เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 645 ตอบตกลง / ตอนที่ 646 เรื่องส่วนตัวของราชนิกุล
ตอนที่ 645 ตอบตกลง
ฉินมู่ปิงผู้นี้มีความคิดและแผนการที่ล้ำลึกขนาดนี้
หากยังแข็งข้อกับเขา เกรงว่าคงไม่มีจุดจบที่ดีอะไร
จากที่เขาสามารถฝืนแสร้งทำเป็นคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงมาสองปีแล้ว ซูหลีก็พอจะทราบว่าคนผู้นี้ไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ!
“ซูหลี!” สีหน้าของฉินมู่ปิงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รอยยิ้มบนใบหน้ามลายหายไปอย่างหมดจด เขาปั้นสีหน้าแข็งกระด้างแล้วมองที่ซูหลี ดวงตานั้นเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เห็นแล้วก้นบึ้งของหัวใจหนาวสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“ทำไมรึ” ทว่าซูหลีกลับไม่กลัวเขา เมื่อได้ยินเขาตะโกนเรียกชื่อตนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางยังเลิกคิ้วแล้วสบตาเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“หรือจะแทงใจดำของซื่อจื่อจนทำให้ซื่อจื่อโมโหแล้ว?”
ฉินมู่ปิงจ้องนางตาไม่กะพริบ ภายในดวงตาดำคู่นั้นดูพลุกพล่านเสียจนผู้คนมองรู้สึกไม่สงบ
ทว่าความรู้สึกเหล่านี้มิได้ปรากฏบนใบหน้าของเขานาน เพียงช่วงพริบตาเดียวสีหน้าเช่นนี้ก็ถูกเขาปิดซ่อนเอาไว้ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนกลับเป็นใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มและท่าทีไม่เคร่งขรึมจริงจังต่อเรื่องอะไรดังเดิม
“เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดกระตุ้นข้า ไม่ว่าอย่างไรเสด็จลุงก็เป็นเสด็จลุงของข้า ข้าสายเลือดจิ้งหนานอ๋อง จงรักภักดีต่อเสด็จลุงมาโดยตลอด ไม่ใช่เจ้าเอ่ยอะไรอย่างง่ายๆ ออกมาประโยคสองประโยคก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
ซูหลีเห็นฉินมู่ปิงปรับเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วขนาดนี้ จึงแสดงรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาบนใบหน้า
นางไม่เคยคิดว่าจะสามารถพูดเกลี้ยกล่อมอะไรฉินมู่ปิงได้
“หากข้าตอบตกลง ข้าสามารถได้ประโยชน์อะไรกัน” ภายในห้องเงียบไปพริบตาหนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ซูหลีเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา
ดูเหมือนว่าหลังจากถูกฉินมู่ปิงข่มขู่ ผ่านไปนานกว่าจะใจเย็นลง แล้วเจรจาต่อรองกับฉินมู่ปิงอย่างสงบ
ฉินมู่ปิงเห็นนางถามคำพูดประโยคนี้ออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน เขาเดินเข้าใกล้ซูหลี แม้ซูหลีอยากจะถอยหลัง นางกลับได้ยินคำพูดที่เขาเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาข้างใบหู
“หรือการรักษาความลับให้แก่เจ้า จะไม่ใช่ประโยชน์ที่สำคัญที่สุด?”
ซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว จึงมีความกรุ่นโกรธฉายขึ้นบนใบหน้า
ทว่าเมื่อนางแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา ถึงทำให้สีหน้าของฉินมู่ปิงผ่อนคลายลง
เขาทราบดีว่าซูลีไม่มีทางที่จะตอบตกลงอย่างง่ายได้ ทว่าจับจุดอ่อนของซูหลีได้แล้ว ซูหลีก็ไม่มีวิธีอื่น
“เสวี่ยหลิงหลงกล่องนี้ ยังนับว่าเป็นของกำนัลหรือไม่” ซูหลีเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นพลันเปิดปากเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“แน่นอน” ฉินมู่ปิงผงกศีรษะ ในดวงตาทอประกายบางอย่างออกมา
ซูหลีเหลือบตามองเขาอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นมือหยิบกล่องยาวบนโต๊ะ
ฉินมู่ปิงจ้องมองอากัปกิริยาของนางอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลานี้เขาถึงได้ยิ้มออกมา ซูหลีทำเช่นนี้ นั่นหมายความว่านางตอบตกลงคำขอของเขาแล้ว
“เจ้าอย่าดีใจนัก ข้าเพียงตอบตกลงเรื่องของพวกเขาในวันนี้เท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นๆ ข้าไม่มีทางเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน” ซูหลีปั้นหน้าเฉยเมยก่อนเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ฉินมู่ปิงเห็นท่าทางวางมาดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขากลับรู้สึกขบขันนัก ทว่าเมื่อได้ยินดังนั้นเขาเพียงผงกศีรษะ ถือว่าตอบตกลงแล้ว
ทันทีที่เขาผงกศีรษะ ซูหลีก็ถือกล่องใบนั้นเดินออกไป
และครั้งนี้ฉินมู่ปิงไม่ได้ขัดขวางนางเอาไว้อีก
เขาฉีกยิ้มบางมองซูหลีที่เดินออกไปไกลแล้ว มีประกายความคลุมเครือพาดผ่านในดวงตาของเขา การตอบตกลงเรื่องนี้ เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ซูหลีผู้นี้สุดท้ายจักต้องรับใช้เขาในทุกเรื่อง!
