เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 821 ความแค้น! / ตอนที่ 822 สมัครใจช่วยข้าหรือไม่
ตอนที่ 821 ความแค้น!
ยังสามารถรักษาตำแหน่งไต้ซือของตนเองไว้ได้!
ซูหลีหรี่ตาลงอย่างห้ามมิได้ การแข่งขันของกลุ่มการเมืองนั้นโหดร้ายเช่นนี้ บัดนี้ป๋ายไต้ซือยังคงสามารถอยู่รอดในซอกเล็กๆ ได้ อีกทั้งหลังจากที่องค์รัชทายาทพระองค์ก่อนทรงกระทำเรื่องที่มิอาจให้อภัยได้ ป๋ายไต้ซือก็ยังสามารถเป็นไต้ซือได้อย่างมั่นคงได้
ภายในนั้นต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
“ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นกับสกุลหลี่ ป๋ายไต้ซือเคยไปที่จวนหลี่ จากนั้นก็หาหลักฐานก่อกบฏของสกุลหลี่ ถึงขั้นพบชุดมังกรที่หลี่รุ่ยอิงสร้างขึ้นมาอย่างลับๆ!” ใบหน้าของลู่อวี้เหิงเผยความดุร้ายออกมา
เขาพยายามอดกลั้นอย่างสุดชีวิต ทว่าเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขายังควบคุมตนเองเอาไว้มิอยู่
เมื่อคิดถึงเวลานั้นที่เขาอยู่ฝั่งชายแดนที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันลี้ อย่างไรก็กลับมาไม่ทัน ยามที่ได้รับจดหมาย เขาก็รีบเดินทางกลับมาคนเดียว ทว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ให้เขานั้นมีเพียงแค่จวนว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
ในใจจึงมีความเจ็บปวดเกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
เขานั้นเติบโตในสกุลหลี่ ในใจของเขานั้นเห็นหลี่รุ่ยอิงและหลี่จื่อจินเป็นเหมือนกับบิดาที่ให้กำเนิดและน้องสาวแท้ๆ มิปาน พวกเขาประสบกับความลำบากเช่นนี้ ทว่าเขากลับทำอะไรไม่ได้!
“…ดังนั้นคุณชายถึงได้เอ่ยถามข้าด้วยคำพูดประโยคนั้น?” นางรู้สึกความมืดมนที่เกิดขึ้นตรงหน้าระลอกแล้วระลอกเล่า นางถึงกับตัวสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้
สิ่งที่ยากที่จะจินตนาการก็คือ สาเหตุที่สกุลหลี่ล่มสลาย ดูเหมือนจะมีเรื่องซ่อนอยู่จำนวนมากขนาดนี้ และยังเป็นการนองเลือดเช่นนั้น
ร่างกายของซูหลีสั่นสะท้าน นางออกแรงหยิบต้นขาของตนเอง และความเจ็บปวดนี้ทำให้คืนสติกลับคืนมา
นางต้องสงบนิ่ง นางไม่อาจใช้อารมณ์เกินไป
นางจะต้องล้างมลทินให้กับบิดาที่รักชื่อเสียงของตนยิ่งชีพให้ได้!
นางไม่อาจล้มเหลวได้!
“ใช่” ลู่อวี้เหิงเงียบไปครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้นเสียงเบา “การสังหารทั้งสกุลหลี่ หลี่เก๋อเหล่ามีเพียงหลี่จื่อจินเป็นบุตรีคนเดียว หลังจากสกุลหลี่ถูกประหารชีวิต ป๋ายไต้ซือก็ชี้ความผิดของสกุลหลี่กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหลายครา เขาเอ่ยว่าหลี่จื่อจินเป็นนักโทษ มิอาจนั่งอยู่ในตำแหน่งโหวฮูหยินอีกต่อไป”
“เขาร้องของให้ฮ่องเต้ทรงปลดหลี่จื่อจินออกจากตำแหน่งโหวฮูหยิน ฮ่องเต้ทรงยังมิได้ตอบกลับ หลี่จื่อจินก็…”
เรื่องที่เหลือ ลู่อวี้เหิงมิพูด ซูหลีก็ทราบอย่างชัดแจ้งดี
นี่เป็นการกลั่นแกล้งนางที่อยู่โดดเดี่ยวในสกุลหลี่ หลี่จื่อจินอยู่อย่างเดียวดายคนเดียว เพื่อตำแหน่งที่สูงศักดิ์อย่างติ้งอันโหว เสิ่นฉางชิงไม่มีทางช่วยเหลือนาง
เขาถึงได้ปฏิบัติเช่นนี้ต่อนาง
เมื่อฉุกคิดดูแล้ว การตายของนางก็ถือเป็นเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นต่อให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็ต้องถูกคนทำร้ายจนตายอยู่ดี
ป๋ายไต้ซือถึงกลับปฏิบัติต่อนางกับครอบครัวทุกคนโดยมิใช่แผนการอะไรแล้ว
และเป็นเพราะเขาไปที่จวนหลี่ด้วยนเอง ดังนั้นหลี่รุ่ยอิงถึงไม่ได้เตรียมก่อน ทำให้ต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้!
