หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 434 คุณมาด้วยตัวเอง / ตอนที่ 435 ฟางจื่อชิวคิดฉวยโอกาส
ตอนที่ 434 คุณมาด้วยตัวเอง
เวลานี้ด้วยความสามารถของเธอเกรงว่าจะไม่สามารถหลอมโอสถทิพย์ได้ เธอต้องปรับเปลี่ยนแผน ใช้เทคโนโลยี่ทันสมัยของโลกนี้บวกกับความสามารถในการหลอมยาของเธอรวมทั้งการวิเคราะห์อย่างแม่นยำของเจ้าลูกบอลเงินเพื่อหลอมโอสถทิพย์ออกมา
“โทรหาอาจารย์ผมงั้นหรือ? คุณคงไม่คิดที่จะ…” ดูเหมือนในใจเฟิงฉี่จะมีคำตอบแล้ว เขามองอีลั่วเสวี่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “ถูกแล้ว ฉันคิดจะหลอมโอสถทิพย์ให้เขา” เฉพาะหน้านี้นอกจากการใช้โอสถทิพย์เพื่อรักษาเขาแล้ว เธอคิดวิธีอื่นไม่ออก
อาศัยเทคโนโลยีปัจจุบันและการค้นคว้าด้านเภสัชวิทยา ถ้าต้องการรักษาโรคของเฉวียนหมิง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจึงจะทำสำเร็จ เขารอนานแบบนั้นไม่ได้
แต่ก่อนอื่นต้องต้องรู้ให้แน่ชัดว่าก่อนหน้านี้เฉวียนหมิงใช้ยาอะไร ต่อให้เป็นการรักษาโรคทั่วไป ในเวลารักษาผู้ป่วยก็ยังต้องถามประวัติว่ามีการแพ้ยาหรือไม่
อีกอย่างโอสถทิพย์ที่เฉวียนหมิงกินไปก่อนหน้านี้ฤทธิ์ยาไม่ควรสลายไปเร็วอย่างนี้ ดังนั้นจึงต้องพิจาณาว่าสมุนไพรทิพย์ที่ให้ลูกบอลเงินนำมาจากยุคโบราณเพื่อหลอมโอสถทิพย์จะมีอันตรายต่อร่างกายเขาหรือไม่
เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “เจ๊ แต่ยาที่พี่เขยกินก่อนหน้านี้นั้น ถึงตอนนี้ไม่มียาที่ดีกว่านี้จะให้เขากินแล้ว”
ก่อนหน้านี้ที่ช่วยให้เฉวียนหมิงฟื้นฟูได้ดีและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเขานั้น เป็นเพราะอาจารย์ตนคิดค้นสูตรยาอย่างละเอียดรอบคอบ
อีลั่วเสวี่ยหรี่ตา “เรื่องนี้คุณอย่าเพิ่งใส่ใจ ในเมื่อฉันมีความคิดอย่างนี้แสดงว่าฉันคิดวิธีรับมือไว้แล้ว”
“งั้นก็ได้ ผมจะติดต่ออาจารย์ให้” เฟิงฉี่หยิบมือถือเดินมาด้านข้างแล้วโทรออก
ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยจ้องไปที่เจ้าลูกบอลเงินบนโต๊ะ “ให้เจ้าไปรวบรวมสมุนไพรทิพย์ เร็วที่สุดจะได้เมื่อไหร่?”
