เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 759 ยาปลอมตัวกับยาคืนร่าง / ตอนที่ 760 ซูหลีทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว!
- Home
- เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ
- ตอนที่ 759 ยาปลอมตัวกับยาคืนร่าง / ตอนที่ 760 ซูหลีทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว!
ตอนที่ 759 ยาปลอมตัวกับยาคืนร่าง
โดยรอบตกอยู่ในความเงียบงัน จนสามารถได้ยินเสียงของซูหลีเพียงคนเดียว
ซูหลียืนลำตัวเหยียดตรง ดวงตาดอกท้อที่ในยามปกติดูไม่มีความใส่ใจอะไรนัก บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ความลึกซึ้งเช่นนี้นั้นคล้ายกับคนผ่านโลกอันโชกโชนมาแล้ว
ทำให้ในเวลานี้คนผู้นี้เปลี่ยนเป็นเสมือนคนแปลกหน้าทันที
หาได้เหมือนกับซูหลีที่ทุกคนรู้จักมาหลายต่อหลายปีไม่
“ไม่จำเป็นต้องลำบากแล้วแม่นมซ่ง” ใบหน้าของซูหลีเรียบเฉย จะว่าไปแล้วนี่ถือเป็นเรื่องมีแต่ความอึดอัด ไม่ว่าจะเป็นการถูกคนเปิดโปงตัวตนความเป็นสตรี หรือจะถูกแม่นมซ่งตรวจร่างกาย
ต่อให้จะเป็นซูหลี ความอดทนของซูหลีก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
ไม่ว่านางจะตกอับถึงอย่างไร ก็ไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านี้เหยียบย่ำตัวนางตามอำเภอใจ
ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นแล้ว เช่นนั้นก็สู้ให้นางพูดออกมาเองดีกว่า
นางยืนลำตัวเหยียดตรง สังเกตมองสายตาของคนโดยรอบที่จับจ้องอยู่ที่ร่างของนาง ใบหน้าของนางไม่มีริ้วอารมณ์อะไรมากนัก นางกลับยื่นมือคลำหาบางอย่างครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบหยิบขวดกระเบื้องสีชมพูขวดหนึ่งออกมา
นางกินยาปลอมตัวมาเกือบปีหนึ่งแล้ว ทว่าใครก็ไม่ทราบว่า ที่จริงแล้วยามที่นางปรุงยาปลอมตัวขึ้นมา นางยังปรุงยาอีกอย่างหนึ่งเอาไว้
นั่นก็คือยาที่บรรจุในขวดกระเบื้องชมพู
ของสิ่งนี้มีฤทธิ์ยาตรงข้ามกับยาปลอมตัว หลังจากกินตัวนี้เข้าไปก็คืนร่างเป็นสตรี
ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง หรือจะเป็นลูกกระเดือกที่นูนเล็กน้อย แม้กระทั่งสามารถสลายฤทธิ์ของยาปลอมตัวได้อย่างหมดจด
ทว่า…
หนึ่งปีมาแล้วที่ซูหลีไม่เคยกินยาตัวนี้
ทว่าบัดนี้นางต้องการคืนร่างสตรีของนางต่อหน้าทุกคน
ซูหลีคิดได้ดังนั้น ภายในดวงตาดอกท้อจึงมีความเย้ยหยันพาดผ่าน
ยามปกตินางพกตัวยาทั้งสองตัวนี้เอาไว้ ยาปลอมตัวไว้ในแขนเสื้อด้านขวา ส่วนยาคืนร่างใส่ไว้ที่แขนเสื้อด้านซ้าย
คนที่คุ้นเคยกับนางล้วนเคยเห็นยาปลอมตัว ทว่ามิเคยเห็นยาคืนร่างนี้มาก่อน
“เจ้าต้องการกระทำสิ่งใด ไม่ใช่รู้ว่าตนเองถูกเปิดโปงแล้ว จะกินยาฆ่าตัวตายหรือ” นางหยิบยาขวดนี้ออกมาในเวลานี้ ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดจริงๆ
คนในเหตุการณ์ต่างดึงสติกลับมาเพราะคำพูดของนาง เอ่ยขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้
ซูหลีกวาดตามองหลิวเหอที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา กลับปิดปากเงียบไม่พูดอะไร นางเพียงหยิบยาออกมาจากขวดกระเบื้องสีชมพูหนึ่งเม็ด จากนั้นกินเข้าไป
“ซูหลี!”
“อย่านะ” ยังมีคนคิดว่านางกินยาฆ่าตัวตายจริงๆ แม้กระทั่งวินาทีก่อนหน้าที่นางจะกลืนยาเม็ดนี้ลงคอ ยังมีคนพูดค้านนางเอาไว้
ซูหลีหันศีรษะกลับมา มองไปทางฉินม่อโจวซึ่งกำลังวิ่งมา นางหัวเราะออกมาเบาๆ
ฉินม่อโจวมองนางอย่างตกใจ จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “รีบคายออกมา”
การเคลื่อนไหวของพวกเขายังเร็วไม่เท่าซูหลี ซูหลีกลืนยาเม็ดนั้นเข้าไปในลำคอ
“ขอบพระทัยท่านอ๋องมาก” ซูหลีมองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ทว่าท่านอ๋องคิดมากไปแล้ว ซูหลีไม่ใช่คนคิดสั้นถึงเพียงนั้น”
เสียงของนางเปลี่ยนไปอย่างประหลาด ช่วงครึ่งประโยคแรกเป็นเสียงซูหลีที่ฉินม่อโจวคุ้นเคยนัก
ทว่าเสียงในช่วงหลังกลับเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนหวาน คล้ายกับเปลี่ยนเป็นเสียงของสตรี!
ฉินม่อโจวจ้องมองนางสายตาไม่กะพริบ
คิดไม่ถึงว่านางจะกระทำเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นตกตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่าเดิม…
จู่ๆ ซูหลีก็ยกมือดึงผ้าผูกผมสีแดงของตนเองออก!
พรึ่บ!
ทันทีที่ลมพัดก็ทำให้ผมสีดำขลับของนางลอยไปปรกข้างแก้มที่งามพริ้ง ดูงดงามอย่างเหลือเชื่อ
คนภายในตำหนักต่างจับจ้องที่ร่างของนาง
ตอนที่ 760 ซูหลีทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว!
นี่เป็นปีศาจสาวที่งามเพริศพริ้ง ไม่ว่าจะคิ้วขมวดมุ่นหรือแย้มยิ้มล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
แต่ก่อนมิเคยเห็นนางอยู่ในท่วงท่าเช่นนี้ ในขณะนี้นางพลันปล่อยผมสีดำยาวสยายลง แม้แต่ใบหน้าก็ยังเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
ไม่…
ซูหลีเดิมมีใบหน้าที่งดงามตั้งแต่กำเนิด นางมีใบหน้าที่ไม่เหมือนบุรุษตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ขุนนางต้องโทษอย่างซูหลี เป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษเข้ามาอยู่ในราชสำนัก ฮ่องเต้ทรงโปรดลงอาญาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากใบหน้าที่งดงามนี้ทำให้คนอื่นๆ ตกตะลึงพรึงเพริดแล้ว ซูหลีก็กุมมือทำความเคารพและคุกเข่าด้วยลำตัวเหยียดตรง
น้ำเสียงของนางนุ่มนวลน่ารักเป็นอย่างมาก อ่อนหวานหยาดเยิ้มราวกับสามารถหยดน้ำออกมาได้ก็มิปาน
ซึ่งแตกต่างกับน้ำเสียงแหบแห้งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
ยังมีคนสังเกตเห็นว่า ‘ลูกกระเดือก’ ที่นูนออกมาเล็กน้อยนั้นหายไปเสียแล้ว
แม้แต่กลิ่นอายทั้งร่างของนาง ก็คล้ายกับเปลี่ยนเป็นความอ่อนหวานที่เป็นลักษณะเฉพาะของสตรี
นี่…
“นะ นี่! เกินเหตุไปเสียแล้ว! กระทำเกินไปเสียแล้ว!” มีขุนนางบางคนที่เดิมเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ในชั่วขณะนี้ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะเซียวเก๋อเหล่าที่อยู่มาถึงสามรัชสมัย บัดนี้เป็นหัวหน้าคณะเสนาบดีอาวุโส และมีอายุถึงเจ็ดสิบปี เขาถูกเรื่องนี้ทำให้ตกตะลึงจนแม้แต่จะพูด ก็ยังพูดออกมาได้ไม่ชัดเจน
เขาถอยหลังติดต่อกันไปหลายก้าว จนคนด้านหลังต้องคอยประคองเขาเอาไว้
“ใต้เท้าเซียว ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“เหตุใดใต้หล้าถึงมีเรื่องที่เหลวไหลถึงขนาดนี้!”
“คะ…คาดไม่ถึงว่านางจะเป็นสตรีผู้หนึ่ง!”
“ช่างไม่เห็นกฎหมายของบ้านเมืองในสายตาโดยแท้!”
ทันทีที่เซียวเก๋อเหล่าล้มลง ก็เหมาะกับการโยนหินลงบนผิวน้ำที่นิ่งสงบ ในชั่วขณะนี้คล้ายกับปลุกคลื่นนับพันชั้นให้ตื่นขึ้น
ซูหลีเข้ามาเป็นขุนนางนานขนาดนี้แล้ว เพียงแค่ครั้งแรกก็ก่อความวุ่นวายบนท้องพระโรงจนกลายเป็นเช่นนี้ได้
นางปิดปากไม่เอ่ยอะไรออกมา และไม่มองไปที่ใครทั้งสิ้น นางเพียงคุกเข่าเช่นนี้ สายตาของนางจับจ้องไปที่อากาศธาตุตรงหน้า คล้ายกับมิได้ครุ่นคิดถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
นางเพียงร้องขอคำลงโทษอาญาอย่างนิ่งเฉย
“จะ เจ้าเป็นสตรีจริงหรือ!?” ฉินม่อโจวก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาเพียงเกิดความสงสัย ทว่าเมื่อครุ่นคิดถึงความเป็นจริงแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
ผู้ที่มีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งแห่งยุค คนที่ฉลาดปราดเปรียวเป็นอันดับต้นๆ คนที่สามารถกระทำเรื่องที่เก่งขนาดนี้ออกมาได้ กลับเป็นสตรีผู้หนึ่ง!
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุในสถานการณ์เช่นนี้ กลับทำให้เขาฉุกคิดถึงเวลานั้น ยามที่ใบหน้าซูหลียังรักษาไม่หาย ยามนั้นนางเคยคุกเข่าข้างเท้าของเขาและร้องขอให้เขาแต่งนางเข้าจวนอย่างน่าเวทนา!
ใช่แล้ว! นางพูดว่าให้แต่งเข้าจวน!
ไยเวลานั้นเขาถึงคิดว่าซูหลีนั้นพูดจาเหลวไหล มีใจคิดจะทำให้เขาแปดเปื้อนกัน!
อย่าว่าแต่ฉินม่อโจวเลย แม้แต่เซี่ยอวี่เสียนก็ยังอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย เขาจ้องไปที่เงาด้านหลังของผู้ที่มีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งแห่งยุคผู้นั้น ผ่านไปนานมากแล้วนางกลับไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
ในบรรดาคนที่รู้จักซูหลีมานานแล้ว ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ฉินมู่ปิงที่มีปฏิกิริยานิ่งเฉยที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นคนโดยรอบมีท่าทางตกใจจนถึงขีดสุด ฉินมู่ปิงก็แสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้
ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง
วันนี้การกระทำที่เหมือนการไปตายเอาดาบหน้าของซูหลี ฮ่องเต้ทรงมีความคิดเช่นไร เขานั้นไม่ทราบ ทว่าเขาทราบดีว่า หากครานี้ซูหลีรอดพ้นไปได้ ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาไม่อาจควบคุมอะไรนางได้แล้ว!
นั่นเป็นเพราะจุดอ่อนของซูหลีที่เขากุมเอาไว้นั้น ทุกคนล้วนทราบดีแล้ว!
“ทูลฝ่าบาท! เรื่องนี้ซูหลีเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว หลายปีมานี้หม่อมฉันและนายท่านกลับไม่ทราบเรื่องนี้ และถูกนางหลอกลวงมาสิบกว่าปี ฝ่าบาททรงตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างด้วยเถิดเพคะ!” ในเวลานี้หลี่ซื่อเรียกสติกลับคืนมา ปากนางก็เริ่มร้องทุกข์ออกมา
พูดว่าซูหลีไม่กตัญญูอย่างไร และยังต้องการใช้เรื่องเช่นนี้ทำให้คนทั้งครอบครัวต้องลำบาก