หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 488 ฉันหาวิธีได้แล้ว / ตอนที่ 489 ผมเชื่อคุณ
ตอนที่ 488 ฉันหาวิธีได้แล้ว
“ครับ นายน้อย ผมจะไปดำเนินการเลย” เหล่าเกาขานรับแล้วผละไป ไปจัดการเรื่องต่างๆ ตามคำสั่งเฉวียนหมิง
ปล่อยให้พวกนั้นกระหยิ่มใจมานาน ถึงเวลาแล้วที่จะให้พวกเขาเห็นความร้ายกาจของเฉวียนกรุ๊ปบ้าง ดวงตาเหล่าเกาฉายแววยิ้มหยันออกมา
หลังจากเหล่าเกาไปแล้ว เฉวียนหมิงวางมือลงบนแป้นพิมพ์ แล้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว แววตาสดใส
ไม่นานนักมือถือเขาก็ดังขึ้น มุมปากเขาเชิดขึ้นทันทีที่เห็นชื่อที่ปรากฏบนมือถือ แล้วต่อสายคุยทันที “อาเสวี่ย มีอะไรหรือ?” น้ำเสียงเขาอ่อนหวานมากจนแทบจะเยิ้มออกมา
“อืม ผมรู้แล้ว ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”เขาวางสาย ดูเรื่องที่จัดการในคอมพิวเตอร์ แล้วจัดการงานหลายเรื่องอย่างรวดเร็ว กดเซฟงาน จากนั้นจึงปิดเครื่อง
เขาคว้าเสื้อโค้ทจากด้านข้าง แล้วผละออกไป
ในคฤหาสน์ของเฉวียนหมิง อีลั่วเสวี่ยทำอาหารชุดใหญ่ไว้เต็มโต๊ะ นายท่านผู้เฒ่านั่งอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนน้ำลายสอ อยากจะหยิบตะเกียบขึ้นมา หอมน่ากินจริงๆ ยากที่จะห้ามใจได้
พอเขาเห็นเฉวียนหมิงเข้ามาก็กวักมือเรียกทันที “เจ้าหนู เร็วหน่อยสิ ปล่อยให้ปู่รอหลานกินข้าว ไม่รู้จักกตัญญูเลย!”
“ครับ ปู่ เดี๋ยวผมมา” เฉวียนหมิงยิ้มร่า เข้าไปในครัวล้างมือ จากนั้นจึงนั่งลง มองดูอาหารเต็มโต๊ะ รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยน
นี่แหละความรู้สึกของการเป็นบ้าน มีคนรอกินอาหาร พอกลับถึงบ้านล้างมือเสร็จก็มีอาหารร้อนกรุ่นรออยู่ เช่นนี้แล้วทำให้ความเหนื่อยจากการทำงานตลอดวันสลายไปทันที
“ล้วนเป็นของที่ทุกคนชอบกิน วางบนโต๊ะไม่หมด ในครัวยังมีอีกหลายจาน รอเรากินหมดแล้วค่อยไปเอามาอีก ลุงเกา นั่งลงด้วยค่ะ” อีลั่วเสวี่ยถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วนั่งลงที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ
ไม่นานทั้งสี่คนจึงจัดการกับอาหารเต็มโต๊ะจนเกลี้ยง จากนั้นนายท่านผู้เฒ่าก็ชวนเหล่าเกาออกไปรับแดดและเล่นหมากรุกที่สนาม ทิ้งให้อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงอยู่กันตามลำพัง
“อาเสวี่ย ทำไมวันนี้รีบตามผมมา คงไม่ใช่แค่กินข้าวมื้อหนึ่งเท่านั้นใช่ไหม?” เฉวียนหมิงชำเลืองมอง ขณะที่กำลังล้างจานในมือ สายตาอยู่บนร่างอีลั่วเสวี่ย
นายน้อยสกุลเฉวียนไม่เพียงรู้จักเข้าครัวทำอาหาร ยังช่วยล้างถ้วยชามด้วย
