หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 254-255
ตอนที่ 254 เธอหนีไม่พ้นหรอก!
“ที่พูดก็มีเหตุผล” พวกเขาที่นี่ที่ถูกลงโทษ โดยทั่วไปเป็นการลงโทษทางร่างกาย วิ่งรอบสนามหรือไม่ก็ฝึกซ้อมภาคสนาม
ชายผิวคล้ำคนหนึ่งบังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเข้า ก็ยิ้มหยัน “ในเมื่อหน่วยเขาดีขนาดนั้น พวกนายก็ไปสิ” สองคนที่กำลังคุยกันได้ยินก็ผงะ
“หัวหน้า เราแค่พูดเล่นน่ะครับ”
“พูดเล่น? เป็นทหาร พูดคำไหนคำนั้น จะพูดเล่นก็ต้องดูกาลเทศะ เข้าใจไหม” ชายผิวคล้ำแววตาขรึมลง สีหน้าไม่พอใจ
สองคนที่คุยกันรีบยืนตรง ตามองไปข้างหน้า “เข้าใจครับ”
“ในเมื่อเข้าใจก็ไปวิ่งซะ ฝึกฝนร่างกายตามที่พวกนายต้องการ” พูดจบ เขาก็นอนลงหลับตาพัก ทุกการกระทำดูมีแบบแผน
ทั้งสองมองหัวหน้าของตัวเอง แล้วสบตากัน ทำได้เพียงออกไปวิ่งเงียบๆ ในสนามข้างๆ จ้าวจวิน
อีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าด้านนี้มีคนถูกลงโทษให้วิ่งเพราะความอยากรู้อยากเห็น หลังจากเธอพักที่บ้านเฉวียนหมิงหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็ตรงไปมหาวิทยาลัย
“เสวียเสวี่ย ในที่สุดเธอก็มา เรารอตั้งนานแน่ะ” เฉวียนหมิงเพิ่งส่งอีลั่วเสวี่ยที่หน้าประตูมหาวิทยาลัย หลิ่วเฟยซวงกับเหอเย่ว์ก็เดินเข้ามาทัก
เฉวียนหมิงยิ้ม พยักหน้าให้อีลั่วเสวี่ย แล้วขับรถจากไป
“จุ๊ๆ เหมือนที่เฟยเฟยพูดไว้ไม่ผิด เธอกำลังหลงเสน่ห์จนถอนตัวไม่ขึ้น เราพูดอะไร เธอก็ฟังไม่เข้าหูแล้ว เฮ้อ…”
อีลั่วเสวี่ยได้แต่ส่ายหน้า ไม่พูดอะไร “เลิกเล่นซะทีเถอะน่า ฉันเหมือนคนประเภทนั้นหรือไง” สองคนนี้ชอบแหย่เธอเล่นอยู่เรื่อย แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้สึกรู้สากับการถูกชมหรือติแล้ว
“เหมือน!” หลิ่วเฟยซวงกับเหอเย่ว์พยักหน้าพร้อมกันโดยไม่ต้องคิด
“อย่างนี้สินะ งั้นถ้าฉันทำอะไรที่ไม่สอดคล้องขึ้นมา ก็คงไม่ตรงกับที่พวกเธอนึกฝัน” อีลั่วเสวี่ยพูดจบก็หิ้วกระเป๋าเดินตรงไปข้างหน้า
หลิ่วเฟยซวงกับเหอเย่ว์ค่อยๆ คุ้นกับปฏิกิริยาที่ไม่ธรรมดาของอีลั่วเสวี่ยแล้ว ทั้งคู่หัวเราะร่าแล้วตามไปคล้องแขนเธอคนละข้าง เข้าห้องเรียนอย่างมีความสุข
วิชาเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นอิสระ โดยทั่วไปพอจบเรียนจบในแต่ละวัน ถ้าชั่วโมงเรียนไม่ต่อเนื่องกัน ก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก อีกอย่างคาบเรียนของพวกอีลั่วเสวี่ยเรียนถึงแค่บ่ายสี่โมงก็หมดแล้ว
“วันนี้วันศุกร์ เสวียเสวี่ยเธอไม่ลืมที่รับปากฉันไว้ใช่ไหม” หลิ่วเฟยซวงกะพริบตาปริบๆ สีหน้าคาดหวัง
อีลั่วเสวี่ยยกมุมปาก “ไม่ลืมอยู่แล้ว สุดสัปดาห์นี้ของฉันเป็นของเธอ เธอจะเอายังไงก็เอา อยากไปไหนฉันไปด้วย”
หลิ่วเฟยซวงได้ยินก็ตื่นเต้นจนน้ำตาแทบไหล ในที่สุดก็รอจนถึงวันที่เมฆสลาย เห็นแสงเดือนแสงตะวันซะที ไม่มีใครมาแย่งฉันแล้ว เจ๋งเลย!
