หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 296 นายครับ มีแขกมาขอพบ / ตอนที่ 297 ถึงกับปฏิเสธความร่วมมือ
- Home
- หมอยาหวานใจท่านประธาน
- ตอนที่ 296 นายครับ มีแขกมาขอพบ / ตอนที่ 297 ถึงกับปฏิเสธความร่วมมือ
ตอนที่ 296 นายครับ มีแขกมาขอพบ
หลิ่วเฉิงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเดินออกมา “ตอนนี้วางใจได้แล้วใช่ไหม ลูกชายโตรู้ความแล้ว ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้แล้ว”
“ใช่ ลูกชายโตแล้ว หมายความว่าเราแก่แล้ว” หลี่เนี่ยนชิงเอ่ยเสียงเรียบ เดี๋ยวนี้เธอพบว่าบางเรื่องก็ตามไม่ทันความคิดหนุ่มสาวสมัยนี้ และไม่เข้าใจวิธีคิดของพวกเขา
“จะเป็นไปได้ยังไง เมียจ๋า ในใจผมคุณเป็นสาวตลอดไป” หลิ่วเฉิงพูดจบก็ทำตาปิ๊งปั๊งใส่ภรรยา ให้ความรู้สึกราวกับคู่สามีแก่กับภรรยาสาวจริงๆ
หลี่เนี่ยนชิงเอือมระอา แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่เลวเลย วันเวลาทำให้ความรักของสองคนราบเรียบไร้รสชาติไปบ้าง ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว จึงยากที่จะคงความรู้สึกเหมือนตอนที่รักกันใหม่ๆ
“นายครับ มีแขกมาขอพบครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นจอดรถเสร็จ เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้าน ผู้จัดการร้านก็รีบเดินเข้ามาหา แจ้งเขาว่ามีแขกรอพบอยู่
หลิ่วเฟยอวิ๋นหยุดเดิน รู้สึกแปลกใจ “แขก? แขกที่ไหน” เขาจำได้ว่าไม่ได้นัดใครไว้ อีกอย่างใครจะมาหาเขาตั้งแต่เช้าขนาดนี้
ชั่วขณะนั้น ผู้จัดการก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ดูเหมือนกำลังนึกชื่อแขกที่มาพบ “อ้อ ใช่แล้ว เขามาที่ร้านเราเมื่อวาน ก่อนกลับยังให้นามบัตรกับรองประธานไว้ ผมคิดว่าเขามาเพราะแหวนหยกสินค้าใหม่ของเราครับ”
นามบัตร แหวนหยก? คนที่เมื่อวานเฟยเฟยพูดถึงสินะ
“ซีเหมินหลงเซี่ยว”
ผู้จัดการได้ยินก็พยักหน้าทันที “ใช่ ใช่ครับ ชื่อนี้แหละ เพราะไม่รู้จัก ผมเลยไม่กล้าพาเขาไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย ให้เขารอที่ห้องแพนทรีครับ”
“ตามผมไปดูหน่อย ช่างเถอะ ผมจะไปที่ห้องทำงาน คุณพาเขาไปที่ห้องทำงานผมแล้วกัน” เขาถือกระเป๋าเอกสาร แล้วจัดเน็กไทให้เข้าที่ จากนั้นจึงเดินจากไปเงียบๆ
“ครับ” ผู้จัดการมองตามหลิ่วเฟยอวิ๋นที่เดินขึ้นชั้นบน แล้วจึงเดินไปยังห้องแพนทรี ซึ่งจัดไว้สำหรับเป็นห้องดื่มชารับรองแขก
พอเขาผลักประตูเข้าไป ซีเหมินหลงเซี่ยวซึ่งอยู่ในห้องก็เงยหน้าขึ้นยิ้มด้วยท่าทีสุภาพ
“คุณซีเหมินครับ เจ้านายของเราขอเชิญ เชิญตามผมมาเลยครับ” พูดจบก็เปิดประตู ผายมือเป็นการเชื้อเชิญ
ซีเหมินหลงเซี่ยวพยักหน้า เดินออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดตามหลัง
“เจ้านายอยู่ในห้องครับ” ผู้จัดการเคาะประตู เปิดประตูให้ซีเหมินหลงเซี่ยว แล้วจากไป
