เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 653 คุ้มกันส่งกลับจวน / ตอนที่ 654 ว่าราชกิจยามเช้าครั้งแรก
- Home
- เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ
- ตอนที่ 653 คุ้มกันส่งกลับจวน / ตอนที่ 654 ว่าราชกิจยามเช้าครั้งแรก
ตอนที่ 653 คุ้มกันส่งกลับจวน
อีกทั้งต้องเผชิญกับความรังเกียจของคนจำนวนมาก
ยามที่ลู่เหมียนเหมียนถูกเฉิงเค่อดึงทึ้งเสื้อผ้าเมื่อครู่ ในใจนั้นมีการตัดสินโดยไม่หวาดหวั่นต่อความตายแล้ว นางคิดในใจแล้วว่าหากวันนี้ถูกทำให้แปดเปื้อน นางใช้ได้แค่ความตายเป็นการแสดงเจตนา ถึงจะสามารถทำให้ทั้งสกุลลู่ไม่ถูกประณาม
คิดไม่ถึงซูหลีจะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกกมา
ใช่แล้ว คนที่กระทำผิดคือเฉิงเค่อ มิใช่นาง…
เดิมมีความกดดันอยู่ในใจของลู่เหมียนเหมียนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากได้ยินคำพูดของซูหลีแล้ว เพียงชั่วขณะหนึ่งกลับทำให้นางผ่อนคลายลงไม่น้อย
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเหล่านั้น เรื่องในวันนี้แม่นางลู่คิดจัดการอย่างไร จะบอกคนในครอบครัวหรือไม่” ซูหลีหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยเรื่องที่สำคัญที่สุดออกมา
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้นก็อ้ำอึ้งไป จากนั้นผงกศีรษะ
เสื้อผ้านางฉีกขาด ทั้งร่างดูราวกับสุนัขจนตรอก กลับจวนสกุลลู่เช่นนี้นางจะสามารถปิดบังอะไรได้หรือ
กอปรกับในใจของลู่เหมียนเหมียนมีความละอายใจเป็นอย่างมาก เป็นเพราะบุรุษคนหนึ่ง นางกลับเอาใจออกหากจากทุกคนในครอบครัว ทว่าบัดนี้กลับได้การปฏิบัติเช่นนี้
นางไม่มีหน้ากลับหาบิดาและมารดา
“เช่นนี้แล้วกัน เรื่องในวันนี้ข้าก็จะเข้าไปมีส่วนรวมด้วย ข้าไปที่จวนพร้อมกับเจ้า ไปพบใต้เท้าลู่เสียหน่อย ลองดูความเห็นของใต้เท้าลู่ ทำตามที่ปรึกษาหารือก็แล้วก็แล้วกัน”
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้น จึงอดมองซูหลีด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้
ความรู้สึกที่นางมีต่อซูหลีก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเช่นกัน
ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่าซูหลีไม่เลวนะ อย่างไรซูหลีก็ช่วยกู้หน้านางหลายครา ทว่าหากพูดไปตามความเป็นจริง ทั้งสองคนไม่ได้สนิทขนาดนั้น โดยเฉพาะชื่อเสียงที่โด่งดังอยู่ภายนอกของซูหลีนั้น…ซูหลีเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวง!
ทว่าเมื่อฉุกคิด เฉิงเค่อผู้นั้นก็เป็นผู้นำหนึ่งในสี่อัจฉริยะแห่งฉยงสือ มีความประชดประชันพาดผ่านบนใบหน้าของลู่เหมียนเหมียน ทุกคนล้วนกล่าวว่าลูกผู้ดีที่ร่ำรวยนั้นน่ารังเกียจ เหล่าคุณชายเจ้าสำราญนั้นล้วนเป็นดังถุงสุราห่อข้าว[1] คอยยุแหย่ให้คนไม่มีความสุข
ทว่าสภาพสังคมนี้ช่างน่าขันนัก พวกที่ภายนอกมีชื่อเสียงดีเป็นพิเศษเหล่านนี้ มิหนำซ้ำคนที่ได้ตำแหน่งผู้นำที่มีความสามารถ กลับเป็นคนที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด ทว่าเหล่าคุณชายเจ้าสำราญที่ไม่เป็นที่รู้จักของทุกคนมากนัก กลับเป็นคนช่วยนางจากสถานการณ์ที่ลำบาก