อีลั่วเสวี่ยกำลังเช็ดจาน ยิ้มที่มุมปาก “ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถปิดบังคนฉลาดอย่างนายน้อยเฉวียนได้ ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไรถึงคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้?” สีหน้าเฉวียนหมิงแสดงอาการสงสัย
“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้แล้ว” อีลั่วเสวี่ยแกล้งอุบไว้ก่อน ไม่ยอมบอกเขา รอจนล้างจานชามเสร็จหมดแล้ว
อีลั่วเสวี่ยกำลังจะเดินออกไปจากครัวแต่ถูกเฉวียนหมิงดึงไว้ “อาเสวี่ย คุณก็รู้ว่าผมอยากรู้อยากเห็นที่สุด รีบบอกให้ผมรู้เถอะ” ผู้หญิงคนนี้ก็เหลือเกินจริงๆ เธอไม่รู้หรือว่าถ้าเป็นทุกเรื่องที่ออกมาจากปากเธอ เขายิ่งอยากรู้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
“เอาละ ฉันแค่อยากให้คุณตื่นเต้นดีใจเท่านั้น” อีลั่วเสวี่ยกลอกตา เธอกลับมาระยะนี้ ที่ยังไม่ได้เอาโอสถทิพย์ที่หลอมไว้ให้เฉวียนหมิงกินเพราะต้องการให้เขาดูแลร่างกายให้ดีก่อน
ขณะนี้ถึงเวลาแล้ว ฉวยโอกาสที่เขางานไม่ยุ่งเกินไป เธอคิดว่าต้องมอบร่างกายที่แข็งแรงให้เขา จะได้สามารถต่อสู้กับซีเหมินหลงเซี่ยวกับพวกได้
เธอไม่อยากให้เฉวียนหมิงหมดสติอีกในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ทั้งสภาพร่างกายเขาก็ไม่อาจทนกับอาการโรคกำเริบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“ตื่นเต้นยินดีใจ ตื่นเต้นดีใจเรื่องอะไรหรือ? หรือคุณจะบอกผมว่าผมกำลังจะเป็นพ่อคน?” จริงๆ นะ เมื่อคืนเขายังฝันว่าตัวเองเป็นพ่อคนแล้ว มีลูกที่สวยและฉลาดเหมือนอาเสวี่ย
ตอนที่ 489 ผมเชื่อคุณ
อีลั่วเสวี่ยงุนงง “พูดบ้าอะไรของคุณ ลูกที่ไหนกัน ที่ฉันพูดถึงเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีใจ เป็นครั้งนี้ที่ฉันไปสำนักแพทย์โบราณ หาวิธีรักษาคุณให้หายได้แล้ว ฉันหลอมโอสถทิพย์ออกมาแล้ว”
เฉวียนหมิงได้ยินถึงกับผงะ แววตาฉายมีความตื่นเต้นดีใจออกมา แต่ก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว
“อาเสวี่ย คุณไม่จำเป็นต้องลำบากเพื่อผมเลย ทุกอย่างชะตาลิขิตไว้แล้ว ผมแค่หวังว่าหลังจากผมจากไปแล้วคุณจะสามารถมีชีวิตใหม่ได้ ไม่งั้นผมคงนึกเสียใจที่คุณต้องอยู่กับผมอย่างนี้”
บางครั้งเขามักคิดว่าตนเองเห็นแก่ตัวเกินไปหรือไม่ ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดีว่าอนาคตของตนมีเวลาไม่มากแล้ว แต่ก็ยังไปยุ่งกับเธอ ทำให้เธอมีความรักต่อตน ถ้าเกิดเขาจากไปแล้ว เธอจะทำอย่างไร
เขารู้สึกทุกข์ใจทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้ จนรู้สึกสับสน
เขายังพูดไม่จบก็ถูกอีลั่วเสวี่ยเอามือปิดปาก “คุณไม่เชื่อฉันหรือ ลืมแล้วหรือว่าฉันเป็นใคร?” หรือผู้ชายคนนี้ไม่เชื่อวิชาแพทย์ของเธอ
