เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 693 ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน / ตอนที่ 694 ป๋ายเฮ่อมาหาถึงที่
ตอนที่ 693 ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้เลยก็คือ ซูหลีเห็นคนผู้นี้คุกเข่าลงตรงหน้าตนนั้นพลันให้หวนนึกถึงคืนที่นางถูกยั่วโมโหจนตาย
นางก็ล้มลุกคลุกคลานบนพื้น อ้อนวอนขอเขาอย่างทุกข์ทน
ขอให้เขาช่วยครอบครัวนาง ขอให้ช่วยเหลือนาง!
แต่เขานั้นกลับปกปิดปล่อยให้คนสกุลหลี่ตาย และปกปิดนางไปหลายวัน เฝ้ามองนางกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ซูหลีแหงนศีรษะขึ้น ดวงตานางร้อนชื้น อารมณ์ที่นางเพียรสะกดกลั้น จนน้ำตาแห่งอารมณ์ก็จะทะลักออกมา
ท่านพ่อ ท่านเห็นแล้วเหรอยัง?
หากว่าท่านอยู่บนสรวงสวรรค์จริงๆ ท่านดูสิ ไอ้คนต่ำช้าที่ลืมบุญคุณคนนี้จบสิ้นแล้วในเงื้อมมือนาง!
หนี้ชีวิตที่ติดค้างสกุลหลี่นางจะต้องให้เขาใช้คืนด้วยชีวิตเช่นกัน!
“เจ้าจะช่วยข้า?” หลังจากเสิ่นฉางชิงได้ยิน เขาก็จมอยู่ในความคิดตนเองไปนาน และไม่ได้สังเกตเห็นความประหลาดบนใบหน้าซูหลี
เขานิ่งไปนานแล้วจู่ๆ ก็เอ่ย “เจ้าจะใจดีเช่นนี้? ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ข้าไปล่วงเกินอะไรเจ้ากันแน่ เจ้าทำให้เจ้าสรรหาวิธีต่างๆ นานามาหาเรื่องข้า เอาแต่รังควานข้ามาโดยตลอด?”
ซูหลีได้ยินคำพูดเขาก็ได้สติกลับมา
นางก้มหน้าเห็นใบหน้าเสิ่นฉางชิงเต็มไปด้วยความสงสัย เหมือนจะไม่เข้าใจขึ้นมาจริงๆ
จู่ๆ นางก็ไม่อยากให้เขาได้มีความสุขนัก
นางกระตุกมุมปากและยิ้ม “เกรงว่าท่านโหวอาจจะยังไม่รู้ ข้าผู้นี้มีนิสัยประหลาด ปกติก็ไม่ได้มีเพื่อนเท่าไหร่นัก”
เสิ่นฉางชิงจ้องนางแล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการที่นางต้องหาเรื่องเขาให้ได้ด้วย?
“แถมยังมีสหายคนสำคัญที่สุดชื่อ หลี่ จื่อ จิน!”
“อะไรนะ!?” พอเสิ่นฉางชิงได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่นับว่าหล่อเหลาก็บิดเบี้ยวไปทันที
เขาเบิกดวงตาตนเองกว้าง มองซูหลีอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
แล้วพลันเห็นซูหลีมองเขาด้วยใบหน้านิ่งเฉย ในดวงตาดอกท้อที่งดงามอย่างยิ่งนั้น ฉายแววเย็นชา ไม่มากแต่คนที่สบตากลับทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเกินจะเปรียบ
“ไม่! เป็นไปไม่ได้ !” เสิ่นฉางชิงนิ่งชะงักไปก่อนจะส่ายศีรษะ “เจ้าไม่มีทางรู้จักนาง!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้!? หากไม่เพราะเหตุนี้ ก่อนหน้าข้าก็ไม่ได้รู้จักอะไรเจ้า ไยต้องหาเรื่องเจ้าด้วยจำได้ว่าตอนข้าเพิ่งกลับมา ข้าก็เป็นแค่บุตรชายที่สกุลซูไม่เหลียวแล แต่เจ้า เจ้าเป็นข้าราชบริพารผู้ภักดีที่ช่วยให้ฮ่องเต้ได้ทรงขึ้นครองราชย์”
