เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 685 มีเรื่องต้องคุย / ตอนที่ 686 เป็นข้าที่ไม่คู่ควร
ตอนที่ 685 มีเรื่องต้องคุย
ซูหลีมึนงงไปหมดแล้ว
อะไรที่เรียกว่า คิดว่าลู่เหมียนเหมียนของพวกเขาเป็นอย่างไรกัน
นางตะลึงค้างและเงยหน้าขึ้นมองลู่เหมียนเหมียนอย่างห้ามไม่ได้ กลับเห็นใบหน้าแดงระเรื่อคล้ายกับดื่มของมึนเมาของลู่เหมียนเหมียน
“…” ซูหลีพูดไม่ออก
คงไม่ใช่อย่างนางคิดกระมัง
ซูหลีถึงกับมุมปากกระตุก นี่หากนางเป็นบุรุษ ที่จริงนางก็รู้สึกชื่นชมลู่เหมียนเหมียน ถึงจะต้องแต่งลู่เหมียนเหมียนเข้ามาก็ดี ทว่าปัญหาก็คือนางไม่ใช่บุรุษจริงๆ!
นี่เป็นเรื่องที่จัดการค่อนข้างยาก อย่างไรนางก็ไม่สามารถแต่งลู่เหมียนเหมียนเข้ามาได้ จะให้นางบอกผู้อื่นว่าเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ นี่ไม่ใช่การทำร้ายลู่เหมียนเหมียนไปทั้งชีวิตหรอกรึ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูหลีรู้สึกตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้เอ่ยว่า “เหมียนเหมียนถือว่าเป็นคนดีขอรับ”
นางเรียกลู่เหมียนเหมียนว่า ‘เหมียนเหมียน’ ทำให้ลู่เหมียนเหมียนตะลึงค้าง จากนั้นความเขินอายบนใบหน้ายิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม
ซูไท่เห็นดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ จะพูดอย่างไรชื่อเสียงของลู่เหมียนเหมียนก็กลายเป็นเช่นนี้แล้ว เขาไม่ยอมให้ซูหลีแต่งนางเข้ามาอย่างแน่นอน
ทว่านี่…
“แม่ทัพลู่ ข้ามีเรื่องที่ต้องคุยกับเหมียนเหมียนขอรับ” หลังจากซูหลีพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย นางกลับมองที่แม่ทัพลู่ปราดหนึ่ง
ในสายตาของแม่ทัพลู่ บัดนี้ซูหลีไม่ต่างอะไรกับว่าที่สามีของบุตรีเขา อีกทั้งยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกพอใจ นอกจากร่างกายที่ดูบอบบางเล็กไปบ้าง เรื่องอื่นก็ไม่มีข้อด้อยอะไร!
“ดีๆๆ พวกเจ้าไปเถอะ” แม่ทัพลู่ปัดมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ซูหลีเห็นดังนั้นจึงผงกศีรษะแล้วมองที่ลู่เหมียนเหมียนปราดหนึ่ง ลู่เหมียนเหมียนถูกนางมองเช่นนี้ ดวงตาจึงยิ่งเป็นประกาย
“ท่านพ่อ” ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดลู่อวี้เหิงที่อยู่ด้านข้างกลับทนมองต่อไปไม่ไหว เขามองเห็นซูหลีมองลู่เหมียนเหมียนด้วยสายตาเมินเฉย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ลูกขอตามน้องสาวไปด้วยเถิด”
แม่ทัพลู่ไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงผงกศีรษะ จากนั้นจึงหันไปพูดกับซูไท่ต่อ
ในขณะที่ซูไท่กำลังสนทนากับแม่ทัพลู่ ทว่าสายตาคู่นั้นของเขากลับมองที่ซูหลีอย่างควบคุมไม่ได้
ซูหลีผงกศีรษะให้เขาอย่างเข้าใจ ซูไท่เห็นดังนั้นจึงทำได้เพียงเก็บงำความกังวลใจของเขาเอาไว้
ช่างเถอะ อย่างไรซูหลีก็เป็นคนที่ประเมินสถาณการณ์ได้บ้าง
หากนางชื่นชอบลู่เหมียนเหมียนจริง แต่งเข้ามาในบ้านก็คงไม่เป็นไร
ฐานะตำแหน่งของซูหลีในเวลานี้ มีเรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ซูไท่กล่าวไปประโยคหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้
