เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 791 ยังจำที่เดิมพันได้หรือไม่ / ตอนที่ 792 ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้อื่นลำบากใจ
- Home
- เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ
- ตอนที่ 791 ยังจำที่เดิมพันได้หรือไม่ / ตอนที่ 792 ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้อื่นลำบากใจ
ตอนที่ 791 ยังจำที่เดิมพันได้หรือไม่
“คุณชายป๋ายยังจำเรื่องนี้ได้หรือไม่” ซูหลีชี้ไปที่ป้ายที่ถูกคนทิ้งไว้ที่พื้น จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
สีหน้าของป๋ายเฮ่อเปลี่ยนเคร่งขรึม ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
แผ่นป้ายแผ่นนี้เป็นเดิมพันที่เขากับซูหลีพนันกันไว้ในตอนนั้น ก่อนว่าจะนำป้ายแผ่นนี้ไปไว้ที่สำนักฉยงสือ หลังจากเกิดเรื่องผงฝิ่น เขากับบิดาจึงนำแผ่นป้ายนี้ไปส่งที่สกุลซู
ที่จริงแล้วก็แค่เป็นการหาเหตุผล เพื่อไปหารือกับซูหลีเท่านั้น
ทว่าต่อมาทุกสิ่งที่คนผู้นี้กระทำ…
เมื่อป๋ายเฮ่อขบคิดเรื่องที่ตนถูกถอดถอนคุณงามความดี และไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้าราชการในอีกหลายปี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เส้นเอ็นสีเขียวที่ขมับถึงกับเต้นตุบๆ
ซูหลีเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของเขาแล้ว จึงแสยะยิ้มออกมา จากนั้นจึงสะบัดพัดในมือให้กางออกแล้วเอ่ยว่า
“ผ่านไปนานมากแล้ว คุณชายป๋ายก็ยังไม่ไปสำนักเต๋อซั่นเพื่อทำตามที่สัญญาไว้ แต่กลับนำป้ายนี้มาไว้ที่จวนของข้า นี่หมายความว่าอย่างไรกัน”
สตรีชั้นสูงในเมืองหลวงนั้นมักจะชอบใช้พัดทรงกลม ทว่าซูหลีผู้นี้แม้จะกลับมาแต่งกายเป็นสตรีหรือยามเป็นคุณชายเจ้าสำราญก็ยังใช้พัดแบบพับสีทอง ทันทีที่พัดสีทองเล่มนี้เปล่งประกาย กอปรกับเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่บนร่างของนาง ทำให้ดูเจิดจ้าจนแทบทำให้ผู้ที่มองรู้สึกแสบตา
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ป๋ายเฮ่อดึงสติกลับคืนมาก แล้วมองซูหลีด้วยสายตาเย็นชา
“หมายความว่าอย่างไร คำพูดนี้ไม่ควรถามข้ากระมัง การเดิมพันที่คุณชายป๋ายสัญญากับข้าในวันนั้นว่า ตนจะนำสิ่งนี้ไปส่งที่สำนักเต๋อซั่น หรือคุณชายป๋ายจะกลืนน้ำลายตัวเอง”
ใบหน้าของซูหลีค่อนข้างจะเยียบเย็น คราก่อนก่อนที่คนสกุลป๋ายจะกลับไปได้เอ่ยว่า จะหาเวลานำป้ายนี้ไปส่งที่สำนักเต๋อซั่นพร้อมกับซูหลี
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาถูกซูหลีรุกฆาตในท้องพระโรง เรื่องนี้จึงไม่ได้เอ่ยถึงมาโดยตลอด
แผ่นป้ายนี้จึงอยู่ในคลังส่วนตัวของซูหลีมาโดยตลอด เมื่อวานยามที่ซูหลีย้ายของออกมา นางจึงสั่งให้คนนำของสิ่งนี้ไปด้วย
“ซูหลี! เจ้าถือว่าเป็นอะไรกัน!? ถึงได้บังอาจ…” เดิมทีในใจของป๋ายเฮ่อนั้นรู้สึกเกลียดชังซูหลีเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ทันทีที่ซูหลีมาถึงกลับเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา
อีกทั้งยังเหยียบย่ำเขาต่อหน้าคนสกุลเซี่ย
ป๋ายเฮ่อจึงทนต่อไปไม่ไหว
“เฮ่อเอ๋อร์!” หวังซื่อเห็นป๋ายเฮ่อโมโหจนเส้นเลือดเต้นตุบๆ เขาอาจจะหาโอกาสใช้ท่าทีดุร้ายกระโจนเข้าไปหาซูหลีได้ทุกเวลา หวังซื่อจึงลุกขึ้นยืนและยื้อเขาเอาไว้
“ใต้เท้าซู” สีหน้าของหวังซื่อเข้มขึ้นเล็กน้อย ทว่าเมื่อเปรียบกับหวังเฮ่อแล้วนางนั้นยับยั้งความโกรธได้บ้าง “เดิมพันวันนั้นก็แค่คำพูดล้อเล่นของคนวัยหนุ่มก็เท่านั้น ไยใต้เท้าซูถึงจริงจังกับเรื่องนี้นัก”
“ใต้เท้าซูเป็นถึงขุนนาง เฮ่อเอ๋อร์เป็นเพียงราษฎรทั่วไปเท่านั้น ไยใต้เท้าซูถึงไม่ปล่อยเฮ่อเอ๋อร์ไปอีกกัน”
อุปนิสัยของหวังซื่อนั้นอ่อนโยนนุ่มนวลมาโดยตลอด อย่างน้อยก็มีท่าทีเช่นนี้ ยากที่จะเห็นคนปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้
ฉินเข่อซิน องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น จึงหรี่ตามองอย่างอดไม่ได้ ทว่าก็มิได้พูดขัดพวกเขา
เดิมยศของฉินเข่อซินคือ หว่านหยาง ทว่าหลังจากที่ฉินเฮ่าบิดาของฉินมู่ปิงกลับมา นางก็ร้องขอให้ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่ง องค์หญิงใหญ่ให้กับนาง
นางเป็นพระมาตุจฉาของฮ่องเต้ บัดนี้ถือว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุด เป็นคนรุ่นเดียวกับไทเฮา การเรียกว่าองค์หญิงนั้นจึงถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงซูหลีไม่อยู่ในเมืองหลวง ทันทีซูหลีมาถึงก็เรียกขานนางว่าองค์หญิงใหญ่ อีกทั้งนางยังจำได้ว่ามิเคยพบซูหลีคนนี้มาก่อน
พอพบกันถ้านฮวาคนใหม่ และเป็นใต้เท้าเซ่าซือที่ฮ่องเต้ทรงตั้งแต่ด้วยพระองค์เองแล้ว นางก็รู้สึกว่าเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องมาก
อย่างไรก็ไม่อาจดูแคลนได้
“ป๋ายฮูหยินหมายความว่าอย่างไรกัน”
ตอนที่ 792 ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้อื่นลำบากใจ
“หรือป๋ายฮูหยินรู้สึกว่าข้าอาศัยความแข็งแกร่งข่มเหงผู้ที่อ่อนแอ กลั่นแกล้งคุณชายป๋ายหรือ” ซูหลีเอ่ยด้วยท่าทีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
อาศัยความแข็งแกร่งข่มเหงผู้ที่อ่อนแอ…
กลั่นแกล้ง…
คำพูดนี้พูดอย่างเปิดเผยมาก นางเป็นสตรีคนหนึ่งกลับสามารถข่มเหงกลั่นแกล้งบุตรของไต้ซือในราชสำนักได้
คำพูดนี้หากเผยแพร่ออกมา คนอื่นคงจะหัวเราะจนฟันร่วง นั่นหมายความว่าป๋ายเฮ่อเป็นคนไร้ความสามารถ ถึงได้ถูกสตรีคนหนึ่งรังแกได้!
สีหน้าของหวังซื่อเปลี่ยนไปทันควัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ ทว่าก็ไม่อาจพูดแย้งซูหลีได้ เพราะคนที่พูดคำนี้ออกมาเป็นคนแรกก็คือนาง
“องค์หญิง ซื่อจื่อพ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีเห็นดังนั้นจึงยิ้มบาง นางยกมือคารวะฉินเข่อซินกับฉินมู่ปิง
นางแต่งกายเป็นสตรี แต่การกระทำของนางนั้นกลับไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย และให้ความรู้สึกสง่าและดูเป็นอิสระที่พบได้น้อยมากในร่างของสตรีคนหนึ่ง
ซึ่งเหมือนกันนิสัยเฉพาะตัวของนางมาก
“นับตั้งแต่ไหนแต่ไรมาราชวงศ์ต้าโจวก็ให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาเป็นอย่างมาก การเดิมพันนี้แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ทว่าก็ได้สัญญาแล้ว โดยเฉพาะยามที่ข้ากับคุณชายป๋ายเดิมพันกันนั้น มีคนอยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อย คุณชายป๋ายปัดความรับผิดชอบเช่นนี้ นี่ยังเป็นความผิดของข้าเช่นนี้หรือ”
องค์หญิงใหญ่นั้นไม่รู้จักซูหลี ทว่านางทราบดีว่า ฉินมู่ปิงเป็นคนของสำนักเต๋อซั่น และยังเป็นแนวหน้าของสำนักเต๋อซั่น เป็นผู้นำของคนรุ่นหลัง
ฉินมู่ปิงจะไม่โต้แย้งคำพูดของนางเป็นธรรมดา
“ถูกต้องแล้ว!” และเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ หลังจากฉินมู่ปิงได้ยินคำพูดของนางแล้วก็ลุกขึ้นยืน เพียงแต่สายตาจับจ้องซูหลี มีความลุ่มลึกอยู่บ้าง
ซูหลีกลับทำเป็นไม่เห็น
ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกไม่สบายใจ ไยคนของสกุลป๋ายจึงได้สามารถมั่นใจเรื่องตัวตนความเป็นสตรีของนางได้ บัดนี้พบฉินมู่ปิงปรากฏตัวที่สกุลป๋าย นางจึงยังรู้สึกไม่เข้าใจนัก
ดูเหมือนซื่อจื่อท่านนี้จะใจคอเ**้ยมโหดเป็นอย่างมาก!
“ป๋ายฮูหยิน แม้จะพูดว่าซูหลีกับคุณชายป๋ายจะถือเป็นคนวัยหนุ่มสาว ทว่ายามที่ได้เดิมพันเอาไว้ก็ไม่เคยพูดว่าคนวัยหนุ่มสาวไม่ต้องทำตามเดิมพัน หากสกุลป๋ายจะทำลายเดิมพันเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่กระมัง”
ทันทีที่ฉินมู่ปิงปริปากเอ่ย สีหน้าของคนในสถานการณ์นี้ก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
ซูหลีเห็นความแปลกประหลาดนี้ ในใจยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางไม่อยากที่จะสนใจ ในเมื่อบัดนี้ตัวตนความเป็นสตรีของนางถูกเปิดโปงแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งแสดงท่าทีคล้อยตามอีก
บัดนี้นางมาเพื่อให้คนเหล่านี้เห็นท่าทีของนาง
“เฮ่อเอ๋อร์ ในเมื่อซื่อจื่อก็ยังเอ่ยเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมตัวไปสำนักเต๋อซั่นกับใต้เท้าซูเถิด!” ในใจของหวังซื่อเต็มไปด้วยความเดือดดาล ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือถูกนางกำไว้จนแทบขาด
ซูหลีนั้นจับจุดอ่อนของพวกเขาได้ อีกทั้งคนของสำนักเต๋อซั่นยังอยู่ด้านข้าง หากพวกเขาแก้ตัวต่อไป ชื่อเสียงของป๋ายเฮ่อคงจะถูกทำลายจริงๆ
“ท่านแม่…” เมื่อป๋ายเฮ่อได้ยินหวังซื่อพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ
หวังซื่อรู้อุปนิสัยของบุตรของตนดี นางอยากจะพูดปลอบใจป๋ายเฮ่อสักสองสามประโยค ทว่าพลันได้ยินทางด้านซูหลีเอ่ยขึ้นว่า
“ช่างเถิด!” ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเต็มด้วยความถากถาง
“การเดิมพันได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แล้ว หากคนที่ให้คำมั่นสัญญาไม่สมัครใจปฏิบัติตาม เช่นนั้นการเดิมพันก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว!”
ดังนั้นนางหมายความว่า ไม่ได้คิดจะก่อกวนอะไรกันป๋ายเฮ่อเพราะเรื่องนี้?
หวังซื่อขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าซูหลีไม่ใช่คนที่จะปล่อยผู้อื่นไปได้ง่ายๆเช่นนี้!
“ชุยตาน” ซูหลีรวบพัดในมือของตนเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น
“ขอรับ”
“ในเมื่อคุณชายป๋ายไม่สมัครใจ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้อื่นลำบากใจ ไปนำป้ายแผ่นนี้…”
นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “ทุบทำลายซะ!”