“ข้าก็ไม่ได้บ้า ก็ไม่ควรจะหาเรื่องเจ้า ข้าจะทำไปทำไมล่ะ?” ตอนซูหลีพูดเช่นนี้ นางก็จ้องเสิ่นฉางชิงไปวางตา
เห็นสีหน้าที่เหลือเชื่อของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสัย แล้วสุดท้ายก็ประเดี๋ยวดำคล้ำ ในแววตาที่มองนางนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ซูหลีไม่ได้ใส่ใจนางก็แค่ยิ้มๆ
“เสิ่นฉางชิง ข้าขอเตือนเจ้าหน่อย เจ้าและข้าต่างรู้กันดีแก่ใจว่าในตอนนั้นหลี่จื่อจินตายอย่างไร ตอนนี้เจ้าอยู่ในเงื้อมมือข้าแล้ว ข้ามีเป็นร้อยวิธี ที่จะทำให้เจ้า อยากจะตายมากกว่าจะขอชีวิต! หากเจ้าไม่กลัวตายก็ปิดปากเจ้าให้สนิทแล้วกัน”
“ครบรอบสองปีที่หลี่จื่อจินตายพอดี ข้าสะกดกลั้นอารมณ์โกรธมามากจนเกินไป ให้ข้าได้ระบายอารมณ์บ้างถือว่าเจ้าชีวิตเจ้าไม่ได้ไร้ค่าแล้ว เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ซูหลีเดินมาตรงหน้าเขา นั่งยองๆ ลงหยิบหนังสือที่นางโยนออกมา
แล้วหมุนเล่นในมือ
แต่คำพูดของนางกลับไม่เหมือนกับรอยยิ้มบนใบหน้านางแม้แต่น้อย จึงทำให้คนที่ได้ยินขนพองสยองเกล้า เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว!
“อย่าว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าเลยนะ หากเจ้ายังไม่อยากจะพูดอะไรคืนนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน! หืม!?”
ตอนที่ 694 ป๋ายเฮ่อมาหาถึงที่
แสงไฟสีส้มที่กระทบลงที่ใบหน้าด้านข้างของซูหลี ทำให้สว่างบ้างมืดบ้าง
มีใบหน้าที่งามโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ไม่ว่าจะหน้าบึ้งหรือขมวดคิ้วล้วนมีเสน่ห์
ทว่าเมื่ออยู่ในสายตาของเสิ่นฉางชิง ซูหลีกลับน่ากลัวกว่าปีศาจที่ชั่วร้ายอยู่หลายส่วน ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“นำเขาเข้าไปขังไว้ อย่าให้เขากินอะไรทั้งสิ้น และห้ามปลดเชือกให้เขาเด็ดขาด พรุ่งนี้ข้าจะมาไต่สวนด้วยตนเอง” ซูหลีลุกขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ขอรับ!” หลังจากทหารได้ยินคำพูดของนางแล้ว ก็รีบเข้าไปลากร่างของเสิ่นฉางชิง
ตั้งแต่ต้นจนจบเสิ่นฉางชิงยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สีหน้าของเขาซีดขาว อยู่ในท่าทีหมดอาลัยตายอยาก ถูกทหารลากออกไปด้วยร่างกายแข็งทื่อ
จนกระทั่งเงาร่างของเขาหายไปจากตรงหน้า ซูหลีก็เก็บอาการที่แสดงออกทางสีหน้าในทันที
เก็บเสิ่นฉางชิงไว้ ไม่ใช่เพราะนางใจอ่อน ทว่าในปีนั้นสกุลหลี่ยังสงบสุขดี ทำไมจู่ๆ ถึงถูกประหารทั้งครอบครัวได้กัน
เรื่องเหล่านี้ จำเป็นต้องมีคนตอบคำถามนาง
และเสิ่นฉางชิงก็เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
ดังนั้นในเวลานี้เขายังตายไม่ได้!