ชุดมังกร!
ฮ่า!
หากมิใช่เพราะสถานการณ์ตรงนี้ไม่ถูกกาลเทศะนัก ซูหลีอยากจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
เขากลับหาชุดมังกรเจอให้สกุลหลี่!
ในยามนั้นหลี่รุ่ยอิงระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เป็นเพราะสถานะฐานะของสกุลหลี่ เขามีเพียงนางเป็นบุตรีคนเดียว เขาก็ไม่สมัครใจให้นางแต่งกับคนสูงศักดิ์ จึงเพียงค้นหาคนใกล้ชิดที่อยู่ไกล และจับคนที่ไม่สะดุดตาที่สุดให้นางแต่งงาน
จนถึงบัดนี้นางยังจำยามที่นางออกเรือนได้ หลี่รุ่ยอิงร้องไห้บนเตียงของนาง
กล่าวว่าเขาขอโทษ เขาไม่คู่ควรต่อการเป็นบิดา
บุตรีไม่อาจเลือกความสุขของตนเองได้ ซ้ำยังต้องแต่งให้กับคนผู้หนึ่งอย่างส่งๆ
ยามนั้นหลี่จื่อจินตอบว่าอย่างไร
นางตอบว่า “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าการที่ท่านพ่ออยู่บนราชสำนักนั้นไม่ง่ายเลย ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องสนใจลูก ขอเพียงท่านพ่อสบายใจ ลูกก็พอใจแล้ว!”
หลี่รุ่ยอิงรักและทะนุถนอมนางเป็นอย่างมาก!
เขาถึงขั้นทะนุถนอมบุตรีของเขาประหนึ่งหัวแก้วหัวแหวนก็ไม่ปาน
ตอนที่ 822 สมัครใจช่วยข้าหรือไม่
กังวลว่าตนมีคุณูปการมากเกินไป จะนำเรื่องหายนะมาให้กับทุกคนในครอบครัว
จึงยอมอุทิศความสุขของบุตรี และเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์
ทว่าคนเช่นนี้ กลับมีคนตรวจพบชุดมังกรในจวน!?
ซูหลีอยากจะหัวเราะออกมาโดยแท้ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหลที่น่าขันนัก
ต่อให้ทุกคนในใต้หล้ามีความคิดก่อกบฏ ทว่าอย่างไรหลี่รุ่ยอิงก็ไม่มีทางคิดเช่นนั้น!
“…หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่เก๋อเหล่า ศพก็ทิ้งไว้ในสุสานของสะเปะสะปะ ไม่ไว้ชีวิตคนสกุลหลี่ไว้สักคน แม้แค่คนที่เก็บศพเหล่านี้ก็ไม่มี ข้าตามหาอยู่นานถึงสามารถหาศพของหลี่เก๋อเหล่าเจอ และนำไปฝังสุสานที่บนวิหารที่อยู่หลังเขาชิงอวิ๋นที่อยู่ชานเมืองไกลออกไปห้าสิบลี้”
ลู่อวี้เหิงตกอยู่ในห้วงความทรงอยู่พักใหญ่ จึงจะสามารถพูดประโยคนี้ออกมา
หลังจากซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็ฟื้นมีสติขึ้นมาทันใด นางเหลือบตาที่ดำขลับครู่นั้นขึ้น และจ้องไปที่ลู่อวี้เหิงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า
“อยู่ที่ใด”
“ข้ามิได้ปักป้ายไว้ เป็นเพียงหลุมฝังศพที่ไม่มีป้ายหลุมหนึ่ง ไว้วันหน้าข้าจะพาใต้เท้าซูไปทำความเคารพ”
บัดนี้หลี่รุ่ยเป็น ‘นักโทษ’ จะปักป้ายชื่อไว้ได้อย่างไร!?
ซูหลีสูดหายใจเข้าลึก สกุลป๋าย!
ป๋ายไต้ซือ!
