เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 617 เมามาย / ตอนที่ 618 อยู่ที่ตำหนักอวิ๋นซิน
ตอนที่ 617 เมามาย
รสสุราร้อนแรงไหลลงคอซูหลีไหลลงตามหลอดอาหารของนาง
อึก! ซูหลีรีบร้อนดื่มสุราลงคอ หลังจากดื่มหมดนางก็แดงระเรื่อ
ฉินเย่หานที่อยู่ด้านบนยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นเขาจึงยกสุราในมือขึ้นดื่มในรวดเดียว
คนด้านล่างเห็นฮ่องเต้ทรงดื่มแล้ว ย่อมไม่มีอะไรจะพูดแต่ก็ต่างยกจอกสุราขึ้นดื่มกันหมด
“ต้าโจวมีคนหนุ่มที่มากความสามารถเช่นนี้ ช่างเป็นโชคดีของแคว้นนัก เราปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง!”
ทว่านี่ยังไม่จบ!
ฟากซูหลีที่ยังมึนๆ กับสุราอยู่ ก็เหลือบตามองฉินเย่หาน เขานิ่งค้าง แล้วจึงยกจอกสุราขึ้นอีกครั้ง พลางยิ้มมุมปากขณะจ้องซูหลี
อย่าทำโจ่งแจ้งเกินไปได้ไหม!
“…” ซูหลีไร้วาจาจะเอ่ย
“ถ้านฮวาซูเชิญ” นางกำนัลรินสุราจนเต็มจอกส่งไปให้
ตอนนี้ในหัวซูหลีงุนงงไปเล็กน้อย ร่างกายนางนี้จะดื่มเหล้าไม่ได้จริงๆ เหมือนว่าพอดื่มเข้าไปฤทธิ์สุราก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
นางพยายามลืมตาขึ้นมองจอกสุราตรงหน้า ครู่ใหญ่กว่าจะชันกายลุกขึ้นยืนได้ และยกดื่มสุราในจอกจนหมด
ทว่าซูหลีคิดไม่ถึงเลยว่าพอดื่มจอกนี้หมด ฉินเย่หานจะยกดื่มอีก
นางสะบัดศีรษะตนเอง สติเริ่มไม่ค่อยแจ่มชัดนัก
“อาหลี? อาหลี?” เซี่ยอวี่เสียนที่อยู่ข้างๆ เดิมไม่ทันได้สังเกตว่านางไม่ได้สติดี จึงยังคุยเสียงเบากับโจวฉิน จนเขาหันหน้ามองเห็นซูหลีแล้ว บนใบหน้าซีดเผือดของซูหลีก็แดงก่ำแล้ว
บนใบหน้านางไม่สดใสหรือมีรอยยิ้มเย้ายวน แต่ดูไปแล้วลนลาน และโง่งม
เซี่ยอวี่เสียนเรียกนางอย่างอดไม่ได้
ซูหลีได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองเขา แววตาคู่นั้นเปล่งประกายวิบวับราวดวงดาว
“แหะ!” คิดไม่ถึงเลยว่านางหันไปยิ้มกับเซี่ยอวี่เสียน แล้วจะยกจอกสุราที่ถูกรินจนเต็มหมดทั้งอึก!
เซี่ยอวี่เสียนใบหน้าเปลี่ยนสีไปน้อยๆ เขาก็ไม่รู้ว่าซูหลีจะคออ่อนขนาดนี้
“เหวอ!” แต่ซูหลีที่ดื่มสุราสามจอกติดต่อกันก็เริ่มยืนไม่ค่อยไหวแล้ว นางโซซัดโซเซ จนเกือบล้มลงบนพื้น เซี่ยอวี่เสียนมองนางอยู่ตลอด เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็รีบร้อนเข้าประคองนาง!