…
“คุณชายเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” เมื่อเห็นซูหลีเดินออกมาจากหอสุยอวิ๋น ในมือยังถือกล่องใบหนึ่งออกมา สีหน้าของนางค่อนข้างจะตึงเครียด ชุยตานมองดูแล้วจึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงส่ายศีรษะไปมาและเอ่ยว่า “ไปเถอะ”
ชุยตานเห็นดังนั้นจึงไม่ถามอะไรอีก เพียงขับรถม้าออกจากที่นี่ไป
ซูหลีที่อยู่ภายในรถม้ากลับผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ตอนที่ 646 เรื่องส่วนตัวของราชนิกุล
พูดตามความจริงแล้ว เมื่อครู่ซูหลีนั้นกลัวว่าฉินมู่ปิงจะขัดขวางนาง ไม่ให้นางเดินออกไป
หรือ…
หรือจะกระทำเรื่องเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่ฉินเย่หานกระทำก่อนหน้านี้
ที่จริงฉินมู่ปิงไม่ได้กระทำเช่นนั้น ทั้งยังปล่อยนางไป
อาจจะเป็นเพราะที่นี่คือเมืองหลวง หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น ถึงอย่างไรซูหลีก็โล่งใจแล้ว
มิผิด นางตอบตกลงคำขอของฉินมู่ปิงแล้วมิผิด ทว่าแท้จริงแล้วนางเข้าใจอย่างชัดแจ้งดี ถึงได้ตอบตกลงฉินมู่ปิง ทว่านี่ก็แค่แผนรับมือเรื่องนี้เท่านั้น
นางเกรงว่าหากปฏิเสธตามตรง ฉินมู่ปิงคงอารมณ์ไม่ดี ถึงเวลาอาจจะกระทำอะไรได้ หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ดีแล้ว
อย่างไรสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รับมือได้ยาก แม้ฉินมู่ปิงจะสั่งให้นางสอดแนมข่าวคราวเท่านั้น ทว่าฉินเย่หานนั้นเป็นคนเช่นไร นางเพียงแสดงท่าทางสนใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว เกรงว่าฉินเย่หานก็สามารถมองออกแล้ว
ซูหลีสามารถตบตาต่อหน้าฉินมู่ปิงได้ ทว่านางไม่กล้ามั่นใจว่าตนจะไม่ถูกฉินเย่หานมองอย่างทะลุปรุโปร่ง
ทว่าเรื่องที่ซับซ้อนคลุมเครือของราชนิกุลเหล่านี้ ซูหลีไม่คิดอยากจะส่วนร่วมเลยแม้แต่น้อย
แม้บัดนี้นางจะกลายเป็นสตรีของฉินเย่หานแล้ว ทว่านี้ไม่ได้หมายความว่านางต้องพึ่งพาฉินเย่หานในการดำเนินชีวิต
นางไม่พึ่งพาใครทั้งสิ้น
รอนางเป็นขุนนางในราชสำนักและหาโอกาสตรวจสอบเรื่องของสกุลหลี่ในปีนั้นอย่างชัดแจ้ง ทั้งยังสามารถล้างมลทินให้กับสกุลหลี่ได้แล้ว นางก็จะออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ อยู่ให้ห่างจากเรื่องเหล่านี้
ตุบ! ซูหลีถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาเฮือกหนึ่ง จากนั้นเอนศีรษะของตนไปที่หมอนที่อยู่ด้านหลัง
ฉินมู่ปิงก็ไม่ได้เผยธาตุแท้ออกมาต่อหน้านางมากมาย ทว่าสิ่งที่นางครุ่นคิดค่อนข้างมากก็คือ แม้แต่ตัวซูหลีก็ยังไม่รู้ว่า เรื่องเหล่านี้ฉินเย่หานจะรู้หรือไม่
ทว่าไม่ว่าฉินเย่หานจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ นางก็ไม่อาจผลีผลามทำอะไร
