค่สองคน…”
หลังจากเอ่ยคำถามนี้ออกมา แม้แต่ไป๋ฉินก็ยังจับสังเกตได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ นางรีบใช้มือปิดปากตนเองแล้วจ้องมองซูหลีตาไม่กะพริบ
ซูหลีเห็นท่าทีของนางแล้วรู้สึกว่าน่าขันยิ่งนัก
พูดว่าไป๋ฉินเฉลียวฉลาด นางมักสามารถเอ่ยถามคำถามเช่นนี้ออกมาโดยไม่สนใจผู้ใด หลังจากเห็นผู้ติดตามที่มีความสามารถที่โดดเด่นของฉินเย่หานเหล่านั้น ซูหลีจึงเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
ในพระราชวังแห่งนี้ และอาจจะรวมถึงทั้งเมืองหลวงด้วย ล้วนอยู่ในสายตาของฉินเย่หาน เขาอยากรู้เรื่องใดบ้าง นั่นถือเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
เรื่องเช่นนี้หากให้คนทั่วไปแบกรับเอาไว้ เกรงว่ายังจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ทว่าซูหลีไม่สนใจเรื่องนี้นัก ฉินเย่หานไม่ใช่คนตัดสินใจโดยพลการ อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ ฉินเย่หานมิได้ให้คนไปจัดการกับข้ารับใช้ และปล่อยให้คนเหล่านี้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องของฉินมู่ปิงในที่ที่เป็นส่วนตัว
เจตนาเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรซูหลีก็สามารถเข้าใจได้บ้าง
นางปรายตากวาดมองไปที่ไป๋ฉินปราดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ไม่ว่าอู๋โยวหรานจะเป็นอย่างไร นางก็เป็นแค่หลานสาวครอบครัวฝั่งแม่ของไทเฮา แต่บุคคลท่านนั้นเป็นราชนิกุลสายเลือดบริสุทธิ์จริงๆ เจ้าคิดว่าอย่างไร
อีกทั้งโทษที่กระทำผิดนั้นแตกต่างกัน ทางด้านนี้ก็แค่มีความประพฤติที่ออกนอกกรอบไปบ้าง ทว่าทางด้านนั้น…
เป็นการลอบสังหารฮ่องเต้ นั่นเป็นโทษประหารเก้าชั่วโคตร!
ตอนที่ 1242 คนต่ำต้อย
ไป๋ฉินผงกศีรษะคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ ทว่านางมิกล้าพูดออกมาส่งเดช นางทำได้เพียงเดินตามซูหลีระยะประชิด
ตำหนักของอู๋โยวหรานผู้นี้ไม่ต้องนำไปเปรียบกับตำหนักที่ซูหลีพำนักอยู่แล้ว แค่เทียบกับตำหนักของผินเฟยโดยทั่วไปก็ยังสู้ไม่ได้
เพียงแต่บริเวณที่ตั้งอยู่นั้นค่อนข้างดี อยู่ใกล้กับตำหนักชิงหนิงของไทเฮา เพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ดังนั้นนางจึงอาศัยอยู่ที่นี่ และนี่ก็ถือว่าอยู่ในกระดานหมากของไทเฮาเหมือนกัน
ซูหลีมิได้ให้ความสนใจกับทิวทัศน์ของที่นี่ หลังจากมองอย่างผ่านๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านใน
“ว้าย!” เป็นประจวบที่สาวใช้เดินออกมาจากภายในห้องพอดี เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเห็นพวกซูหลีทั้งสองคน จึงร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างห้ามมิได้
ซูหลีมองสาวใช้ผู้นี้จึงรู้สึกไม่คุ้นตานัก นางดูอายุยังน้อย ดูจากท่าทางของนางแล้วเกรงว่าจะเป็นคนที่ไม่รู้ความนัก ภายในวังหาใช่สถานที่ที่จะสามารถส่งเสียงดังได้ หากรบกวนผู้สูงศักดิ์จะทำอย่างไรกัน
แม้จะพูดว่าที่นี่เป็นพระราชวังน้ำพุร้อน ทว่าผู้สูงศักดิ์ทุกท่านล้วนอยู่ที่นี่ครบทุกท่าน!