ในชั่วพริบตานี้ลู่เหมียนเหมียนมีความรู้สึกที่หลากหลายในใจ เพียงเห็นแววตาของซูหลีที่แปรเปลี่ยนจนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“วางใจเถิด” ซูหลีเห็นนางมองตนเช่นนี้ ยังคิดว่านางกังวลใจเรื่องการทำโทษของคนในครอบครัว ซูหลีจึงพูดปลอบโยนประโยคหนึ่ง “อีกสักครู่ยามข้าพบกับใต้เท้าลู่ ข้าจะอธิบายเขาอย่างละเอียดเอง”
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้นจึงผงกศีรษะ และเอ่ยขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ “ขอบพระคุณคุณชายซูมาก”
ซูหลีฉีกยิ้ม นี่เป็นคำพูดที่ซูหลีได้ยินลู่เหมียนเหมียนเอ่ยมากที่สุดในวันนี้ นางยิ้มบางแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกันมิใช่หรือ”
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้น จึงแย้มยิ้มตาม
เอี๊ยด
“นายน้อยถึงแล้วขอรับ” ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงผงกศีรษะ หลังจากนั้นมองไปทางลู่เหมียนเหมียนปราดหนึ่ง ลู่เหมียนเหมียนหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง ในเวลานี้ถึงได้ผงกศีรษะให้กับซูหลี ซูหลีเห็นนางพร้อมแล้ว จึงเดินออกมาจากในภายในรถม้าตามนางไปและไปที่จวนของสกุลลู่
การไปครั้งนี้ใช้เวลาอยู่ภายในจวนของสกุลลู่อยู่หลายชั่วยาม กว่าซูหลีจะออกมาจากจวนสกุลลู่ เวลาก็ล่วงเลยไปครึ่งราตรีแล้ว
“ไปเถอะ กลับจวนกัน” ซูหลีส่งเสียงเรียกชุยตาน ชุยตานที่กำลังนอนอยู่บนรถม้าเมื่อได้ยินคำพูดของซูหลี เขาจึงรีบรู้สึกตัวขึ้นมาทันที
“แล้วคนเหล่านั้นละขอรับ” ชุยตานลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง เขามองที่รถม้าที่จอดอยู่ด้านหลัง แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา
ซูหลีได้ยินเขาถามถึงคนเหล่านั้นก็แค่นยิ้มเย็นออกมา จากนั้นเอ่ยว่า “พากลับไปด้วย อีกสักครู่ป้อนยาพวกเขาอีกครั้ง ก่อนฟ้าสว่างอย่าให้พวกเขาตื่นขึ้นมา”
ชุยตานไม่เข้าใจว่าซูหลีต้องการกระทำสิ่งใด ทว่าเขาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ซูหลีกับคนสกุลลู่จักต้องปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใจ เมื่อได้ยิน
——
[1] ถุงสุราห่อข้าว เป็นสำนวน ใช้เสียดสีคนที่ไร้ความสามารถ ว่าทำได้เพียงกินดื่ม ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
ตอนที่ 654 ว่าราชกิจยามเช้าครั้งแรก
ช่วงเช้าของวันต่อมาท้องฟ้าที่สดใส ทว่าในเรือนของซูหลียังคงเงียบสงัด
“นายน้อย! เร็วเข้าเจ้าค่ะ หากไปร่วมประชุมราชกิจยามเช้าสายขึ้นมาจะทำอย่างไร!” ในมือของไป๋ฉินถือชุดขุนนางของซูหลีเอาไว้ ทั้งยังมองซูหลีที่นั่งพิงข้างเตียงด้วยท่าทีที่เกียจคร้านอย่างร้อนใจ ทว่าเป็นนางที่ร้อนใจ ซูหลีกลับไม่ร้อนรนเลยแท้แต่น้อย
“จะรีบอะไรกัน ค่อยๆ ทำสิ” ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเดินลงจากเตียง เพื่อให้ไป๋ฉินสวมชุดขุนนางให้แก่นาง
ชุดขุนนางของราชวงศ์ต้าโจวนั้นเป็นสีน้ำเงินเข้ม ชุดขุนนางที่อยู่บนร่างซูหลีนั้นเพิ่งได้มาไม่นาน วันนี้เป็นวันแรกที่นางสวมใส่และเป็นวันที่นางประชุมราชกิจยามเช้าวันแรก
ในฐานะของคนที่ผ่านการสอบขุนนางเคอจวี่และถูกแต่งตั้งเป็นขุนนางขั้นหนึ่งระดับล่าง ดูเหมือนว่าคนทั้งเมืองหลวงคอยจับจ้องซูหลีอยู่
ดังนั้นไป๋ฉินถึงร้อนใจมาก ว่าราชกิจยามเช้ามีกฎเกณฑ์ต่างๆ หากมาเข้าร่วมสาย เช่นนั้นจักต้องถูกโบย อีกทั้งนายน้อยของพวกเขาเอวบางร่างเล็กขนาดนี้ แค่โดนโบยสองที่ก็คาดว่าคงจะหนังถลอกเนื้อแตกแล้ว จะทนการลงโทษเช่นนั้นได้ที่ไหนกัน!
