เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 585-586
ตอนที่ 585 ใช้คุณงามความดีทดแทนโทษ
ในเวลานี้หวงเผยซานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี คงจะสามารถพูดได้ว่า คุณชายซูผู้นี้ช่างใจกล้าบ้าบิ่นโดยแท้ ไม่ว่าเรื่องใดก็กล้ากระทำ
“มัวตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบเดินไปอีก!” เมื่อเขามีสติกลับคืนมาก็ตวาดใส่ผู้คนที่ยืนมึนงงอยู่บริเวณนี้ สั่งให้คนเข็นเก้าอี้รถเข็นตัวนั้น และนำเย่ว์ลั่วที่ซูหลีพามาด้วยเดินไปทางห้องทรงอักษร
…
ภายในห้องทรงอักษร
ตุ้บ! หวงเผยซานเดินตามด้านหลังของซูหลี ห่างกันเพียงครึ่งก้าว คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เข้ามาจะเห็นซูหลีคุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างว่านอนสอนง่าย
หวงเผยซานกวาดตามองนางอยู่ปราดหนึ่ง ในเวลานี้เขานั้นเข้าใจความรู้สึกของฮ่องเต้ดี คุณชายซูผู้นี้ในยามปกติแสร้งทำท่าทางเกรงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าแท้จริงแล้ว…
กลับไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย!
“ข้าน้อยมีความผิด ฝ่าบาทโปรดลงโทษข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ซูหลีไม่เพียงแต่จะคุกเข่าลง อีกทั้งยังยอมรับผิดด้วยตนเอง
ฉินเย่หานมองซูหลีด้วยสายตาเย็นชา สายตาของเขานั้นทำให้หัวใจของหวงเผยซานรู้สึกหวาดหวั่น
“ออกไปกันให้หมด” หวงเผยซานมองไปโดยรอบครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำข้ารับใช้ในวังทั้งหมดออกไป เซียนทะเลาะกันแต่มนุษย์ได้รับความลำบาก ถ้าเป็นเช่นนั้น ในเวลานี้เขาไปรอข้างนอกเสียดีกว่า!
“เจ้ามีความผิดอะไร” ฉินเย่หานมองซูหลีอย่างแน่วแน่ บนใบหน้ารูปไข่ที่งามลออไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของซูหลีดูนิ่งสุขุมเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยิ่งซูหลีทำท่าทางเช่นนี้ ในใจของฉินเย่หานก็ยิ่งมีโทสะยิ่งกว่าเดิม
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่ควรปะทะกับไทเฮาเหนียงเหนียง อีกทั้งไม่ควรกำเริบเสิบสานในวังหลวงเช่นนี้ และไม่ควร…” ซูหลีพูดถึงตรงนี้ พลันหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน และมองไปที่เก้าอี้รถเข็นปราดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าน้อยไม่ควรสร้างเก้าอี้รถเข็นขึ้นโดยพลการ”
ทันทีที่คำพูดนี้พูดจบ บรรยากาศภายในห้องทรงอักษรหยุดชะงักไปในพริบตา
ฉินเย่หานมองซูหลีด้วยสายตาเยียบเย็น ในดวงตาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ดูเย็นชาเสียจนทำให้หัวใจของผู้ที่ถูกมองหนาวยะเยือก
ในใจของซูหลีนั้นก็รู้สึกหวาดหวั่นเหมือนกัน ที่จริงแล้วหลังจากที่ถูกฉินมู่ปิงเห็นกระดาษภาพนี้เข้า นางก็รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
นางไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินมู่ปิงสองพ่อลูกกับฉินเย่หานเป็นอย่างไรบ้าง และไม่รู้ว่าการมอบกระดาษภาพวาดนี้ให้กับฉินมู่ปิงเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ สถานการณ์ในเวลานั้น นางนั้นเปรียบกับอยู่บนหลังเสือที่ลงมาได้ยาก
เดิมทีนางเตรียมตัวจะมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันทีหลังจากที่กลับจากสวนดอกเหมยในวันนั้น ทว่า…เป็นเพราะเรื่องของป๋ายถาน ทำให้หัวใจของซูหลีไม่เป็นสุขโดยแท้