ที่จริงไม่ใช่เขาไม่เชื่อ เพราะเฉวียนหมิงเข้าใจอาการโรคของตนเองดี นี่เป็นโรคประหลาดที่พบได้ยากบนโลกนี้ ส่วนโอสถทิพย์นั้น อาเสวี่ยเคยบอกว่าโลกนี้ขาดสมุนไพรทิพย์ ถ้าต้องการหลอมโอสถทิพย์ที่ได้ผลดี ต้องใช้สมุนไพรที่ดีเยี่ยม แต่โลกนี้มีสมุนไพรที่ว่าหรือ คำตอบคือไม่มี
เขาแค่กลัวว่าถ้าโอสถทิพย์ไม่ได้ผล ไม่อยากเห็นเธอผิดหวังและเสียใจเท่านั้นเอง
“อาเสวี่ย ผมเชื่อคุณ” เฉวียนหมิงค่อยๆ ดึงมือเธอออก สีหน้าเขาเปี่ยมด้วยความรัก ทำไมเขาจะไม่เชื่อเธอล่ะ เพียงแต่เขาไม่เชื่อว่าร่างกายตนเองจะสามารถทนรับฤทธิ์ยาได้
ครั้งก่อนที่กินโอสถทิพย์เม็ดนั้น เขารู้สึกราวกับเดินผ่านนรก เขากลัวว่าตนเองจะต้านไม่ไหว กลัวว่าตนเองจะทำให้เธอผิดหวัง
“งั้นดีแล้ว ตามฉันมาค่ะ” อีลั่วเสวี่ยตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูดพล่ามกับเฉวียนหมิงแล้ว ดึงเขาไป มาที่ห้องของเขาบนชั้นสาม แล้วปิดประตูลงกลอน
เฉวียนหมิงมองดูอีลั่วเสวี่ย “อาเสวี่ย ที่นี่หรือ ผมต้อง…” เขาพูดพลางชี้ไปที่ห้องนอนตนเอง ก่อนหน้านี้เมื่อรักษาเขา อีลั่วเสวี่ยจะแทงเข็มให้เขา และเมื่อจะแทงเข็มเขาก็ต้องถอดเสื้อผ้าออก
“ไม่ต้องค่ะ กินนี่ซะ” อีลั่วเสวี่ยหยิบโอสถทิพย์เม็ดหนึ่งออกมา มองดูเฉวียนหมิงด้วยแววตาอ่อนโยน
ถึงเฉวียนหมิงจะมองไม่เห็นไอทิพย์และไม่รับรู้การมีอยู่ของไอทิพย์ แต่ยังมองออกลางๆ ว่าเหมือนมีรังสีแผ่ออกมารอบโอสถทิพย์ ไม่ใช่แสงไฟ แต่เป็นแสงที่แผ่ออกมาเองตามธรรมชาติ
“ได้” เขาชะงักเล็กน้อย แล้วหยิบโอสถทิพย์ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล จะเอาใส่ปากตนเอง แต่ถึงตรงนี้อีลั่วเสวี่ยกลับขวางไว้
“คุณเชื่อฉันขนาดนี้เชียวหรือ?” ถ้าเธอพูดเขาก็จะเชื่อ ไม่ควรโง่อย่างนี้ใช่ไหม เธอคิดในใจ แต่หัวใจกลับรู้สึกอบอุ่น
เฉวียนหมิงยิ้ม “เรื่องนี้ย่อมแน่นอน!” พูดจบก็กลืนโอสถทิพย์ลงไป
ชั่วขณะนั้นเขาไม่เกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คาดไว้ รู้สึกเหมือนตนเองแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ราวกับมีน้ำอุ่นไหลผ่านผิวหนังไป
มีความรู้สึกเหมือนทุกรูขุมขนบนร่างถูกเปิดออก รู้สึกสบายตัว ความเหนื่อยล้าถูกขจัดออกไปหมด เฉวียนหมิงหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว เริ่มรู้สึกอิ่มเอิบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เฉวียนหมิงเองไม่รู้ว่าขณะนี้ตัวเขาดึงดูดไอทิพย์จากรอบตัว ไอทิพย์เหล่านี้ช่วยกำจัดเศษซากของเนื้อเยื่อประสาทที่ตายแล้วออกไป ทำให้ร่างเขาลอยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จนอยู่ห่างจากพื้นหนึ่งฝ่ามือ
อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปากอย่างสวยงามเมื่อมองเห็นฉากนี้ “สมุนไพรทิพย์ของโลกนั้นมีสรรพคุณสูงจริงๆ!”