“เรื่องนี้ ขอฉันคิดก่อนนะ จะไปไหนดีน้า ช่างเหอะ ระหว่างทางค่อยคิด ไปกันเถอะ” มือข้างหนึ่งดึงอีลั่วเสวี่ย อีกข้างดึงเหอเย่ว์ หลิ่วเฟยซวงยิ้มจนตาหยี
“เฮ้ ถูกล็อตเตอรี่หรือไง ต้องดีอกดีใจขนาดนี้” มีเสียงดังขึ้นด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันก็มีคนมาขวางทางหลิ่วเฟยซวงไว้ ไม่ใช่ใครอื่น หลานเยี่ยหมิงนั่นเอง
แววตาหลิ่วเฟยซวงวูบไหวเล็กน้อย “ทำไมฉันต้องบอกนาย เสวียเสวี่ย เราไปกันเถอะ” จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินหายไปจากสายตาหลานเยี่ยหมิงในเวลาอันรวดเร็ว
เธอไม่ได้เห็นความอ่อนโยนและจนใจในดวงตาหลานเยี่ยหมิง “ยายนี่ เธอหนีไม่พ้นหรอก” ก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าถ้ามาให้เธอเห็นหน้าบ่อยๆ จะรบกวนการเรียนของเธอ ตอนนี้เป็นปลายภาคแล้ว จึงไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น
“เฟยเฟย หลานเยี่ยหมิงทำอะไรให้เธอไม่พอใจเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นเธอทำหน้าดีๆ กับเขาเลย” เหอเย่ว์สงสัยไม่หาย เท่าที่เห็น หลานเยี่ยหมิงเอาใจใส่หลิ่วเฟยซวงมาก ขอเพียงมีหลิ่วเฟยซวงอยู่ สายตาเขาไม่เคยผละจากตัวเธอเลย
อีกอย่างถึงต่อหน้าหลิ่วเฟยซวงจะชอบตีหน้ายักษ์ใส่เขา แต่สายตาก็ชอบมอบหาเขาโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่ 255 แหวนวงนั้นสวยจัง
สองคนนี้อยากใกล้ชิดกัน แต่พอเข้าใกล้กันทีไรก็ผลักออกจากกัน และส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหลิ่วเฟยซวงที่ปฏิเสธและต่อต้าน เรื่องนี้ทำให้เหอเย่ว์ไม่เข้าใจ
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในใจมีเขา แต่ทำไมทุกครั้งต้องทำเหมือนไม่สนใจด้วย
หลิ่วเฟยซวงชะงักเล็กน้อย แล้วเดินต่อ “เสี่ยวเย่ว์ เธอดูผิดแล้ว ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันสักหน่อย ทำไมฉันต้องดีกับเขาด้วย” ฉันไม่มีวันยกโทษให้เขาเด็ดขาด!
ล้มแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่วันล้มอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่เด็ดขาด!
อีลั่วเสวี่ยสบตากับเหอเย่ว์ ทั้งสองต่างเข้าใจจึงไม่ถามอะไรอีก เพราะรู้ว่าระหว่างสองคนนี้คงมีเรื่องบางอย่าง แต่เห็นชัดว่าหลิ่วเฟยซวงไม่อยากพูดถึง
ในเมื่อไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ไม่ไปวิจารณ์สุ่มสี่สุ่มห้าดีกว่า ดีไม่ดีอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
“ทะเลาะกับยายจอมหยิ่งนั่นอีกแล้วเหรอ” เว่ยเหลียนเฉิงเห็นหลานเยี่ยหมิงยืนอยู่ที่เดิมจึงเดินมาข้างๆ พลางยื่นหมากฝรั่งให้
หลานเยี่ยหมิงเทออกมาสองเม็ดใส่ปากเคี้ยว หมากฝรั่งรสส้ม เปรี้ยวๆ หวานๆ เหมือนความรู้สึกในใจเขาตอนนี้