เนื่องจากลูกบอลเงินเคยไปที่โลกเมื่อชาติก่อนของเธอ รู้ตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอน ขอเพียงประกาศให้รางวัล ก็จะมีระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงไปเสาะหาที่โลกนั้น
แต่ถ้าจะมา ต้องรู้เวลาและตำแหน่งที่แน่ชัด ไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นอย่างแหวนหยกของเธอ ที่มาถึงโลกนี้ก่อนเธอนานมาก
“พอดีพวกนั้นเพิ่งส่งข่าวมาให้ข้ารู้ ต้องใช้เวลาอีกห้าปีอวกาศ จึงจะมาถึงดาวเคราะห์ดวงนี้”
อีลั่วเสวี่ยงุนงง “พูดภาษาคนได้ไหม “ ปีอวกาศอะไร เธอคำนวณไม่เป็น ใครจะรู้ว่าพวกร้านค้าปัญญาประดิษฐ์คำนวณกันอย่างไร
เจ้าลูกบอลเงินกลอกตารอบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่นานหรอก ราวหนึ่งสัปดาห์ก็จะมาถึง ข้าจะบอกให้พวกเขาเร่งความเร็วขึ้น”
แต่ว่าจะเร็วเกินไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นถ้าเกิดเจอคนที่ระเบิดตัวเองตายอย่างอีลั่วเสวี่ย ก็อาจถูกระเบิดม้วนไปที่ดาวดวงอื่น จะเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีก
“หนึ่งสัปดาห์ ก็น่าจะพอดี” อีลั่วเสวี่ยค่อยคลายความกังวล ยังเร็วกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้
ถึงตอนนี้เฟิงฉี่เดินมา “ครับ งั้นผมจะให้เธอคุยกับอาจารย์” จากนั้นก็ยื่นมือถือให้อีลั่วเสวี่ย
“ผู้อาวุโส” คราวนี้อีลั่วเสวี่ยไม่รู้สึกดูเบาอีกฝ่าย เวลานี้เธอจำเป็นต้องให้มั่วเวิ่นช่วย
“ที่ผู้อาวุโสเสนอ ฉันจะพิจารณาดู แล้วฉันล่ะ เฟิงฉี่น่าจะบอกท่านแล้ว” ก็แค่ให้เธอเข้าสังกัดสำนักแพทย์โบราณไม่ใช่หรือ ง่ายมาก ก็แค่คำพูดประโยตเดียว
จากนั้นแววตาของอีลั่วเสวี่ยก็เย็นชาลง “ท่านอยากคุยกันต่อหน้าหรือคะ?”
ถึงตอนนี้เฟิงฉี่พูดเบาๆ ว่า “อาจารย์อยากให้เจ๊ไปพบท่านสักครั้ง คุณก็รับปากเถอะ พอดีอีกสองสามวันผมก็เตรียมจะกลับไปแล้ว”
เขาออกมานานเกินไปแล้ว ขืนไม่ตั้งใจศึกษา เกรงว่าวิชาแพทย์ของเขาจะไม่ก้าวหน้า ถ้าอีลั่วเสวี่ยไปกับเขา ระหว่างทางก็จะได้มีเพื่อน
ตอนที่ 435 ฟางจื่อชิวคิดฉวยโอกาส
อีลั่วเสวี่ยครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วผงกหัว ตกลงตามข้เสนอของมั่วเวิ่น “ได้ ฉันรับปากท่านค่ะ” จากนั้นก็วางสายแล้วยื่นมือถือคืนให้เฟิงฉี่
“เจ๊ คุณตกลงแล้วหรือ?” เฟิงฉี่รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้เขาใช้สารพัดวิธีแต่ไม่สามารถทำให้เธอยอมตกลง
เห็นได้ชัดสำหรับโลกนี้แล้วพลังแห่งความรักยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อไรเขาจะมีประสบการณ์บ้างนะ คงดีไม่น้อย
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น มองดูเขาอย่างล้อเล่น “ไม่งั้นคุณคิดว่าจะทำยังไงหรือ?”
จากนั้นอีลั่วเสวี่ยก็เอ่ยขึ้น “เอาละ คุณกลับไปเตรียมตัว เดี๋ยวเราออกเดินทางเลย ฉันจะไปบอกให้เฉวียนหมิงรู้”
เฟิงฉี่สะดุ้งเฮือก “ไม่ใช่มั้ง ใจร้อนขนาดนี้เชียวหรือ?” เมื่อกี้เพิ่งวางแผน ตอนนี้ก็จะลงมือเลยหรือไง?
