เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 689 พี่ชายของหลี่จื่อจิน / ตอนที่ 690 บุคคลหลังม่าน
ตอนที่ 689 พี่ชายของหลี่จื่อจิน
“..ย่อมต้องไม่รู้จักอยู่จักแล้ว!” ลู่อวี้เหิงนิ่งไปชั่วครู่ ก็เอ่ยด้วยใบหน้าแข็งกระด้างทันที
ซูหลีเห็นเช่นนี้หัวใจพลันหนักอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงถามต่อ แต่ยิ้มและเอ่ยเท่านั้น “ข้าไพล่คิดไปว่าคนที่มีชื่อเหมือนกัน พี่ลู่ก็น่าจะรู้จักบ้างกระมัง!”
“ใต้หล้านี้มีคนชื่อเหมือนกันเยอะไป ย่อมไม่รู้จักคนที่ชื่อเหมือนกันไปทุกคนกระมัง” ลู่อวี้เหิงเอ่ยหน้าแข็ง ด้วยใบหน้าขึงขังอย่างบอกไม่ถูก
แต่หลังจากเขานิ่งไปชั่วครู่ก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้และเอ่ย “เพียงแต่ว่า คนที่ใต้เท้าซูรู้จักนั้น เป็นคนอย่างไร?”
เขาปิดปากเงียบ ซูหลีก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาเพียงแต่เงียบนิ่งและเอ่ย “คนผู้นั้นจากไปนานแล้วและเป็นสตรีที่เติบโตในเหย้าในเรือน พูดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าพี่ลู่จะรู้จักหรือไม่”
“เจ้าลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ!” ลู่อวี้เหิงเกร็งไปทั้งร่าง หมัดที่กำแน่นนั้นถือเป็นการระบายอารมณ์ของเขา
ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เหมียนเหมียนเห็นลู่อวี้เหิงมีสภาพเช่นนี้
ในความทรงจำของนาง ลู่อวี้เหิงเป็นบุตรบุญธรรมที่ไม่รู้ว่าบิดาของนางไปเอามาจากที่ไหน ท่านพ่อบอกแค่ว่า เขาไร้ที่ไป บิดามารดาของเขาตายไปหมดแล้ว ท่านพ่อสงสารเขาจึงรับเขามาเลี้ยงดู
ส่วนเรื่องอื่นนั้นลู่เหมียนเหมียนก็ไม่รับรู้แล้ว
“คนผู้นั้นแซ่หลี่ นามจื่อจิน เป็นบุตรสาวคนโตของเสนาบดีหลี่รุ่ยอิง! และเป็นชายาของติ้งอันโหวเสิ่นฉางชิง!” ซูหลีมองลู่อวี้เหิงเอ่ยช้าๆ เนิบๆ แต่หนักแน่น
หน้าลู่อวี้เหิงเปลี่ยนสีอย่างมาก ถึงเขาตั้งใจจะปิดบัง แต่ก็ไม่อาจจะปกปิดได้
เดิมเขารู้สึกว่าซูหลีและหลี่จื่อจินมีอะไรเหมือนกันอย่างไม่ถูก เช่นหลี่จื่อจินทำขนมเค้กเป็น หรือหลี่จื่อจินเคยพูดจาประหลาดชวนต้องตะลึงมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซูหลีจะรู้จักกับหลี่จื่อจินด้วย
ซูหลีเห็นทั้งสีหน้าและท่าทางเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ถึงข้ากับพี่จื่อจินเป็นสหายเก่า ดังนั้นถึงได้รู้ว่านางก็มีพี่ชายที่มีชื่อเดียวพี่ลู่ เพียงแต่หลังจากที่พี่จื่อจินตายไปแล้วก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาอีก…”
นางก้มหน้าสีหน้าดูไม่ใคร่ดีนัก ประหนึ่งพูดถึงเรื่องที่ทำให้นางไม่ค่อยมีความสุขนัก
ลู่อวี้เหิงได้ยินถึงตรงนี้พลันได้สติกลับมา
แต่ไหนแต่ไรมาหลี่จื่อจินก็เป็นคนขวางโลก ถึงแม้เขาจะอยู่ในบ้านสกุลหลี่หลายปี แต่ก็ไม่สนิทสนมอะไรกับจื่อจินนัก โดยเฉพาะหลังจากที่เขาปฏิเสธเรื่องที่หลี่รุ่ยอิงอยากจะให้สมรสกับจื่อจินแล้ว เขาก็จงใจอยู่ให้ห่างจากนาง
ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยรู้ว่าหลี่จื่อจินอยู่ในเรือนเป็นอย่างไร และคบหากับผู้ใดบ้าง
เพียงแต่…
ลู่อวี้เหิงอดมองไม่ได้ เขาจ้องซูหลีอยู่นาน
ตามนิสัยของจื่อจินแล้ว จะมีความสนใจในเรื่องเดียวกับซูหลีก็ไม่แปลกนัก อย่างไรเสียทั้งสองคนก็ไม่ใช่กุลสตรีที่ว่าสอนง่ายอะไรเสียหน่อย!