หลิ่วเฟยอวิ๋นนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พอเห็นซีเหมินหลงเซี่ยวก็ยิ้มให้ พลางเดินมาหา
“คุณซีเหมินมาเยือนร้านเล็กๆ ของเรา นับว่าเป็นเกียรติของร้านเรามาก เชิญนั่งครับ ดื่มอะไรหน่อยไหมครับ”
ซีเหมินหลงเซี่ยวเม้มปากยิ้ม “กาแฟครับ น้ำตาลสามก้อน” หลังจากนั่งลง บอดี้การ์ดมายืนอยู่ข้างหลังเขา ท่าทางเคร่งขรึมน่าเกรงขาม
หลิ่วเฟยอวิ๋นพยักหน้า กดโทรศัพท์บนโต๊ะ “กาแฟหนึ่ง ชาหนึ่ง กาแฟใส่น้ำตาลสามก้อน ส่งขึ้นมา”
“มาพบแต่เช้า คงไม่รบกวนการทำงานของประธานหลิ่วนะครับ”
รบกวน? ถึงจะรบกวนก็มาแล้วไม่ใช่เหรอ หลิ่วเฟยอวิ๋นคิดในใจ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า “ไม่หรอกครับ คุณซีเหมินกังวลเกินไปแล้ว จริงสิครับ เมื่อวานเผอิญผมมีธุระออกไปก่อน ไม่ได้อยู่ต้อนรับคุณซีเหมินด้วยตัวเอง ต้องขอโทษจริงๆ ถ้าน้องสาวผมต้อนรับบกพร่อง ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วย หวังว่าคุณซีเหมินคงไม่ถือสานะครับ”
พอซีเหมินหลงเซี่ยวได้ฟัง สีหน้าก็อ่อนโยนลง ดวงตาลึกล้ำทอประกายออกมา “ไม่หรอกครับ น้องสาวประธานหลิ่ว อายุยังน้อยแต่รับมือได้ด้วยตัวเอง แม้แต่ผมก็ยังชื่นชมเลยครับ”
“ถ้าเฟยเฟยได้ยินคุณชมเธอ คงจะตัวลอยแน่” หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่พูดเข้าเรื่อง เพียงแค่หัวเราะ ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่น้องสาวบอกเขาเมื่อคืนว่าผู้ชายตรงหน้าอยากร่วมธุรกิจกับตน
ตอนที่ 297 ถึงกับปฏิเสธความร่วมมือ
แววตาซีเหมินหลงเซี่ยวดูลึกล้ำยิ่งขึ้น สุดท้ายก็อดพูดไม่ได้
“ประธานหลิ่ว เมื่อวานน้องสาวคุณไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่หรือครับ” ไอ้หนูนี่มีแผนอะไรในใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ไม่ยอมพูดถึงเรื่องเมื่อวาน
หรือจะนั่งเฉยเพื่อยกราคา รอให้ฉันเอ่ยปาก เป็นคนมีหัวธุรกิจจริงๆ มิน่าเพิ่งกลับจากต่างประเทศไม่ถึงครึ่งปีก็บริหารจนร้านหยกนี้เป็นรูปเป็นร่าง
หลิ่วเฟยอวิ๋นตบศีรษะตัวเอง “ต้องขอโทษด้วยครับคุณซีเหมิน เมื่อคืนผมมีธุระกลับดึกมาก แถมยังดื่มเล็กน้อย เลยยังมึนๆ นึกไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ผมแปลกใจว่าทำไมคุณซีเหมินถึงอยากร่วมมือกับร้านเครื่องหยกเล็กๆ อย่างเราครับ”
นี่คงเป็นเรื่องที่เขาอยากถามสินะ ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้ม
“ขอบอกตามตรง ผมเห็นสินค้าใหม่ของคุณแล้ว รู้สึกว่าน่าจะทำตลาดได้ดี จึงอยากร่วมมือด้วย ไหลย่ากรุ๊ปมีผลิตภัณฑ์มากมาย ถ้าสามารถเพิ่มเครื่องหยกเข้าไปอีกอย่าง ก็ถือเป็นการเพิ่มโอกาสมากขึ้นสำหรับไหลย่ากรุ๊ป”
น้ำเสียงซีเหมินหลงเซี่ยวเนิบช้า ทำให้เขาดูน่าเชื่อถือเพราะเป็นการตอบที่ผ่านการใคร่ครวญมาแล้ว