อย่างน้อยเรื่องของผงฝิ่น ในหัวของนางก็มีภาพร่างที่เลือนรางเอาไว้แล้ว
นางจำได้ในเหมันต์ฤดูปีก่อน ตอนที่นางไปสวนดอกเหมย นางบังเอิญพบเจียงโม่อวี้กับสตรีผู้หนึ่ง ในเวลานั้นทั้งสองยังเอ่ยถึงนางด้วย
เดิมนางคิดว่า พวกนางคงจะไม่ชื่นชอบนางเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเบื้องหลังยังจะแฝงไปด้วยเรื่องบางอย่าง
ในเมืองหลวงนับวันยิ่งวุ่นวายโดนแท้
“นายน้อย” ในขณะที่กำลังครุ่นคิด เย่ว์ลั่วก็รีบเดินเข้ามาจากด้านนอก
นี่ถือว่าเป็นเรือนรับรองเก่า โดยทั่วไปแล้วเย่ว์ลั่วและคนอื่นๆจะอยู่ในห้องของเรือนรับรองด้านหลัง หากไม่มีอะไรไม่มีทางที่จะมาที่นี่ ซูหลีชำเลืองเห็นใบหน้าที่ร้อนรนของนางและอารมณ์ของนางจึงผงะไปครู่หนึ่งและเอ่ยว่า
“มีอะไรหรือ?”
ท่านรีบออกไปดูเถิด คุณชายสกุลป๋ายมาหาถึงจวน เขาบอกว่าจะมาทำตามสัญญาที่เคยเดิมพันกับท่าน!” เย่ว์ลั่วพูด
ซูหลีผงะไปเล็กน้อย สัญญาที่เคยเดิมพัน!?
ใช่แล้ว นางเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ก่อนหน้านี้นางเคยพนันกับป๋ายเฮ่อ อีกทั้งนางยังชนะพนันเป็นเงินหลายแสนชั่ง
เพียงแต่ช่วงเวลาที่ป๋ายเฮ่อมานั้น ดูเหมือนจะบังเอิญเกินไปแล้ว นางเพิ่งจะจับกุมเสิ่นฉางชิงเอาไว้ได้ ป๋ายเฮ่อก็มาหาถึงหน้าจวน
ในดวงตาของนางทอประกายลุ่มลึก นางพลันเหลือบตาขึ้นมองฉินลิ่วและเอ่ยว่า “ใต้เท้าฉิน”
ฉินลิ่วผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงผงกศีรษะ
“ในจวนมีแขกบางคนมาหา เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีความวุ่นวาย อย่างไรก็ขอให้ใต้เท้าฉินจับตาดูเสิ่นฉางชิงเอาไว้ให้ดี อย่าให้ใครเข้าใกล้ทางนั้นแม้แต่ครึ่งก้าวจักได้หรือไม่”
ซูหลีทราบดีว่า ในบรรดาคนที่อยู่ที่นี่ ฉินลิ่วเป็นคนที่มีพลังยุทธ์ขั้นสูงที่สุด และยังเป็นคนที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก
“ขอรับ” ฉินลิ่วไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ซูหลีกำชับเช่นนี้ ทว่าเขาเป็นคนที่ฉินเย่หานคัดเลือกมาให้นาง ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจักต้องฟังคำสั่งซูหลี
“ไปกันเถอะพวกเราไปด้วยกัน คุณชายป๋ายมาหาเราถึงที่ เขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่!” ซูหลีพูดจบก็ฉีกยิ้มบางและนำเย่ว์ลั่วเดินออกไป
ที่บังเอิญมากก็คือ ทันทีที่นางก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือ ก็ได้ยินเสียงดังอื้ออึงออกมาจากด้านนอก
ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น นางจำได้ว่าป๋ายเฮ่อเป็นคนที่รักเกียรติยศของตนเองที่สุด ไยบัดนี้เขาถึงมาทำตามสัญญาที่เคยเดิมพันกันเอาไว้กัน อีกทั้งยังก่อเรื่องเอิกเกริกขึ้นมาเช่นนี้อีก
นางไม่ได้คิดอะไรมาก ซูหลีเพียงผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก้าวเท้าเดินไปทางด้านนั้นอย่างไม่รีบร้อนและไม่ช้าจนเกินไป
“ใต้เท้าซูมาแล้ว!”
“เร็วเข้า!”
ทันทีที่นางออกมาก็เห็นบรรยากาศครึกครื้นที่ด้านนอก ผู้ที่มาเยือนกลับมีคนจำนวนไม่น้อย!
มิหนำซ้ำ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่นางคุ้นเคยดี!