โดยเฉพาะอย่ายิ่งซูหลีคนนี้ เป็นอิสตรีแต่กลับสอบได้ถ้านฮวา ถ้าคนใต้หล้ารู้เรื่องนี้เข้า ไม่รู้ว่าจะมีคนอีกสักเท่าไหร่ที่คงอ้าปากไม่หุบแน่!
สีหน้าลู่อวี้เหิงซับซ้อนอย่างมาก แล้วเขาก็ไม่ได้ฟังสิ่งที่ซูหลีพูดต่ออีก
แต่กลับดำดิ่งครุ่นคิดเรื่องของตนเอง
ซูหลีเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้บีบคั้นอะไรเขาอีก นางรู้ว่าควรหยุดที่ตรงนี้แล้ว
ถึงจะเรื่องเกิดใหม่ที่แสนประหลาดเกิดกว่าจะอธิบาย อย่างน้อยๆ ก็ต้องอย่าให้ลู่อวี้เหิงเป็นศัตรูกับนางมากนัก
บ้านสกุลหลี่ถูกล้างบางไปแล้ว ลู่อวี้เหิงรอดชีวิตกลับมาซูหลีเองก็รู้ดีอย่างยิ่ง เขาไม่ใช่คนที่ตระบัดสัตย์อะไร เกรงว่าการที่เขาเป็นลู่อวี้เหิงอาศัยอยู่ในบ้านสกุลลู่ คงเป็นวิธีรับมือระยะสั้นเท่านั้น
ตอนที่ 690 บุคคลหลังม่าน
ความแค้นของสกุลหลี่ นางจะเป็นคนแก้แค้นเอง
ทว่านางไม่ต้องการให้ลู่อวี้เหิงเป็นปฏิปักษ์กับตน วิธีที่ดีที่สุดก็คือบอกเขาว่า ตนรู้จักตนเองในอดีต
ซูหลีทราบดีว่า แต่ก่อนสวี่อวี้เหิงจักต้องไม่เคยสนใจคนที่ไปมาหาสู่กับหลี่จื่อจินอย่างแน่นอน
ดังนั้นนางถึงได้กล้าพูดเช่นนี้
…
ยามคนสกุลลู่จากลาจากจวนสกุลซูนั้น ลู่เหมียนเหมียนกับไม่มีท่าทางเขินอายเหมือนกับก่อนหน้านี้ ทว่ากลับดูสนิทสนมกันมากกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นานนางก็ให้ซูหลีกลายเป็นสหายคนสนิทที่จริงใจของตน ทำให้ซูหลีรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
อย่างไรครานี้นางก็อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว นางละทิ้งความทุกข์ในใจทั้งหมดและได้สหายมาอีกคน สรุปแล้วนี่ก็ถือเป็นเรื่องดี
ทว่าซูไท่นั้น…
“ทำไมก่อนหน้านี้ คุณหนูสกุลลู่ยังมีใจให้เจ้าอยู่เลย ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็กลับกลายเป็นเหมือนกับพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว! นี่ช่าง…”
“แค่ก แค่ก แค่ก!” ซูหลีที่กำลังดื่มชาอยู่ด้านข้าง ทันทีที่ได้ยินซูไท่เอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา ก็แทบสำลักอออกมา
“ท่านพ่ออย่าได้สนใจอะไรมากเลย สกุลลู่ไม่มีทางที่จะอยากเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเราอีก”
“จริงรึ” ซูไท่มองซูหลีอย่างสงสัยปราดหนึ่ง ทว่าเขากลับพยักหน้า เดิมเขาก็รู้สึกว่า ซูหลีกับลู่เหมียนเหมียนไม่เหมาะสมกัน เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว
“เช่นนั้นเจ้ามีสตรีที่ถูกใจแล้วหรือยัง”
“…” ซูหลีชะงักไปครู่หนึ่ง “เรื่องเหล่านี้ ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องสนใจ การเป็นลูกผู้ชายจะต้องสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ เรื่องของสกุลเฉิง ข้าจะคอยจัดการให้ดี!”