“คุณคิดว่าฉันล้อเล่นหรือ? ช่างเถอะ ถ้าคุณไม่มีอะไรต้องเตรียมเดี๋ยวเราออกเดินทางจากที่นี่เลย”
“อย่า อย่า ผมขอกลับไปบอกลาพ่อแม่ก่อน คุณอย่าใจร้อนนักสิ” เฟิงฉี่มีเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก รีบออกไปจากคฤหาสน์ ท่าทางราวกับถูกผีไล่ตามมา
อีลั่วเสวี่ยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาเฉวียนหมิง
“อาเสวี่ย มีเรื่องอะไรก็พูดเลย” น้ำเสียงของเฉวียนหมิงในโทรศัพท์เปี่ยมด้วยแรงดึงดูดและความรัก ราวกับฟังแล้วจะทำให้เคลิบเคลิ้ม
พออีลั่วเสวี่ยได้ยินเสียงนี้แววตาเธออ่อนโยนขึ้นทันที “ฉันมีธุระบางอย่างต้องไปที่อื่นสักครึ่งเดือน ไม่สามารถไปดูแลคุณได้ คุณดูแลตัวเองให้ดีนะ”
เฉวียนหมิงได้ยิน ก็หายใจเร็วขึ้นทันที “อาเสวี่ย คุณจะไปไหน ผมจะไปด้วย!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ อาจารย์ของเฟิงฉี่ให้ฉันไปพบ ฉันอยากรู้ส่วนประกอบของยาที่คุณกินครั้งก่อน จึงจะตัดสินใจได้ว่าขั้นต่อไปจะทำอย่างไร”
เธอไม่คิดจะปิดบังเฉวียนหมิง กลัวว่าเขาจะคิดมาก สำหรับคนป่วยแล้วการคิดฟุ้งซ่านเป็นสิ่งต้องห้าม
อีกทั้งเพราะเธอเป็นห่วงสุขภาพเขามาก เขาจึงจะสามารถตั้งใจพักฟื้นดีๆ ได้ ไม่ทำอะไรที่เป็นผลร้ายต่อร่างกายตัวเอง
พอเฉวียนหมิงได้ยินเช่นนี้ก็คลายความวิตก “ได้อาเสวี่ย คุณเดินทางระวังตัวด้วย แต่ถ้าผลที่ได้ก็ยังเหมือนเดิมคุณก็ไม่ต้องดึงดัน”
เขารู้ดีว่าสภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร เขาเองก็ไม่อยากตาย ยิ่งไม่อยากให้อีลั่วเสวี่ยต้องลำบากเช่นนี้
“วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าจะทำอย่างไร” เธอเป็นคนที่ผ่านสองภพมา จะไม่รู้หลักเหตุผลนี้ได้หรือ ที่เธอไปยังต้องการหาสถานที่เหมาะสมสำหรับการหลอมยาด้วย
คืนนั้นให้เฟิงฉี่มีเวลาพอที่จะกินมื้อเย็นกับครอบครัว จากนั้นทั้งสองก็มาพบกันที่สนามบิน เดินทางออกจากเมืองเอฟ
แต่มีคนที่ไม่ประสงค์ดีมาเยือนเฉวียนหมิงแล้ว
“ต้องขอโทษคุณด้วย ผมไม่ใส่ใจว่าคุณจะเป็นคุณหนูมาจากไหน ถ้าไม่มีคำสั่งของนายน้อย เราให้คุณเข้าไปไม่ได้”
ที่หน้าคฤหาสน์ของเฉวียนหมิง ยามประตูและบอดี้การ์ดสีหน้าเย็นชา แม้ว่าฟางจื่อชิวจะบอกฐานะของเธอให้รู้แล้ว
“งั้นพวกคุณไปตามลุงเกามา เขาต้องให้ฉันเข้าไปแน่ ลุงเกามาแล้ว” เธอพูดพลางชี้ไปที่เหล่าเกาที่กำลังสั่งให้คนรับใช้หอบผ้าห่มเข้าไปในบ้าน
บอดี้การ์ดเห็นเหล่าเกาแล้ว คิดดู แล้วไปบอกให้เหล่าเการู้ดีกว่า
เหล่าเกาเดินมา แล้วพูดทักทายกับฟางจื่อชิว “คุณฟาง คุณมาหานายน้อยบ้านเราหรือครับ?” เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
“ใช่จ๊ะ ลุงเกา เฉวียนหมิงอยู่ไหม ขอฉันเข้าไปพบเขาได้ไหม?” ฟางจื่อชิวยิ้มอย่างมีมารยาท
เหล่าเกาขมวดคิ้ว “นายน้อยเมื่อคืนงานยุ่งมาก ตอนนี้ยังพักผ่อนอยู่ ไม่งั้นคุณฟางค่อยมาใหม่วันอื่นเถอะครับ”
ถึงตรงนี้มีรถแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ เป็นรถของนายท่านผู้เฒ่า พอฟางจื่อชิวเห็นเขาก็เลิกใส่ใจคำพูดของเหล่าเกา รีบเดินมาทักทายนายท่านผู้เฒ่าอย่างอ่อนโยน