นางไม่อยากจะเข้าวัง ยื้อเวลาเข้าวังมาเรื่อยๆ จนฉินมู่ปิงสามารถทำเก้าอี้รถเข็นได้สำเร็จ
ซูหลีถึงตระหนักว่าเรื่องนี้จักต้องเข้าวังเพื่อรายงานกับฮ่องเต้ มิเช่นนั้นยามถึงคราที่เก้าอี้รถเข็นตัวนี้ปรากฏอยู่ข้างกายฉินเฮ่า สามารถทำให้ฉินเฮ่าสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ และฉินเย่หานเป็นคนสุดท้ายที่รับรู้ ถ้าอย่างนั้นนางคง…
“ข้าน้อยมีความผิด ข้าน้อยสมควรตาย!” นางหมอบลงบนพื้น อีกทั้งร่างกายของซูหลีสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้
สิ่งที่ตอบนางมีเพียงแค่ความเงียบเป็นเวลานานของฉินเย่หานเท่านั้น
ซูหลีเงยหน้ามองฉินเย่หานอย่างอดไม่ได้ ทันทีที่เหลือบตามองก็พบกับสีหน้าไร้อารมณ์ของฉินเย่หาน เมื่อมองจากสีหน้าและดวงตาคู่นั้นแล้ว นางแทบมองไม่เห็นอะไรเลยทั้งสิ้น
“ข้าน้อยคิดว่าถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นถึงจะนำมันเข้ามาในวังหลวงเตรียมจะถวายให้กับฮ่องเต้ เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงได้รับการเข็นเคลื่อนที่ไปได้ทุกหนทุกแห่ง อีกทั้งมีราษฎรบางคนที่จำเป็นจักต้องใช้มัน ก็จะสามารถใช้ของสิ่งนี้ได้ด้วย…”
เมื่อตกอยู่ในสายตาของฉินเย่หาน น้ำเสียงของซูหลีก็เปลี่ยนเป็นเบาลงเรื่อยๆ…
สุดท้ายนางก็ปิดปากลงอย่างรู้สึกลำบากใจ เอาเถอะ นางรู้ว่าตอนนี้มันไม่ทันกาลแล้ว ฉินมู่ปิงทำของสิ่งนี้ออกมาแล้ว นางถึงได้นำมาถวายให้แด่ฮ่องเต้
ทว่าซูหลีมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ในเวลาอันสั้นนี้แม้ฉินมู่ปิงจะมีความสามารถถึงเพียงใด ก็ไม่สามารถสร้างของสิ่งนี้ออกมาเป็นจำนวนมากได้
ไม่แน่ในเวลานี้อาจจะสามารถทำออกมาได้สองชิ้นเท่านั้น
ตอนที่ 586 จะพิสูจน์อย่างไร
ตัวหนึ่งอยู่กับนางที่นี่ อีกตัวหนึ่ง…แน่นอนว่ามอบให้ฉินเฮ่า
แค่ไม่กี่วันนี้ เขาสามารถศึกษาอย่างละเอียดและสร้างเก้าอี้รถเข็นขึ้นมาอย่างถูกต้อง ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เขาอยากจะสร้างขึ้นจำนวนมากหรือใช้ของทำอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ซูหลีสั่งให้ฉินมู่ปิงทำให้นางตัวหนึ่ง
ขาของนางหายแล้ว ทว่าของสิ่งนี้นางต้องการใช้มันสร้างความดีทดแทนความผิดต่อหน้าฉินเย่หาน!
“เก้าอี้รถเข็นตัวนี้ ซื่อจื่อสั่งให้ช่างไม้ตั้งใจทำอยู่นานมากถึงจะสามารถทำออกมาได้ เมื่อมีของสิ่งนี้ ฮ่องเต้ทรงมอบให้นายช่างใต้อาณัติของพระองค์ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จักสามารถทำออกมาเหมือนกันราวกับแกะได้แล้ว ของสิ่งนี้ที่จริงทำจากไม้ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“ทว่าหากปรับปรุงไม้ที่ใช้ในการทำ เช่นนั้นราษฎรชาวบ้านสามัญก็จักสามารถใช้ได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ซูหลีพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดฉินเย่หานก็มีท่าทีตอบโต้ แม้จะเป็นแค่การส่งเสียงเย็นที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างง่ายๆ ทว่าสำหรับซูหลีนั้น นี่ถือเป็นท่าทีตอบโต้ที่มากที่สุดแล้ว
นางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นมองฉินเย่หานด้วยสายตาหยาดเยิ้ม นางยิ้มและเอ่ยว่า “หากสามารถแก้ปัญหาราษฎรที่ท่อนขาพิการจำนวนมากได้ พวกเขาจักต้อง…”