ซูหลีทนนั่งต่อไปไม่ไหว นางโบกมือไปมา จากนั้นจึงหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่เปิดโอกาสให้ซูไท่ตอบสนองเลยแม้แต่เล็กน้อย
ซูไท่มองซูหลีที่หนีเตลิดออกไป เขาลูบเคราของตนเอง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เรื่องของสกุลเฉิง สุดท้ายยังไม่มีการตัดสิน ต่อจากนี้ไปซูหลีจะเริ่มไม่ว่างแล้ว
การจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังผงฝิ่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายโดยแท้
โชคดีที่ซูหลีมีวิธีการของตนเอง ในระยะสั้นๆ ก็สามารถค้นพบกลุ่มคนที่ขายผงฝิ่นในเมืองหลวงแล้ว จะให้พูดอย่างละเอียดเกรงว่าคงจะเป็นกลุ่มค้าฝิ่นกลุ่มหนึ่ง
อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การร่วมมือของผู้ตรวจราชการเขตซุ่นเทียน[1] จึงจะต้องกวาดล้างผงฝิ่นให้สิ้นซาก!
ขุนนางในท้องพระโรง ต่างพากันสรรเสริญนาง แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจนางนัก อีกทั้งยังมีหนังสือยื่นมติไม่ไว้วางใจนาง ทว่าฮ่องเต้ทรงไม่ทอดพระเนตรเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นยังมีการปูนบำเหน็จ และยังคิดที่จะมอบยศถาบรรดาศักดิ์ให้แก่ซูหลีอีกด้วย
ในเวลานี้ซูหลีมันมีเกียรติยศกว้างไกลที่สุดในราชสำนัก ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยมาสกุลซูเพื่อสู่ขอซูหลี!
การที่ครอบครัวฝ่ายหญิงมาสู่ขอฝ่ายชายถือเรื่องที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ทว่าเป็นซูหลีเป็นคนเช่นนี้ี่จึงถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ครานี้หากจัดการกับเรื่องนี้เรียบร้อย เกรงว่าก่อนอายุยี่สิบปี นางจะสามารถเข้าเป็นคณะเสนาบดีอาวุโสได้ สินค้าที่แย่งกันซื้อเช่นนี้ สกุลฝ่ายหญิงก็มิได้สามารถห่วงศักดิ์ศรีมากมายอะไรได้
หวังว่าตำแหน่งอำมาตย์ของคณะเสนาบดีอาวุโส จะสามารถกำหนดไว้ล่วงหน้าได้!
อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ ซูหลีกลับไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแต่หลักจากตรวจสอบต้นตอของสิ่งนี้แล้วกลับพบว่ามีขุนนางจำนวนไม่น้อย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เมื่อคิดดูแล้วของสิ่งนี้ถือเป็นการค้าที่ได้กำไรมหาศาล
หากสามารถทำได้ เงินที่ขาวเรืองรองคงคล้ายดั่งเงินที่ร่วงหล่นจากฟ้ามิปาน ที่ใครก็สามารถไปหยิบมันขึ้นมาได้
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นางสนใจ แต่หลังจากที่จับกลุ่มการค้าฝิ่นนี้ได้ ก็เป็นการค้นหาจนเจอเบาะแส และจะสามารถจับตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังได้
อีกทั้งคนผู้นี้เป็นคนที่นางคุ้นเคยดี!
จะพูดให้ถูกต้องนี้เป็นที่นางคิดไม่ถึง!
นั่นก็คือเสิ่นฉางชิงที่ถูกย้ายกลับมาประจำการที่เมืองหลวงก่อนปีใหม่
——
[1] ผู้ตรวจราชเขตซุ่นเทียน เป็นชื่อตำแหน่ง มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจปราบปราบความไม่สงบในแว่นแคว้น