“เป็นอะไรไป?” จี้ฉินที่นั่งตรงข้าม เหลือบตามองเห็นภาพตรงหน้า ก็สาวเท้าเดินไปหาพวกเขาและเอ่ยถามเสียงแผ่ว
เพราะวันนี้เป็นแค่งานเลี้ยงธรรมดาๆ จึงไม่ได้มีพิธีรีตองมากนัก ดังนั้นจี้ฉินจะลุกขึ้นยืนก็ไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไร
“เหมือนจะเมาแล้ว” เซี่ยอวี่เสียนประคองซูหลี ขมวดคิ้วมุ่น เขาอยู่ใกล้มากเสียจนได้กลิ่นหอมละมุนลอยมาจากร่างอีกฝ่าย
กลิ่นหอมอบอวลนั้นลอยวนอ้อยอิ่งตรงปลายจมูกจนทำให้จิตใจเขาว้าวุ่นใจ
“นี่…”
“ใต้เท้าเซี่ย เดี๋ยวข้าดูแลใต้เท้าซูให้เอง” ในตอนจี้ฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทันทีที่เหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นหวงเผยซานเดินมาหาพวกเขา และยื่นมือจะรับซูหลี
“หวงกงกง?” เซี่ยอวี่เสียนลังเล ไม่ปล่อยมือในทันที
“ด้านหลังตำหนักฉยงอวี้มีพระตำหนักน้อย ให้ใต้เท้าซูไปนอนพักให้สร่างเมาได้พอดี จะให้เมาเช่นนี้ที่นี่เกรงว่าคงไม่เหมาะสมนัก” หวงเผยซานเห็นจึงรีบอธิบาย
“เช่นนั้นก็…” หวงเผยซานคือตัวแทนของฉินเย่หาน เขาเดินมารับตัวซูหลี จะไม่ให้ก็ไม่ได้ เขาทำได้เพียงนิ่งไปแล้วจึงคลายมือออกพลางเอ่ย
“ฝากกงกงด้วย”
“ใต้เท้าเซี่ยพูดอะไรเช่นนั้น นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว!”
ตอนที่ 618 อยู่ที่ตำหนักอวิ๋นซิน
เรื่องที่ซูหลีก่อนั้น ฉินมู่ปิงเห็นเต็มสองตา
นิ้วเรียวยาวของเขากำจอกสุราแน่น รอยดำมืดวูบไหวในดวงตาเรียวยาวราวนัยน์ตาหงส์
งานเลี้ยงพระราชทานวันนี้ ซูหลีเป็นตัวหลักอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะช่วงนี้ซูหลีโดดเด่นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าตัวหลักจะมาสาย แต่พอเข้ามางานเลี้ยงไม่ได้นานเท่าไหร่ก็เมาแล้ว
ฉินเย่หานเองที่เป็นคนเย็นชามาแต่ไหนแต่ไร วันนี้ยังดื่มถึงสามแก้วติดต่อกัน
ไม่รู้เพราะอะไร ฉินมู่ปิงถึงได้รู้สึกว่าในนี้มีอะไรประหลาด
แต่ถึงจะแปลกประหลาดไปหน่อย ตอนนี้ซูหลีเมาแล้วจริงๆ จะให้อยู่ในงานเลี้ยงก็ไม่ค่อยเหมาะสม
ฉินมู่ปิงชะงักนิ่ง อยากจะเรียกข้ารับใช้ให้ไปดูซูหลี แต่พอย้อนคิดดู ที่นี่เป็นวังหลวงเขาควรระวังเอาไว้สักหน่อยน่าจะดีกว่า
แต่ในตอนที่เขาลังเล ซูหลีก็ถูกหวงเผยซานพาออกจากตำหนักฉยงอวี้ไปแล้ว
ฉินมู่ปิงกวาดตามองทางนั้น หลุบตาลงดื่มสุราที่เหลือในจอกจนหมด และสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร
หลังจากดื่มเหล้าไปแล้วเป็นจำนวนมาก คนที่เหลือก็เริ่มเมาไปกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟากของเซี่ยอวี่เสียน ที่ผู้สอบผ่านเหลือแค่เขาและโจวฉิน พวกเขาโดนมอมไปแล้วไม่น้อยสติเริ่มเลอะเลือน
ตั้งแต่ซูหลีถูกแบกออกจากตำหนักฉยงอวี้ ฉินเย่หานก็ไม่แตะต้องสุราอีก เมื่อเห็นบรรยากาศในพระตำหนักครึกครื้น เขากลับยื่นพระหัตถ์ออกมาบีบขมับตนเอง
“ฝ่าบาททรงเหนื่อยแล้วหรือ?” เมื่อเห็นฉินเย่หานทำท่าทางเช่นนี้ หวงเผยซานก็รีบก้าวประชิดพระวรกายอย่างรวดเร็ว
ดวงตาฉินเย่หานนิ่งเรียบเฉยราวบ่อน้ำแห้ง กวาดสายพระเนตรมองเขา จากนั้นก็ค้อมศีรษะน้อยๆ และชันกายลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาทเสด็จ!” หวงเผยซานเห็นเช่นนั้น รีบร้อนลุกขึ้นยืน เดินออกไปด้านนอกพร้อมกับฉินเย่หาน
“ถวายบังคมฝ่าบาท!” นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ถึงแม้ฝ่าบาทจะทรงพระราชทานเลี้ยง แต่หากทรงประทับอยู่ในตำหนัก พวกข้าราชบริพารก็ไม่มีใครกล้าผ่อนคลายได้เต็มที่ ดังนั้นปกติงานเลี้ยงพวกนี้พระองค์ก็จะไม่ทรงอยู่นาน
ตอนนี้พอเห็นฮ่องเต้ทรงชันพระวรกายลุกขึ้น คนในตำหนักก็คุกเข่าทำความเคารพและส่งเสด็จโอรสสวรรค์ทันที
ไม่ได้ต่างอะไรจากที่ผ่านมามากนัก ฉินมู่ปิงที่คุกเข่าอยู่ก็เหลือบสายตาขึ้นมอง ร่างที่ค่อยๆ หายไปในความมืด แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด
เขามักรู้สึกว่าวันนี้ออกจะประหลาดเล็กน้อย แต่พอพูดขึ้นมาจริงๆ แล้วก็เหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรแปลกเสียหน่อย
จะมีก็แต่…
ซูหลีที่พอปรากฏตัวก็เมามายจนถูกคนหิ้วไปเก็บ ทำให้คนใส่ใจอย่างยิ่ง
ทว่าพอฉินมู่ปิงฉุกคิดขึ้นมา ซูหลีฉลาดออกปานนั้นกระทั่งคนทั้งสำนักหมอหลวงมาจับชีพจรนางต่อหน้าสาธารณชน ก็ยังจับเรื่องที่นางเป็นอิสตรีไม่ได้
คนประเภทนี้ไม่ควรให้เขาต้องเป็นกังวลใจแทน
ฉินมู่ปิงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้ และหันหน้าไปพูดคุยกับคนรอบข้างแทน
…
ส่วนฟากฉินเย่หานที่มีหวงเผยซานเดินตามหลังต้อยๆ ก็เดินออกมาจากตำหนักฉยงอวี้
แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ฉินเย่หานที่อยู่ด้านหน้าชะงักฝีเท้าและหันมองหวงเผยซานที่เดินตามหลังมา
“คนล่ะ?”
ทันทีที่หวงเผยซานได้ยินเช่นนี้ก็รีบค้อมกายลงเอ่ย “อยู่ที่ตำหนักอวิ๋นซิน บ่าวให้คนไปดูแลแล้ว”
“อืม” ฉินเย่หานได้ยินเช่นนั้นก็ค้อมศีรษะรับน้อยๆ ไม่ตรัสอะไรอีก สาวเท้าเดินไปตำหนักอวิ๋นซิน
หวงเผยซานละล้าละลัง ในแววตาฉายแววสับสน
แค่เพราะซูหลีที่เมามายไม่ได้อยู่ตำหนักน้อยในตำหนักฉยงอวี้