หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 494 หายแล้วจริงหรือ / ตอนที่ 495 กลัวทำให้เธอไม่พอใจ
ตอนที่ 494 หายแล้วจริงหรือ
เฉวียนหมิงผงกหัว “ไม่มีปัญหา สัปดาห์หนึ่งสามวัน คุณจะได้พักผ่อนดีๆ” สามวันก็สามวัน จำนวนครั้งลดลง แต่เขายืดเวลาให้นานขึ้นได้ ไม่มีปัญหา
อีลั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าตัวเองเพิ่งปีนขึ้นจากหลุมหนึ่ง ถัดมาก็ตกลงไปอีกหลุมหนึ่ง
“อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” อีลั่วเสวี่ยเชิดปากขึ้น หาวหวอดๆ ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเฉวียนหมิง หามุมที่สบายที่สุด หลับตาลงแล้วหลับไป
เฉวียนหมิงมองดูเธอนอนหลับ ในดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก แล้วถึงผ้าห่มคลุมไหล่เธอ ยิ้มที่มุมปากแล้วหลับตาลง
ม่านหน้าต่างข้างๆ พลิ้วไหว แสงแดดอบอุ่นสาดเข้ามา ทั้งสองนอนอิงแอบกัน บรรยากาศที่รื่นรมย์และสงบจนไม่อาจรบกวนได้
วันต่อมาหลังจากที่เฉวียนหมิงหายดีแล้ว จึงเชิญหมิงเย่มาตรวจร่างกายเฉวียนหมิงอย่างรอบด้าน ได้ข้อสรุปว่าเขาหายดีอย่างสมบูรณ์ เหมือนคนปกติแล้ว ไม่สิ สภาพร่างกายยังดีกว่าคนปกติ
“หมอหมิง คุณไม่ได้หรอกฉันนะ คงเพราะเจ้าหนูนี่บังคับคุณใช่ไหม” สีหน้านายท่านผู้เฒ่าเหมือนไม่เชื่อ คิดว่าเฉวียนหมิงโกหกเพื่อทำให้ตนสบายใจ
ถึงจะโกหกก็เถอะ แต่ทำไมต้องโกหกในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องที่เชื่อยาก
หมิงเย่กระอักกระอ่วน “นายท่านผู้เฒ่าครับ คุณอย่าตื่นเต้น ต้องเชื่อผม ผมไม่ล้อเล่นหรอก เฉวียนหมิงหายดีแล้วจริงๆ ต่อให้ผมสมรู้ร่วมคิดกับเขา ก็ไม่กล้าโกหกเรื่องใหญ่แบบนี้ ผมคงไม่ทำลายอาชีพตัวเองหรอกครับ”
หมออาจจะเกิดรู้สึกสงสารบ้าง แต่อย่างไรก็ต้องรักษาหลักการไว้
“ปู่ครับ ผมขอบอกตามตรง เป็นอาเสวี่ยที่รักษาผมจนหาย เธอสังกัดสำนักแพทย์โบราณ กำลังศึกษาแพทย์แผนจีนอยู่ เวลานี้เธอยังเป็นครูในสำนักแพทย์โบราณด้วย ถ้าปู่ไม่เชื่อ ลองโทรถามอาจารย์ของเฟิงฉี่ได้ ตอนนี้เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของอาเสวี่ยแล้วครับ”
เขารู้ว่าปู่ตนต้องไม่เชื่อแน่นอน จึงปรึกษากับอีลั่วเสวี่ย ตัดสินใจยกผลงานครั้งนี้ให้สำนักแพทย์โบราณ
แต่แล้วพอพูดเช่นนี้นายท่านผู้เฒ่ากลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาล้วงมือถือออกมาเดินไปด้านข้าง นับจากครั้งก่อนที่เฉวียนหมิงกินโอสถทิพย์ของมั่วเหวินที่เฟิงฉี่เอามาให้ เขาก็เก็บเบอร์โทรศีพท์ไว้เผื่อเกิดปัญหาขึ้น
หลังจากนายท่านผู้เฒ่าวางสายแล้ว ก็มองอีลั่วเสวี่ยด้วยความงุนงง “ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม หายแล้วจริงๆ? ในที่สุดพวกเธอก็ค้นคว้าโอสถทิพย์ที่วิเศษออกมาได้ ดีเหลือเกิน ดีจริงๆ”
เขาคาดหวังตลอดมาว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้กะทันหันเกินไป เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
“ปู่ครับ ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้โกหก ที่จริงก่อนหน้านี้อาเสวี่ยแอบร่วมมือกับหมอหมิงรักษาผม แต่เธอไม่ยอมให้ผมบอก” เฉวียนหมิงพูดแล้วหันมามองอีลั่วเสวี่ยซึ่งอยู่ข้างๆ
นายท่านผู้เฒ่ายิ้มหวานจนชวนให้รู้สึกเอียน “ทำไมถึงไม่บอกล่ะ บอกเร็วหน่อยก็คงดีแล้ว ยายหนู หลานไม่โทษปู่นะ ก่อนหน้านี้ปู่วู่วามเกินไป ปู่…ปู่เป็นคนแก่ที่ใช้การไม่ได้ เธอคงให้อภัยปู่นะ”
“ฉันไม่โทษปู่หรอกค่ะ” ต่อให้จะโทษเขาแล้วจะยังไง เขาเป็นปู่ของเฉวียนหมิง จุดเริ่มต้นก็เพื่อเฉวียนหมิง นอกจากคำพูดและการกระทำบางอย่างที่ทำให้เธอไม่พอใจบ้าง แต่ยังดีที่ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เธอไม่อาจยกโทษให้
นายท่านผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็คลายความกังวลลง “งั้นก็ดีแล้ว งั้นก็ดีแล้ว วันนี้น่าจะฉลองกันหน่อย หมอหมิง อย่าเพิ่งกลับนะ วันนี้เรามาฉลองกัน เหล่าเกา ทำอาหาร!”
เหล่าเกาเองก็ตื่นเต้นมาก “ได้เลยครับ ว่าแต่หมอหมิงชอบอาหารรสชาติแบบไหนครับ บอกผมได้เลย”
ตอนที่ 495 กลัวทำให้เธอไม่พอใจ
ทางนี้เมื่อเฉวียนหมิงหายเป็นปกติ พอทำงานก็ยิ่งขยับขันแข็งขึ้น ส่วนคนในบริษัทเห็นว่าเฉวียนหมิงถึงจะป่วยก็ยังยืนหยัดทำงานอย่างเต็มที่ ต่างรู้สึกนับถือ
ทุกคนมีกำลังใจมากขึ้น ประธานของพวกเขายังไม่ท้อถอย แล้วพวกเขาจะท้อถอยได้อย่างไร มีผู้นำที่มีบุคลิกเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เฉวียนกรุ๊ปไม่ล้มง่ายๆ หรอก
เฉวียนหมิงเองไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ของตนช่วยกระตุ้นให้พนักงานบริษัททุกคนเกิดความรู้สึกไม่ยอมแพ้ แต่ละคนทุ่มเททำงานอย่างจริงจังมีแบบแผน
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน พลังที่รุมเล่นงานเฉวียนกรุ๊ปเหมือนมีพลังเสริมไม่พอ เริ่มผ่อนช้าลงแล้ว
บริษัทสกุลฟางรู้แล้วว่าเฉวียนกรุ๊ปเริ่มตีโต้ จึงยิ่งโจมตีเฉวียนกรุ๊ปหนักขึ้นอย่างไม่กลัวการสูญเสีย ก็เหมือนลูกศรที่โก่งคันธนูแล้ว ไม่อาจย้อนกลับได้ ต้องมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น
ขณะนี้สถานการณ์ถึงขั้นที่ถ้าไม่ใช่เฉวียนกรุ๊ปล่มสลายก็เป็นพวกเขาที่จะล่มสลาย เพราะพวกเขาไม่ยอมอยู่ร่วมกันอย่างสงบแล้ว ต่อให้บริษัทสกุลฟางยินยอม แต่บริษัทอื่นย่อมไม่ยอม
ที่พวกเขาลงมือไปแล้วเป็นการผิดใจกับเฉวียนกรุ๊ป วันหน้าไม่อาจร่วมมือกันอีกแล้ว จากสายสัมพันธ์ของเฉวียนกรุ๊ปในเมืองเอฟ วันหน้าไม่แน่ว่าจะมีคนอื่นคนยินดีร่วมมือกับพวกเขา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องก้าวตามบริษัทสกุลฟางไป
เวลาผ่านไปไม่นาน เฉวียนกรุ๊ปไม่เพียงไม่ถูกโค่น กลับเริ่มฟื้นตัวแล้ว ราคาหุ้นก็สูงขึ้น ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจแม้แต่น้อย
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณอีลั่วเสวี่ย เธอเป็นผู้ที่ออกเงินทุนหมุนเวียนให้ ครึ่งหนึ่งมาจากการดำเนินงานของเคบาร์นรกอเวจี อีกครึ่งหนึ่งเธอได้จากหลิงเป่าถัง เป็นการสนับสนุนของสกุลเฟิง
เมื่อรู้ว่าเวลานี้เธอเป็นอาจารย์ในสำนักแพทย์โบราณแล้ว สกุลเฟิงย่อมต้องเอาใจเธอ พูดให้ชัดก็คือขณะนี้ฐานะเธอสูงขึ้น เมื่อมีโอกาสใครบ้างที่จะทิ้ง
วันนี้ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง หลังจากที่ฝานเจียวเจียวกับซีเหมินหลงเซี่ยวหาความสุขกันจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว ก็นอนอิงแอบกัน
ซีเหมินหลงเซี่ยวจุดบุหรี่สูบ พ่นควันที่ดูสวยงามออกจากปาก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อร่างกายท่อนบนที่กระชับ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าร่างกายท่อนล่างจะงดงามเพียงไร
ฝานเจียวเจียวดึงผ้าห่มมุมหนึ่งขึ้น ในความพอใจแฝงไว้ด้วยความวิตก “จริงสิ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากถามคุณ” เธอพูดพลางมองดูใบหน้าด้านข้างของซีเหมินหลงเซี่ยวตรงหน้า
เธอคิดว่าถ้ายังผูกพันกับผู้ชายคนนี้ต่อไป ไม่แน่หรอกเธออาจจะหลงรักผู้ชายคนนี้ก็ได้ ไม่เพียงแต่หรูปหล่อและร่ำรวย ยังรู้จักเอาใจสาวๆ ด้วย
“เรื่องอะไรหรือ?” น้ำเสียงซีเหมินหลงเซี่ยวเรียบเฉย สูบบุหรี่เงียบๆ มองไกลออกไป ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฝานเจียวเจียวกะพริบตา “ตกลงกันแล้วว่าจะร่วมกันเล่นงานบริษัทของเฉวียนหมิง แต่ทำไมฉันเหมือนจะไม่เห็นคุณลงมือทำอะไรเลย” แม้แต่มั่วเฉินเซวียนดูเหมือนจะกระตือรือร้นกว่าเขาด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่ไม่สามารถดึงหนานหลิวเฟิงเข้ามา ไม่เช่นนั้นเธอคงจะได้เห็นอีลั่วเสวี่ยตกอยู่ในสภาพทุกข์ร้อนได้แน่
ถ้าเธอไม่เอ่ยเรื่องนี้ก็แล้วไป แต่เมื่อเธอพูดขึ้น ซีเหมินหลงเซี่ยวดับบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ด้านข้าง ชำเลืองมองเธอ สายตาไม่มีความอบอุ่นใดๆ ทำให้ฝานเจียวเจียวรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
“พูดถึงเรื่องนี้ ผมกลับอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง อีลั่วเสวี่ยยังมีอีกฐานะหนึ่ง ทำไมคุณไม่บอกผม?” ถ้าไม่ใช่เพราะเขาระวังตัว ให้คนไปที่เขตทหารที่สิบสองเพื่อสืบดูฐานะของฝานเจียวเจียว ไม่งั้นเขาคงไม่รู้ว่าอีลั่วเสวี่ยยังมีความเป็นมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าที่แท้เธอมีความเกี่ยวข้องกับเขตทหารที่สิบสอง
อีลั่วเสวี่ยนะอีลั่วเสวี่ย เธอเป็นผู้หญิงที่คมในฝักอย่างแท้จริง