ซูหลีคิดไม่ถึงว่า ลู่อวี้เหิงจะตามพวกเขาไปด้วย ที่จริงแล้วในใจของนางมีความรู้สึกทะแม่งๆ กับลู่อวี้เหิงคนนี้ ทว่านางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
แม้นางจะไม่ทราบว่า หลายปีมานี้ลู่อวี้เหิงจักต้องประสบกับเรื่องอะไรบ้าง ทว่าพวกเขาก็เติบโตมาด้วยกัน และนางก็เชื่อใจลู่อวี้เหิง คำพูดที่นางจะเอ่ย ให้ลู่อวี้เหิงรับฟังด้วยก็ดีเหมือนกัน
“เชิญ” หลังจากออกจากห้องรับรอง ซูหลีก็นำลู่อวี้เหิงกับลู่เหมียนเหมียนทั้งสองคนเดินไปยังเรือนที่พักของนาง
ตลอดทางที่เดินไปนั้น ลู่เหมียนเหมียนก้มศีรษะไม่กล้าพูดอะไรกับซูหลี
พูดตามความจริง ในขณะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย คนที่ถูกซูหลีช่วยเอาไว้ในขณะนั้น คงเป็นไปได้ยากมากที่จะไม่รู้สึกหวั่นไหว
ทว่าเมื่อพูดถึงความหวั่นไหว ที่จริงแม้แต่ลู่เหมียนเหมียนก็ยังไม่แน่ใจนัก
นางรู้เพียงว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวของซูหลี ทำให้ความหลงใหลที่นางมีต่อเฉิงเค่อเบาบางลง
ซูหลีกลับทำให้นางปล่อยวางจากคนที่นางไม่สามารถปล่อยวางได้มาตลอดหลายปี
“นายน้อย!” เมื่อเห็นซูหลีกลับมา เย่ว์ลั่วกับไป๋ฉินสองคนจึงออกมาต้อนรับ
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้น จึงเงยหน้าขึ้นก็พบกับสาวใช้ข้างกายของซูหลีทั้งสองคน คนหนึ่งนั้นเป็นสาวงาม อีกคนนั้นเป็นคนน่ารักไร้เดียงสา แต่ละคนต่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทว่ากลับมีความงดงามที่เหมือนกัน!
ลู่เหมียนเหมียนชะงักไปเล็กน้อย ทว่าในใจกลับไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
ตอนที่ 686 เป็นข้าที่ไม่คู่ควร
ที่แปลกมากก็คือ แม้นางจะรู้ว่าตนเองชื่นชอบซูหลีเป็นอย่างมาก
ทว่ายามที่นางเห็นสาวใช้ทั้งสองคนปรากฏตัวข้างกายซูหลี นางกลับไม่รู้สึกริษยาเลยแม้แต่น้อย
ไม่เหมือนกับตอนที่นางชื่นชอบเฉิงเค่อ เพียงข้างกายของเฉิงเค่อปรากฏสตรีคนหนึ่งขึ้น นางจะรู้สึกตึงเครียดและว้าวุ่นเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกที่แปลกประหลาดนี้ ลู่เหมียนเหมียนตั้งข้อสรุปว่า ซูหลีหน้าตาดีเกินไปแล้ว
จึงเป็นเหตุทำให้ความงามของสาวใช้ทั้งสองคนถูกลดทอนลง
“ไปชงชามากาหนึ่ง!” เมื่อนำทั้งสองคนเข้าไปในห้อง ซูหลีก็นำนางมาที่ห้องที่ใช้รับรองแขกในยามปกติ จากนั้นจึงออกคำสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา
ไป๋ฉินรับคำสั่งของนางและเดินออกไปข้างนอก จึงเหลือเพียงเย่ว์ลั่วที่อยู่ข้างกายนาง
“เย่ว์เอ๋อร์ ไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้ หากไม่มีคำสั่งของข้า อย่าให้ใครสักคนเข้ามา” ซูหลีเห็นเช่นนั้นจึงนั่งที่ตำแหน่งของตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยกำชับประโยคหนึ่ง
“เจ้าค่ะ” เย่ว์ลั่วขานรับ
ทว่าลู่อวี้เหิงกับลู่เหมียนเหมียนก็มองนางอย่างไม่เข้าใจนัก
มีเรื่องอะไร ที่จะต้องแยกคนของตนเองออกไป อีกทั้งยังไม่ให้คนอื่นได้ยิน
ในชั่วขณะนี้ ลู่อวี้เหิงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงมองวิเคราะห์ซูหลีที่อยู่ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
อย่างไรก็ต้องกล่าวว่า ซูหลีมีรูปโฉมงดงามเป็นอันดับต้นๆ
หากมิใช่เพราะการแต่งกายของซูหลี คงจะมีคนคิดว่านางเป็นสตรีคนหนึ่ง…