“เธองอนฉัน แสดงว่ายังแคร์ฉัน” ไม่งั้นจะทำไม่ใส่ใจ พูดคุยกันเหมือนเพื่อนทั่วไปก็ได้
เว่ยเหลียนเฉิงเลิกคิ้ว “อ้อ งั้นเหรอ”
“ไปละ สุดสัปดาห์นี้ดูแล้วคงมีแต่เราสองคน” หนานหลิวเฟิงไม่รู้เป็นอะไร ระยะนี้ไม่ค่อยคลุกคลีกับพวกเขา มีข้ออ้างว่ายุ่งอยู่เรื่อย
“ต่างกันตรงไหน เราเจอกันทุกวันที่หออยู่แล้ว ว่าไปก็ดูเหมือนจะไม่มีเวลาไหนที่ไม่เจอกันด้วยซ้ำ”
หลานเยี่ยหมิงฟังจบก็รีบถอยหลังก้าวหนึ่ง ตั้งการ์ดป้องกันตัวทันที สีหน้าหวาดระแวง “นาย วันนี้นายพูดจาแปลกๆ บอกก่อนนะ ฉันไม่ใช่เกย์ หัวใจฉันเป็นของเฟยเฟย”
เว่ยเหลียนเฉิงมีท่าทีกระอักกระอ่วน สีหน้าหม่นคล้ำด้วยความเคือง “ฉันเป็นผู้ชายโว้ย เวรเอ๊ย ไปให้พ้นๆ เลยไป สุดสัปดาห์นี้ฉันอยู่ของฉันคนเดียวก็ได้ จะได้ไม่ถูกเข้าใจผิด”
หลานเยี่ยหมิงได้ยินก็ลดมือลง เดินมาอยู่ข้างตัวเว่ยเหลียนเฉิง พลางยื่นมือไปวางบนไหล่เพื่อน “พรรคพวก ฉันแค่ล้อเล่นน่า แต่จะว่าไปพวกเราแต่ละคนก็มีความรักกันแล้ว ทำไมนายยังไม่มีวี่แววเลย ในฐานะเพื่อน ฉันชักเป็นห่วง”
“ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีร้อนใจแทน”
“นายว่าอะไรนะ” หลานเยี่ยหมิงโวยด้วยความโมโห แต่เว่ยเหลียนเฉิงเร่งฝีเท้าเดินไปแล้ว
อีกด้านหนึ่งพวกอีลั่วเสวี่ยนั่งรถมาถึงร้านเครื่องหยกของหลิ่วเฟยอวิ๋น
“พี่ชายฉันบอกว่า ถ้ากลับให้บอกเขาด้วย ไปๆๆ พอเสร็จเรื่องเราก็กลับไปด้วยกันเลย” หลิ่วเฟยซวงวิ่งเข้าไปในร้านอย่างเริงร่า อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ตามหลังไป
พนักงานที่นี่รู้จักอีลั่วเสวี่ย เหอเย่ว์เองก็มาหลายครั้งแล้ว จึงไม่มีใครขวางพวกเธอ สองสาวเข้ามาในห้องโถงแล้วก็ขึ้นไปที่ชั้นสองทันที
“พี่ ดูซิว่าฉันพาใครมา” พอขึ้นไปชั้นบน หลิ่วเฟยซวงก็ทำท่าราวกับเอาของล้ำค่ามาให้ ร้องเรียกพลางเดินเข้าไป
หลิ่วเฟยอวิ๋นหันหน้าให้ประตู ตรงหน้าเป็นคอมพิวเตอร์และเอกสาร ยังมีกล่องสามใบ พอได้ยินเสียงน้องสาว ดวงตาเขาทอประกายทันที สายตามองหาอีลั่วเสวี่ย
อีลั่วเสวี่ยหลบตาเขา ไม่ยอมสบตาด้วย
“พี่ เห็นสาวๆ เป็นไม่ได้เลยนะ ไม่หือไม่อือ เอาแต่มองคนสวย หึ!” หลิ่วเฟยซวงเบ้ปาก สองแขนกอดอก ทำท่าเหมือนโมโห
แต่ที่จริงแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอาเถอะ ตราบใดที่เสวียเสวี่ยยังไม่ได้แต่งงานกับเฉวียนหมิง พี่ชายฉันก็ยังมีโอกาส แน่ละ ที่เธอบอกว่าแต่งงานหมายถึงการจัดพิธีแต่งงาน
หลิ่วเฟยอวิ๋นทำท่าจนใจ “เฟยเฟย ว่าพี่แบบนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ สนุกนักหรือไง”
“พวกเธอพี่น้องสนิทกันดีจัง!” เหอเย่ว์รู้สึกอิจฉา ไม่เหมือนที่บ้านเธอ มีเธอคนเดียว ตั้งแต่เล็กพ่อเลี้ยงเธอเหมือนเด็กผู้ชาย ยังดีที่แม่เป็นคนฉลาด ไม่อย่างนั้นเธอคงกลายเป็นผู้ชายไปแล้ว