“แม่นางอู๋อยู่ภายในห้องหรือไม่” ไป๋ฉินปรายตามองสาวใช้ผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“คุณหนูอยู่ภายในเจ้าค่ะ” แม้สาวใช้ผู้นั้นจะโง่เขลาถึงเพียงใด นางก็รู้จักซูหลีผู้นี้ดี นางรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยจึงถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“อืม” ไป๋ฉินตอบ นางเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเอ่ยว่า “ออกไปเถิด ใต้เท้าของพวกเรามีเรื่องที่ต้องการพูดกับแม่นางอู๋สักสองสามประโยค”
“เจ้าค่ะ!” เมื่อสาวใช้ได้ยินดังนั้น จึงก้าวเท้าเดินออกไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ไป๋ฉินเห็นดังนั้นจึงรู้สึกหน่ายใจในทันที
นางติดตามอยู่ข้างกายซูหลีมานานแล้ว และเป็นหัวหน้าสาวใช้มาโดยตลอด สาวใช้ทุกคนจะต้องส่งมาอยู่ภายใต้การอบรมของนาง เมื่อดูจากลักษณะท่าทางของสาวใช้ผู้นี้แล้วก็ทำให้นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจริงๆ
คุณสมบัติเช่นนี้หากอยู่ในมือของนางคงจะไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ และไม่รู้ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงสามารถเข้ามาในวังและปรนนิบัติข้างกายอู๋โยวหรานได้
“เจ้ารออยู่ที่นี่เถิด” ซูหลีมิให้ไป๋ฉินเข้าไปด้วย นางหันมาออกคำสั่งกับไป๋ฉินประโยคหนึ่ง
“เจ้าค่ะ” สีหน้าของไป๋ฉินยังคงเรียบเฉย ตลอดสองปีกว่าที่นางอยู่ข้างกายซูหลีหากยังไม่รู้จักใจเย็น เกรงว่าคงจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหัวหน้าสาวใช้ของซูหลีแล้ว
นอกจากนี้ในเวลานี้ไป๋ฉินยังมีความเชื่อมันในตัวซูหลีเป็นอย่างยิ่ง จากที่นางพิจารณาดูแล้ว คุณหนูของพวกเขานั้นไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน จะกลัวก็เสียแต่….
ฮ่องเต้!
“ครืด” ซูหลีดันประตูให้เปิดออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในห้องอย่างเชื่องช้า
“ไยถึงกลับมาแล้ว แค่กๆ ! ข้ามิใช่ให้เจ้าไปถามที่ห้องครัวหรือว่า มีสาลี่…แค่ก! มีสาลี่สดใหม่หรือไม่” ทันทีที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงแหบแห้งดังขึ้น
น้ำเสียงนี้ยังพอจะวิเคราะห์ได้ว่า เป็นเสียงของอู๋โยวหรานผู้นั้น
ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น สีหน้ามีความคลุมเครืออยู่บ้าง นางก้าวเท้าเดินเข้าไปกวาดตามองโดยรอบอยู่ครู่นึ่ง อารมณ์บนสีหน้าเปลี่ยนเป็นวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนว่าภายในห้องนี้…ให้ความรู้สึกไม่สมบูรณ์อย่างบอกไม่ถูก
ทางเข้ามีโต๊ะแปดเซียน[1]ตัวหนึ่งตั้งอยู่ ข้างโต๊ะยังมีชั้นไม้วางของตั้งอยู่ จากตำแหน่งที่ซูหลียืนอยู่นั้นสามารถสอดส่องจนเห็นเบื้องหลังของชั้นไม้วางของ ดูเหมือนว่าจะมีโต๊ะตัวเล็กจัดวาง อยู่
บนโต๊ะตัวเล็กนั้นมีกระดาษหลายแผ่นและอุปกรณ์การเขียนพวกพู่กันวางอยู่
ฝั่งตรงหน้าชั้นไม้วางของนั้นมีฉากกั้นลมตั้งไว้อยู่ บนฉากกั้นลมนั้นปักด้วยลวดลายบุปผาสี่ฤดู เพียงแต่สีค่อนข้างจะเข้มหม่นอยู่บ้าง ดูแล้วมิเหมือนกันสิ่งของที่สตรีวัยนี้จะชื่นชอบ
ซูหลีนั้นชื่นชอบสีแดงสดที่สะดุดตามาโดยตลอด โทนสีเช่นนี้ไม่ใช่สีที่นางชื่นชอบนัก
“ไยถึงมิพูดเล่า” เมื่อไม่ได้ยินสาวใช้ตอบกลับ อู๋โยวหรานผู้นั้นจึงถอดเสื้อตัวหนึ่งออก แล้วเดินอ้อมฉากกั้นลมออกมา
——
[1] โต๊ะแปดเซียน หมายถึงโต๊ะที่สามารถนั่งได้ถึง 8 คน