“เข็มขัดมาแล้ว” ทั้งสองมือของเย่ว์ลั่วถือเข็มขัดหยกขาวเอาไว้ จากนั้นจึงส่งให้ไป๋ฉิน
เข็มขัดหยกขาวนี้เป็นเข็มขัดที่นางนำไปถวายเพื่อขอร้องฮ่องเต้ ทว่าหลังจากนั้นฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้วก็ไม่ได้ให้คนมานำเข็มขัดเส้นนี้กลับไป เข็มขัดเส้นนี้เขาเลยให้ไว้กับซูหลี
ครั้งแรกของการว่าราชกิจ ของกำนัลที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้เช่นนี้ จำเป็นต้องปรากฏบนร่างซูหลี
“เอวของนายน้อยบางเล็กโดยแท้!” ไป๋ฉินนำเข็มขัดหยกขาวรัดบนเอวซูหลี ทว่านางกลับอดเอ่ยขึ้นด้วยความหดหู่ไม่ได้ อะไรที่เรียกว่าเอวบางจนสามารถใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบได้ เอวของซูหลีก็เป็นเช่นนี้
“แม้แต่บริเวณนี้ยังอวบอิ่มขึ้น” สายตาของไป๋ฉินเคลื่อนไปที่ด้านบท และหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าอกของซูหลี จากนั้นเอ่ยด้วยความสงสัยว่า “น่าแปลกนัก แม่ของบ่าวกล่าวว่า บริเวณนี้หากอายุเกินสิบแปดแล้ว จะไม่เติบโตขึ้นอีก ทำไมถึง…”
“แค่กๆๆ!” เมื่อซูหลีได้ยินคำพูดของนางจึงไอออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ หัวข้อสนทนาที่คลุมเครือเช่นนี้ไม่พูดออกมาจะได้หรือไม่ นี่มักทำให้นางนึกถึงภาพเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมา
“พอแล้ว มิใช่เอ่ยว่านายน้อยจะสายแล้วหรือ หากยังล่าช้าต่อไป เกรงว่าในว่าราชกิจยามเช้าครั้งนี้ นายน้อยจะถูกลงโทษ!” เย่ว์ลั่วชำเลืองเห็นความแดงระเรื่อบนใบหน้าของซูหลี นางจึงฉีกยิ้มออกมาบางๆ และเบี่ยงเบนออกจากหัวข้อสนทนานี้
หลายวันมานี้ เย่ว์ลั่วจับตามองซูหลีก็รับรู้ได้ถึงควาแปลกประหลาดเช่นกัน
เดิมรูปโฉมของซูหลีนั้นค่อนข้างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ทว่าหลายวันมานี้ หลายวันมานี้ร่างกายของซูหลีดูสวยหยาดเยิ้มขึ้นกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังดูมีเสน่ห์และอรชรอ้อนแอ้นเป็นอย่างมาก
ดูคล้ายกับ…
เย่ว์ลั่วผงะไปเล็กน้อย นางฉุกคิดถึงยามที่ทำงานอยู่กับสาวใช้ผู้หนึ่งตอนที่อยู่ในจวนจี้ในอดีต สาวใช้ผู้นั้นถูกส่งให้ไปแต่งงานกับเด็กรับใช้คนหนึ่ง หลังจากที่แต่งงานทั้งร่างก็เปลี่ยนไปเหมือนกับซูหลีในตอนนี้
ที่แปรเปลี่ยนไปเป็นสตรีที่ดูหน้าหลงใหลคนหนึ่ง!
เย่ว์ลั่วไม่กล้าคิดต่อไปอีก เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าได้!
“เรียบร้อยแล้ว!” หลังจากแต่งตัวซูหลีได้สำเร็จลุล่วง ไป๋ฉินก็ถอยออกมาก้าวหนึ่ง แล้วดูรูปโฉมของซูหลี พลันผงกศีรษะ
“เช่นนั้นข้าไปแล้ว พวกเจ้าอยู่รอข้าที่บ้านดีๆ ละ” ซูหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นฉีกยิ้มชั่วร้ายให้พวกนางทั้งสองคน ทันทีที่นางแย้มยิ้ม กลับยิ่งน่าดึงดูดใจกว่าเดิม นางจ้องมองจนสาวใช้ทั้งสองมีใบหน้าแดงก่ำ พวกหน้าต่างไม่กล้าสบตากับซูหลี
นางสวมชุดขุนนางเช่นนี้ กลับไม่มีมาดเหมือนขุนนางเลยสักนิด ในทางกลับกันกลับดูไม่สุภาพเรียบร้อย ลักษณะขุนนางเช่นนี้ เกรงว่าทั้งเมืองหลวงจะมีแค่ซูหลีเท่านั้น
“นายน้อย อย่าสนใจพวกเราทั้งสองเลย ท่านรีบไปเสียเถอะ!” ไป๋ฉินผลักนางอออกไป ซูหลีเพียงฉีกยิ้มบางๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็วแล้วเดินออกไปจากจวนสกุลซู
เดิมทีวันนี้เป็นครั้งแรกที่นางเข้าร่วมประชุมราชกิจนางควรไปพร้อมกับซูไท่
ทว่านางกลับแจ้งให้ซูไท่ทราบก่อนหน้านี้แล้ว