ฉินมู่ปิงไม่ใช่คนที่คบค้าสมาคมได้อย่างง่ายดาย วันนี้นางตอบตกลงเขาแล้ว เขาจักต้องสั่งให้คนจับตามองนางแน่นอน
ซูหลีเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ จะแบกรับความลำบากเช่นนี้ได้เสียที่ไหนกัน ฉินมู่ปิงอยู่ในเมืองหลวงมาสองปีแล้ว ไม่มีทางที่จะมีผู้ติดตามเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าข้างกายเขามีคนที่มีฝีมืออีกกี่คนกัน
ภายในเวลาอันสั้น ซูหลีไม่สามารถทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าได้
ทว่า…
ซูหลีแค่นยิ้มเย็นออกมาครู่หนึ่ง ฉินมู่ปิงก็ดูคนผิดไปเช่นกัน ซูหลีผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่คบค้าสมาคมได้ง่ายๆเช่นกัน
ในเมื่อเขาสามารถข่มขู่นางได้ เช่นนั้นนางก็ต้องโจมตีกลับถึงจะถูก
ทั้งยังต้องโจมตีกลับอย่างที่ไม่มีคนมองพิรุธนี้ออก!
นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก
เรื่องที่ยามนั้นไม่ใช่วิธีที่จะโจมตีฉินมู่ปิง ทว่าเป็นเพราะข้างกายซูหลีไม่มีใครให้เรียกใช้
ข้างกายนางมีเพียงสาวใช้สองคน กับชุยตานเท่านั้น แม้พลังยุทธ์ของชุยตานจะไม่เลวนัก ทว่าหากเปรียบเทียบกับผู้มีฝีมือแล้ว อย่างไรก็ถือว่ายังด้อยกว่ากันมาก
ซูหลีไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่วูบหนึ่ง ครุ่นคิดจนรู้สึกปวดสมองแล้ว ก็ยังคิดวิธีแก้ปัญหาเรื่องหาผู้ช่วยไม่ได้
อีกทั้งนางไม่คิดจะนำเรื่องนี้แพร่งพรายกับฉินเย่หานตั้งแต่แรก
อันดับแรกนางไม่รู้ว่าฉินเย่หานทราบเรื่องนี้หรือไม่ อันดับที่สองหากเจาะทำลายหน้าต่างกระดาษชั้นนี้ให้เปิดออก[1] นี่คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว โดยเฉพาะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่น้องร่วมอุทรของฉินเย่หาน
โทษการใส่ร้ายป้ายสีชินอ๋อง ก็สามารถทำให้นางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
ประการที่หนึ่งนางก็ไม่มีหลักฐาน ประการที่สองนางก็หวาดกลัวฉินมู่ปิง ส่วนประการที่สามอย่าลืมว่าในมือของฉินเฮ่ามีอำนาจทหารที่ยังไม่ได้เรียกอยู่มากมายเท่าไหร่และ ได้ซ่อนเร้นเรื่องต่างๆ มาตลอดหลายปีนี้ ไม่รู้ว่าจะมีไพ่ที่ยังไม่เปิดกี่ใบ
หากนางกระทำสิ่งใดอย่างสะเพร่าไปยุแหย่ฉินเฮ่าเข้า จนฉินเฮ่านำทหารก่อกบฏแล้วละก็ ผลของมันคงอันตรายจนไม่อยากจะคิด
ฮ่องเต้จะเปลี่ยนเป็นใครไม่มีทางรู้ ทว่าชาวบ้านต้องประสบไฟสงครามนี้
แม้ซูหลีจะเห็นแก่ตัวอย่างไร ก็ไม่มีทางกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมา
ไม่แน่ฉินเย่หานอาจจะทราบเรื่องนี้แล้ว ถึงไม่ลงมือกับครอบครัวของจิ้งหนานอ๋อง!
——
[1] เจาะทำลายหน้าต่างกระดาษ เป็นการเปรียบเปรย หมายถึงการเปล่งวาจาในเรื่องที่ทุกคนต่างทราบกันไปแบบโต้งๆ