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
หากสวรรค์มิได้มอบโอกาสกลับมาเกิดอีกครั้งให้แก่นางหลี่จื่อจินก็คงต้องปล่อยเรื่องนี้ไป ในเมื่อบัดนี้มอบโอกาสให้แล้ว นางจะจัดการกับพวกเขาในทุกเรื่องและทุกรูปแบบ!
หลี่รุ่ยอิงมิอาจเป็นวิญญาณที่ไร้ป้ายได้ รอนางก็เถอะ ใกล้ถึงเวลาที่นางจะให้คนเหล่านั้นไปยอมรับผิดต่อหน้าหลุมฝังศพของหลี่รุ่ยอิงแล้ว!
จะต้องให้คนเหล่านั้นชดใช้ด้วยเลือด!
“…เจ้าก็รู้แล้วว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก นอกจากสกุลป๋ายแล้ว ข้ายังไม่รู้ว่ามีคนอื่นมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้หรือไม่ พวกเราทราบว่าสกุลหลี่ถูกใส่ร้าย ทว่าผู้อื่นนั้นมิทราบ ใต้เท้าซูเป็นบุคคลสำคัญของแว่นแคว้น”
“แม้เจ้าจะเป็นสตรี ทว่าก็เป็นขุนนางที่ดีที่ทำเพื่อแว่นแคว้นเพื่อราษฎร มิจำเป็นต้องเสียอนาคตของตนเพื่อเรื่องเช่นนี้ ดังนั้น…” ลู่อวี้เหิงเตรียมพูดจะออกมา สีหน้าของเขาก็เรียบเฉยอยู่บ้าง เขาเริ่มพูดโน้มน้าวจริงใจซูหลี
“หลี่จื่อจินเป็นสหายที่สนิทที่สุดของข้า! หลี่เก๋อเหล่าเปรียบเสมือนบิดาของข้า! คุณชายลู่มิจำเป็นต้องพูดให้มากความ! เพียงแต่ข้าไม่มีผู้ช่วยในเมืองหลวง มีอุปสรรคและความลำบาก หากต้องการกระทำเรื่องใดนั้น มิใช่เรื่องง่ายนัก หากคุณชายลู่มีคนใต้อาณัติ ก็สู้ช่วยเหลือข้าดีกว่า!”
ซูหลีหวนคืนสติ สีหน้าที่ลู่อวี้เหิงจ้องมองนางนั้นมีความซับซ้อนมาก
สายตาของเขาผงะไปทันที แล้วหยุดอยู่ที่มือที่นางหยิกตนเองจนมีเลือดไหลออกมา ดูน่าตกใจเล็กน้อย
เรื่องของสกุลหลี่ สำหรับเขาแล้วที่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวด นั่นเป็นเพราะเขากับสกุลหลี่มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษอยู่ ทว่าซูหลีก็แค่สหายคนหนึ่งของหลี่จื่อจิน ทำไมนางถึง…
“คุณชายลู่จะช่วยข้าหรือไม่” ซูหลีเพียงจ้องมองนางและถามขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
หากเป็นเพราะสายตาของนาง อาจเป็นทั้งสองคนได้รับความโศกเศร้าเช่นเดียวกัน ลู่อวี้เหิงที่ตกอยู่ให้ความเงียบครู่หนึ่งพลันผงกศีรษะ แล้วเอ่ยว่า
“ใต้เท้าซูต้องการสิ่งใด ขอเพียงแค่ให้คนไปที่สกุลลู่ หากข้าสามารถช่วยได้ ข้าจักต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ!”
ซูหลีได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจลง
ลมหายใจนี้เมื่อได้ระบายออกไป ร่างทั้งร่างของนางก็เริ่มอ่อนแรง เท้าเริ่มยืนมิมั่นคง คล้ายกับจะล้มลง!
“ใต้เท้าซู!” ลู่อวี้เหิงได้ยินดังนั้น จะอดยื่นมือไปประคองซูหลีมิได้
“พวกเจ้ามาทำอะไรตรงนี้กัน!?” ซูหลียังรู้สึกมึนๆ อยู่ ขณะที่คิดจะขอบคุณลู่อวี้เหิงก็ได้ยินคำพูดประโยคนี้เสียก่อน ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็พบกลับฉินเย่หานที่สวมชุดมังกร
ด้านหลังยังมีขันทีติดตามมาด้วยหลายคนที่กำลังเดินมาทางนี้
ซูหลีตกใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นนางครู่หนึ่ง สีหน้าของฉินเย่หานก็เปลี่ยนไปทันที
เขามิเคยเห็นซูหลีเป็นเช่นนี้