ซูหลียังไม่ทันจะพูดจบ นางก็เห็นฉินเย่หานเดินเข้ามาหานางก้าวหนึ่ง เพียงแค่ก้าวหนึ่งนางก็รู้สึกเหมือนถูกคนบีบคอเอาไว้ ไม่สามารถพูดต่อได้แม้แต่ประโยคเดียว
“ทำไมถึงไม่มาหาเรา” ฉินเย่หานโน้มกายเข้ามา ใช้มือจับคางนางเอาไว้
ซูหลีชะงักงัน…
พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ อย่าเข้ามาใกล้นางขนาดนี้จะได้หรือไม่
“ขะ ขาของข้าน้อยไม่แข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ!” ทันทีที่สมองเฉียบแหลมของซูหลีเริ่มถูกใช้งาน นางก็เอ่ยข้ออ้างเช่นนี้ขึ้นมาทันที
ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา นางกลับเห็นดวงตาที่เย็นยะเยียบของฉินเย่หานคู่นั้นหรี่ตาลงเล็กน้อย กวาดมองนางปราดหนึ่ง
ในชั่วขณะนี้นางรู้สึกว่าหัวใจของตนเองหนาววูบไปแล้วครึ่งซีก ร่างกายนางถอยไปด้านหลังด้วยอาการสั่นเทิ้ม นางอยากจะหลบหนีออกจากสายตาและลมหายใจของฉินเย่หาน
“ซูหลี คำพูดของเรา เจ้าลืมไปแล้วรึ” ซูหลีก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะมองฉินเย่หานต่ออีก ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดที่เย็นชาและแข็งกระด้างประโยคนี้ นางก็แสดงท่าทางตะลึงค้างอย่างชัดเจน และเตรียมจะถามจากจิตใต้สำนึกว่า…คำพูดอะไรกัน
ยังดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของนางค่อนข้างว่องไว จึงควบคุมตนเองเอาไว้ได้ทัน
ทว่านางกลับแสดงท่าทีหยุดชะงักและอ้ำอึ้งออกมาอย่างชัดเจน ทำให้สีหน้าของฉินเย่หานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา บรรยากาศภายในห้องทรงอักษรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อเกินจะเปรียบ
“ขะ ข้าน้อยมิบังอาจลืม!” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร นางเอ่ยไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ซูหลีถ่มน้ำลายใส่ตัวเองในใจ เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือฮ่องเต้ผู้มีพระทัยเย็นชาและแข็งกระด้าง เมื่อใช้ประโยชน์นางเสร็จแล้วก็สามารถโยนนางทิ้งได้ตามอำเภอใจ ไยนางถึงได้รู้สึกว่าตนกำลังทำอะไรผิดก็มิปาน ร่างกายของนางสั่นงกๆ ต่อหน้าเขา กลัวว่าตนจะพูดอะไรผิดไป
สังคมจักรวรรดิที่ชั่วร้าย…
“จะพิสูจน์อย่างไร” ทว่าสิ่งที่ซูหลีคาดไม่ถึงคือ ฉินเย่หานจะเอ่ยประโยคนี้เสริมขึ้น
พิสูจน์!? ไยถึงต้องพิสูจน์เรื่องเช่นนี้อีก นางไม่รู้ว่าฉินเย่หานจะพูดถึงนั้นคืออะไร นางจะรับรู้ได้อย่างไรว่าตนจักต้องพิสูจน์อะไร
นี่ก็สร้างความลำบากให้นางเกินไปเสียแล้ว!
ทว่าซูหลีก็ไม่รู้ว่า เรื่องที่ตนสร้างเก้าอี้รถเข็นนี้ขึ้นมานั้นเป็นเรื่องถูกหรือผิด ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือมีอะไรที่นางทำได้ก็ต้องทำ!
“หืม” เมื่อเห็นนางก้มศีรษะไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะมองเขา ฉินเย่หานจึงใช้มือเชยคางนางขึ้น เพื่อสบตาของนาง
ในดวงตาของฉินเย่หานมีความก้าวร้าวอย่างแกร่งกล้า ซูหลีถูกเขามองเช่นนี้ หัวใจจึงรู้สึกสั่นสะท้านถึงขีดสุด ทันใดนั้นนางก็ฉุกคิดได้ว่าคำพูดของฉินเย่หานคืออะไร
…เจ้าคือคนของเรา
ดังนั้น…
บัดนี้ฮ่องเต้ทรงต้องการให้นางพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตนเองหรือ!?
มุมปากของซูหลีกระตุกขึ้น นางเสียใจแล้ว! เสียใจที่เสียแรงวาดรูปอะไรนั่นขึ้นมา!