“เหมียนเหมียน ข้าสามารถเรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่” เมื่อเห็นเย่ว์ลั่วออกไป ซูหลีจึงแย้มยิ้มให้กับลู่เหมียนเหมียนอีกครั้งหนึ่ง
ลู่เหมียนเหมียนผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงผงกศีรษะอย่างว่านอนสอนง่าย
ซูหลีเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นางมองลู่เหมียนเหมียนอย่างจริงจังและเอ่ยว่า “เหมียนเหมียน เฉิงเค่อผู้นั้นเขาไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีของเจ้า บัดนี้เจ้าสามารถตัดใจจากเขาได้แล้ว นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด ทว่า…”
ไม่รู้ว่าซูหลีผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ นางยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ใช่คู่ชีวิตที่ดีอะไรเช่นกัน”
ลู่เหมียนเหมียนได้ยินดังนั้น สีหน้านางจึงขาวซีด ดังนั้นที่ซูหลีเรียกนาง มาภายในเรือนที่พักของตนเองนั้น ก็เพื่อต้องการปฏิเสธนางหรือ
ความงามของสตรีที่ได้รับความนิยมในราชวงศ์นี้ ล้วนเป็นสตรีที่มีรูปร่างบอบบางและดูนิ่มนวล ลู่เหมียนเหมียนนั้นเติบโตขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะตั้งแต่ยังเด็ก นางก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตนเองเป็นอย่างมาก
หัวใจของนางนั้น ดูอ่อนแอกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของนางเป็นอย่างมาก หลังจากนางได้ยินคำพูดของซูหลีถึงกับแข็งค้างไปทั้งร่าง
“ใต้เท้าซู นี่ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน” ลู่อวี้เหิงที่มองซูหลีอย่างขัดตามาโดยตลอด เขากลับรู้สึกว่าการกระทำของซูหลีนี้ เป็นการดูแคลนลู่เหมียนเหมียน
“พี่ลู่อย่าเพิ่งร้อนใจไป” ซูหลีมองเขาปราดหนึ่ง นางเกือบจะพูดคำว่า ‘สวี่อวี้เหิง’ ทว่านางเม้มริมฝีปากและเมื่อควบคุมตนเองได้จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลว่า
“ข้าไม่ได้มีความหมายอื่น เพียงแต่ตัวตนของข้าไม่เหมาะสมที่จะอยู่เคียงข้างเหมียนเหมียนก็เท่านั้น”
“ตัวตนของเจ้า!? ตัวตนอะไรของเจ้ากัน!? ซูหลีหากเจ้าจะอาศัยตำแหน่งบันฑิตถ้านฮวาของการสอบเคอจวี่เพื่อดูแคลนเหมียนเหมียนเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องพูดแล้ว!” ลู่อวี้เหิงถูกซูหลียั่วให้โมโหจนถึงขีดสุด ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและจูงมือลู่เหมียนเหมียนเตรียมจะเดินออกไป
สายตาของลู่เหมียนเหมียนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง เมื่อทราบความคิดของซูหลีแล้ว ไยนางจึงจะไม่รู้สึกผิดหวังหรือปวดใจ เพียงแต่ประหลาดใจมากก็คือ นางไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจเหมือนกับตอนที่รู้ว่าเฉิงเค่อต้องการปฏิบัติกับนางเช่นนั้น
นางมีความตื่นตระหนกและถูกลู่อวี้เหิงจูงมือเตรียมจะออกไปโดยไม่รู้สึกตัว
“พี่ลู่ อย่าเพิ่งใจร้อนไป คำพูดของข้านี้ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งสิ้นและไม่ได้ดูแคลนเหมียนเหมียน เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ร่างกายของข้า ข้าไม่คู่ควรกับเหมียนเหมียน” ซูหลีขวางทางลู่อวี้เหิงเอาไว้จากนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน