เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 809 การตัดสินใจของนาง / ตอนที่ 810 ยืมดาบฆ่าคน
ตอนที่ 809 การตัดสินใจของนาง
“นอนเถิด” ฝ่ามือใหญ่อบอุ่นของเขาลูบศีรษะของซูหลีอย่างแผ่วเบา
เปลือกตาบนล่างของซูหลีเริ่มตีกันอย่างกลั้นไว้มิได้ เพียงไม่นานก็พล่อยหลับไปในอ้อมแขนของเขา
หลังจากนางนอนหลับไปแล้ว ฉินเย่หานกลับไม่ได้หลับด้วย สายตาของเขาเลื่อนลงมาหยุดลงตรงใบหน้าเล็กๆ ของซูหลี ทีละหนึ่งนิ้วหนึ่งนิ้วจ้องมองอย่างละเอียดลออ
ยิ่งสัมผัสนางมากเท่าไหร่ บางสิ่งก็ยิ่งอยู่เหนือการควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ
แววตาของฉินเย่หานขรึมลงเล็กน้อย อยากกักตัวนางให้อยู่เคียงข้างตนเองไปเช่นนี้ชั่วชีวิตให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แม้ว่านางอยากจะไปเขาก็จะไม่ยอม
นางเป็นได้เพียงแค่ของเขาคนเดียว
…
เมื่อซูหลีตื่นขึ้นมาก็เป็นเพลาพลบค่ำแล้ว
นางถูกนางข้าหลวงปลุกให้ตื่น หลังจากนั้นกว่านางจะได้สติรู้ตัวทั่วทั้งตัวก็ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยจนมานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว
ฉินเย่หานมิได้อยู่ที่นี่ ได้ยินนางข้าหลวงกล่าวว่าเขาไปดูฎีกาอยู่ด้านหน้าแล้ว
ซูหลี “…”
นางรู้สึกราวกับตนเป็นหายนะทำลายชาติเบียดเบียนสามัญชนก็มิปาน ฉินเย่หานเป็นผู้ขยันหมั่นเพียรในราชการผู้หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะลากนางมาทำเรื่องแบบนั้นในห้องทรงอักษรตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้
เพียงแค่นึกถึงนางก็รู้สึกว่าใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว
“ใต้เท้า นี่เป็นสิ่งของที่อยู่ในเสื้อผ้าของท่านเจ้าค่ะ” ชุดว่าราชการของซูหลีก่อนหน้านี้ไม่สามารถสวมใส่ได้แล้ว นางข้าหลวงเก็บมันไปให้คนช่วยซักล้างทำความสะอาดแล้วจะส่งไปให้ที่จวนของนาง
เพียงแต่นางข้าหลวงพบสิ่งของที่อยู่ในเสื้อผ้าของนางสามสี่อย่างจึงเก็บออกมาให้นาง
ซูหลีมองสิ่งของเหล่านั้นใบหน้ารู้สึกเศร้าหมองเงียบขรึมลงไปเล็กน้อย
“วางไว้ตรงนี้เถิด”
“เจ้าค่ะ!”
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของชิ้นเล็กๆ ที่ซูหลีพกติดตัวไว้ตลอดเวลา หนึ่งในนั้นมีขวดเคลือบสีแดงสดอยู่ขวดหนึ่ง ซูหลีหยิบขวดมาไว้ในมือและเล่นมันอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานจึงหยิบเอายาลูกกลอนเม็ดสีแดงอ่อนขนาดเท่าเล็บมือออกมาจากในขวดเคลือบหนึ่งเม็ดก่อนจะกลืนมันลงไป
สิ่งนี้มิใช่ของพิเศษหายากแต่อย่างใด ทว่าเป็น…
ยาคุมกำเนิดที่ซูหลีผสมขึ้นเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แววตาของซูหลีก็ยิ่งมืดมนลง
นางกับฉินเย่หานมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเช่นนี้มิใช่เรื่องคราสองคราแล้ว ฉินเย่หานอยู่ในช่วงวัยหนุ่มแน่นพอดิบพอดี ร่างกายของนางก็มิได้มีปัญหาอะไร ภายใต้ความเป็นไปได้สูงเช่นนี้ ยากที่จะเลี่ยงมิให้เกิดเหตุสุดวิสัย
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ซูหลีแบกรับอยู่ในตอนนี้มิอาจให้เกิดเหตุสุดวิสัยใดๆ ขึ้นมาได้
ความแค้นของสกุลหลี่ยังมิได้ชำระ หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาในเพลานี้ จากนิสัยของฉินเย่หานคงไม่มีทางให้นางเป็นขุนนางอะไรต่อไปอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นนางคงทำได้เพียงเข้าไปเป็นหนึ่งในวังหลังเพียงเท่านั้น
ฉะนั้น…
นางมิอาจยอมรับความเสี่ยงนี้ได้
ทว่าหลังจากที่ฉินเย่หานกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา ไม่รู้ว่าทำไมภายในใจของซูหลีถึงได้มีแต่ความรู้สึกละอายใจจางๆ เกิดขึ้นมาเสมอ
ในความจริงพวกเขาสองคนต่างไม่เคยเจาะกระดาษหน้าต่าง[1]ระหว่างพวกเขาเลย สิ่งที่ควรทำหรือมิควรทำกับนาง ฉินเย่หานต่างก็ทำไปแล้วทั้งสิ้น แต่กลับไม่เคยบอกว่าชอบนางเลย
บอกเพียงว่านางเป็นคนของเขา
ซูหลีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
นางรู้ว่าตนเองทำเช่นนี้มันออกจะเหมือนหดหัวหลบเข้ากระดองมากเกินไปและมีความหมายว่าหลีกหนีซ่อนอยู่ภายในนั้น
ทว่านางไม่มีทางเลือกอื่น
สถานการณ์ของนางในเพลานี้ การอยู่บนราชสำนักลวงโลกร้อยแปดพันเก้าเช่นนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะตั้งครรภ์เด็กใดๆทั้งสิ้น
ซูหลีกำขวดเคลือบเล็กๆนั่นโดยไม่พูดไม่จาอยู่นาน
พระกระยาหารเย็นจัดเสวยภายในห้องทรงอักษร ดีที่สุดคือซูหลีอยู่กินด้วยที่นี่ เช่นนั้นพระกระยาหารมื้อนี้จึงอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อเทียบกับตอนที่ฉินเย่หานเสวยเพียงผู้เดียวแล้วสมบูรณ์ขึ้นมากไม่น้อยเลย
ซูหลีกับฉินเย่หานนั่งหันหน้าเข้าหากันโดยไม่มีคำพูดใด เพียงแต่ฉินเย่หานมีคีบอาหารให้นางบ้างเป็นครั้งคราว
บนใบหน้าของซูหลีเรียบเฉยเพราะมิได้แปลกใจอะไร เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ทว่าเมื่อสิ่งนี้ตกไปอยู่ในสายตาของบรรดาข้ารับใช้ทั้งหลายมันกลับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจไร้ที่เปรียบเลยจริงๆ
ฮ่องเต้คีบอาหารให้ผู้อื่น?
ขออภัย เพราะเวลาที่ฮ่องเต้อยู่ด้วยกันกับเหล่าคนวังหลังสองสามท่านนั้นกลับมิได้มีท่าทีเช่นนี้เลย
——
[1] เจาะกระดาษหน้าต่าง ‘戳破窗户纸’ เป็นการเปรียบเปรยมีความหมายว่าเปิดเผยความจริงออกไป เปรียบกระดาษหน้าต่างนี้เป็นสิ่งที่ปิดกั้นความเป็นจริงเอาไว้เมื่อเจาะมันขาดความจริงก็จะเปิดเผยออกมา
ตอนที่ 810 ยืมดาบฆ่าคน
ฮ่องเต้ไม่แม้กระทั่งเสวยกระยาหารร่วมกันกับบรรดาขุนนางเหล่านั้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องคีบอาหารเลย
ฉินเย่หานมีนิสัยรักสะอาดขั้นรุนแรงถึงขนาดแม้กระทั่งร่วมโต๊ะอาหารก็มิอาจทนได้ นับประสาอะไรกับการใช้ตะเกียบของตัวเองยื่นเข้าไปในชามของผู้อื่น
ทว่าเรื่องนี้ต่อหน้าของซูหลีแล้วกลับเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ปกติจนกระทั่งนางไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ!
นางทานอาหารเย็นร่วมกับฉินเย่หานอย่างสบายอกสบายใจ แต่กลับไม่รู้เลยว่าที่วังหลังกำลังมีคนเป็นบ้าเป็นหลังเพราะเรื่องนี้!
“เพล้ง!” เสียงขวดลายครามแตกกระจาย!
“ชุนหง ไป! ไปที่ห้องทรงอักษรกับข้า! ข้าอยากจะเห็นนักว่าเป็นผู้หญิงร่านแบบไหนถึงได้ล่อลวงฝ่าบาทได้ถึงเพียงนี้!” ซูเฟยทุบแจกันดอกไม้แตกไปด้วยความโกรธ แล้วรู้สึกว่ายังไม่พอจึงพาชุนหงนางข้าหลวงของตนออกจากตำหนักไปอย่างโมโหเดือดดาล
“เหนียงเหนียง นี่…” หลังจากเห็นซูเฟยรีบพรวดพราดออกไป นางข้าหลวงข้างกายป๋ายถานก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“อย่าเพิ่งกังวลไป” ป๋ายถานค่อยๆ ยกน้ำชาในมือขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า มองดูสงบเยือกเย็นแต่ในความเป็นจริงแล้วในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ปล่อยให้นางไปเอะอะโวยวายก็คงพอจะทำให้คนชั้นต่ำผู้นั้นได้รู้สถานะของตนเองบ้าง!” น้ำเสียงของป๋ายถานดูเย็นชา ในคำพูดนั้นแฝงเจตนาอาฆาตเอาไว้ด้วย
เมื่อนางข้าหลวงผู้ใกล้ชิดของนางเห็นเช่นนั้นก็รีบร้อนก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย
ทันทีที่ก้มศีรษะลงก็เห็นว่าป๋ายถานแทบจะฉีกผ้าเช็ดมือที่อยู่ในมือขาดกระจุยแล้ว!
ซูหลี นางคนชั้นต่ำนั่น!
ป๋ายถานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองสงบลงแต่ทว่าภายในใจกลับอึดอัดยากจะรับไหว
วันนี้หลายคนต่างเห็นว่าซูหลีถูกหวงเผยซานเรียกตัวไป ท่านพ่อของนางก็ส่งสารมาบอกกล่าวว่านางอยู่ในพระราชวังให้จับตาดูให้ดี ทางที่ดีที่สุดต้องรู้ให้ได้ว่าซูหลีกับฮ่องเต้คุยกันว่าอย่างไร
ทว่าฮ่องเต้เป็นใคร ข้างกายของเขาป๋ายถานไหนเล่าจะยื่นมือเข้าไปได้ง่ายๆ
ป๋ายถานอยู่ในวังแห่งนี้มานานถึงเพียงนี้ แต่ก็ซื้อได้เพียงขันทีเล็กๆ ที่กวาดระเบียงทางเดินอยู่ด้านนอกห้องทรงอักษรเพียงเท่านั้น ได้รู้เพียงแค่ว่ามีผู้ใดไปมาที่ห้องทรงอักษรบ้าง
แต่ถึงเช่นนั้นป๋ายถานก็รู้ว่าหลังจากซูหลีออกมาจากราชกิจยามเช้าเข้าไปในห้องทรงอักษรและยังไม่ออกมาจนกระทั่งถึงตอนนี้
ช่วงเพลาพลบค่ำยังเรียกน้ำอุ่นเข้าไปด้วย
เรียกเอาน้ำ!
แม้ว่าตอนนี้นางจะยังเป็นเพียงสาวบริสุทธิ์ แต่นางก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ซูหลีคนชั้นต่ำผู้นั้นล่อลวงจับหัวใจของฝ่าบาทได้แล้วจริงๆ ขนาดในห้องทรงอักษรยังสามารถทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ร่วมกับนางได้
หลังจากป๋ายถานได้ยินเรื่องนี้เข้าปฏิกิริยาตอบสนองก็มิได้ดีไปกว่าซูเฟยเมื่อครู่นี้เสียเท่าใด
ทว่านางไม่อาจเป็นอย่างซูเฟยที่พรวดพราดออกไปเผชิญหน้าคุมเชิงกับซูหลี นางเป็นสตรีที่มีความสามารถเป็นที่หนึ่ง นางถือเกียรติและมีคุณธรรมเสมอมา นางมิอาจทำลายชื่อเสียงของตนเองเพราะผู้หญิงชั้นต่ำเพียงผู้เดียวเช่นนี้
ทว่าความโกรธนี้ของนางเหตุใดจึงไม่อาจกล้ำกลืนลงไปได้เลย
ดังนั้นนางจึงมาที่นี่
ตำแหน่งวังกลางถูกระงับปล่อยว่าง ทั่วทั้งวังหลังสถานะของซูเฟยสูงที่สุด นิสัยมักใช้อำนาจบาตรใหญ่เป็นที่สุดและได้รับความชื่นชอบโปรดปรานมากที่สุด
แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วที่จริงซูเฟยจะได้รับความโปรดปรานอยู่เพียงครั้งสองครั้ง แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้วซูเฟยได้รับความโปรดปรานมากที่สุดแล้ว
นางเผยข่าวหลุดออกไปต่อหน้าซูเฟยโดยไม่รู้ตัว
นางอยากจะดูว่าถึงนางไม่ลงมือ ซูหลีคนชั้นต่ำผู้นั้นจะได้รับผลดีบ้างหรือไม่!
ภายใต้แสงไฟส่องสว่างใบหน้าของป๋ายถานเพียงครึ่ง มีความรู้สึกห่อเ**่ยวใจที่ไม่อาจบรรยายได้
เมื่อได้เห็นก็สามารถทำให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจกลัว!
ส่วนทางด้านนั้นซูเฟยได้พาคนบุกเข้าไปในห้องทรงอักษรแล้ว
“เหนียงเหนียง! เหนียงเหนียง! ฝ่าบาทกำลังเสวยพระกระยาหาร ท่านจะเข้าไปแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ!” ขันทีน้อยทางด้านนอกไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหยุดรั้งนางได้
วันนี้โจวเว่ยถูกฝ่าบาทส่งตัวออกไปทำภารกิจด้านนอกแล้ว