พูดตามจริง ในใจหลิ่วเฟยอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้น เมื่อวานตอนที่น้องสาวบอกให้เขารู้ เขารู้สึกเหมือนกับชนะรางวัล วันนี้ได้เจอซีเหมินหลงเซี่ยวด้วยตัวเอง ก็เหมือนกับได้เห็นรางวัลอยู่ตรงหน้า
แต่เขาไม่ลืมคำพูดของอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์รวมทั้งพ่อกับแม่ด้วย โลกนี้ไม่มีลาภลอย หลายปีมานี้แนวสินค้าของไหลย่ากรุ๊ปไม่ได้ครอบคลุมกว้างขนาดนี้ เขาจึงอดสงสัยเจตนาของอีกฝ่ายไม่ได้
คนทั่วไปถ้าเจอเรื่องแบบนี้ อาจรอไม่ไหวจนรีบตัดสินใจทันที แต่เขายังคงนิ่ง เขารู้ศักยภาพของตัวเองดี มีกำลังแค่ไหนก็ควรยืนสูงเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้น ความต้องการของคุณซีเหมินคือซื้อร้านเครื่องหยกของเรา หรือว่า…” ซีเหมินหลงเซี่ยวสังเกตเห็นแววตาที่ตื่นเต้นของหลิ่วเฟยอวิ๋น ทำให้เขายิ่งมั่นใจ
“ถือครองสิทธิ์นะเหรอ ไม่ๆๆ ผมอยากร่วมมือกับประธานหลิ่ว ก็คือซื้อหุ้นในบริษัทนี้ ทำให้แบรนด์นี้มีมูลค่าสูงสุด คุณยังคงเป็นผู้บริหารร้านต่อไป ส่วนบริษัทเราก็จะลองเปิดร้านเครื่องหยก ถ้าเติบโตได้ดีก็จะขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าโอกาสยังไม่อำนวย ก็อยู่อย่างนี้ระยะหนึ่งก่อน ระหว่างนี้ถ้าเกิดความสูญเสีย ไหลย่าของเราจะแบกรับหกสิบเปอร์เซ็นต์”
นี่เท่ากับว่าหลิ่วเฟยอวิ๋นเพียงแค่บริหารร้านต่อไปก็สามารถได้ผลกำไร โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุนและการขาดทุนเลย เหมือนลาภลอยจริงๆ
หลิ่วเฟยอวิ๋นฟังแล้วรู้สึกสะท้านสันหลังวาบ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ความคิดเขาก็ยิ่งกระจ่างชัด
เวลานี้ผู้จัดการยกชาและกาแฟขึ้นมาพอดี “คุณซีเหมิน กาแฟของคุณครับ” จากนั้นก็ออกไป
“ต้องบอกว่าข้อเสนอนี้ดึงดูดใจมาก แต่คุณซีเหมินควรเข้าใจว่า ในฐานะลูกผู้ชาย ทุกคนย่อมอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง ดังนั้นข้อเสนอนี้ คุณคงต้องผิดหวังแล้วครับ”
คำพูดของเขาทำให้ซีเหมินหลงเซี่ยวประหลาดใจ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธความร่วมมือ หรือว่าเงื่อนไขที่เสนอไปยังดึงดูดใจไม่พอ
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ ไหลย่ากรุ๊ปของเราจะร่วมหุ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดยังเป็นคุณ ตัวแทนทางกฎหมายก็ย่อมเป็นคุณ เราแบกรับความเสียหายเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์” เงื่อนไขนี้ ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินอาจตกใจจนหัวใจวายได้
หลิ่วเฟยอวิ๋นส่ายหน้า “นี่เป็นกิจการแรกของผม ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ผมอยากลองเองทั้งหมด ส่วนความร่วมมือกับคุณซีเหมินนั้น ผมหวังว่าจะเป็นไปได้ในอนาคต”
ซีเหมินหลงเซี่ยวเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจความหมายของหลิ่วเฟยอวิ๋น เขาตัดสินใจปฏิเสธเงื่อนไขนี้