หมอยาหวานใจท่านประธาน - ตอนที่ 500 เราคุยกันเถอะ / ตอนที่ 501 ต้องไปแน่นอน
ตอนที่ 500 เราคุยกันเถอะ
“นายท่าน ท่านทำอย่างนี้จะดีหรือครับ?” เหล่าเกาเลิกคิ้วขึ้น ตั้งใจเอ่ยถาม
นายท่านผู้เฒ่าไม่ใส่ใจ โบกมือพลางยกชาขึ้นจิบ “กลัวอะไร ก่อนนี้เขาไม่ยอมให้ฉันพบ ตอนนี้จะให้ฉันไปพบเขาหรือ ให้เขาอวดเก่งไปเถอะ โลกนี้ไม่มียากินแก้โรคเสียใจภายหลัง”
ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับนายท่านผู้เฒ่า ชั่วชีวิตนี้คิดจะให้เขายกโทษให้หรือ? คำตอบคือไม่!
ทางด้านอีลั่วเสวี่ย ฟางจื่อชิวถึงกับไปขวางเธอในมหาวิทยาลัย เพราะบริษัทสกุลฟางกำลังร่อแร่ใกล้ล้มแล้ว เธอคงแบกรับแรงกดดันไม่น้อย จนดูหมดความส่งางามอย่างที่เคยมี
ฟางจื่อชิวอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม แม้จะแต่งหน้าอย่างดีก็ไม่อาจลบรอยเ**่ยวย่นและสีดำรอบดวงตาได้ เธอเห็นอีลั่วเสวี่ยเดินออกมาจากมหาวิทยาลัย จึงรีบเดินย่ำรองเท้าส้นสูงไปหาเธออย่างรวดเร็ว
เธอยื่นมือไปจะคว้าตัวอีลั่วเสวี่ยไว้ แต่อีลั่วเสวี่ยเป็นใคร ผู้บำเพ็ญเพียร ย่อมมีฝีมือสูง เธอเอี้ยวตัวเพียงเล็กน้อย ก็หลบกรงเล็บปีศาจได้
“อีลั่วเสวี่ย เก่งจริงก็อย่าหลบสิ!” ฟางจื่อชิวกัดฟันแน่น น่าโมโหนัก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีคนหนุนหลัง แม้แต่สกุลเหอก็เตือนพวกเขาแล้ว
ต้องโทษเธอที่ไม่บอก ถ้าเธอบอก ฟางจื่อชิวก็คงไม่เสี่ยงขนาดนี้
อีลั่วเสวี่ยกะพริบตา “ฉันไม่เก่งหรอก เพราฉะนั้นฉันขอไปดีกว่า”
เดิมหลิ่วเฟยซวงคิดว่าเธอคงจะตอบโต้ พอได้ยินที่เธอพูดก็แทบจะสำลักออกมา ยังมีวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายแทบคลั่งได้ เธอเรียนรู้แล้ว
ฟางจื่อชิวกัดฟันแน่น แล้วยืนขวางเธอไว้
“สุนัขที่ดีไม่ขวางทาง คุณฟางน่าจะเคยได้ยินคำพูดนี้ใช่ไหม?” อีลั่วเสวี่ยยิ้มเยาะ พูดเสียงดัง คนรอบข้างเริ่มหันมามองทางนี้แล้ว
ฟางจื่อชิวมองดูรอบๆ แล้วจู่ๆ ก็ลดท่าทีคุกคามลง แววตาเปลี่ยนเป็นวิงวอน “อีลั่วเสวี่ย เราคุยกันเถอะ”
“คุย ได้สิ” อีลั่วเสวี่ยเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วยืนที่ริมทางตรงจุดที่ไม่สะดุดตา “คุยที่นี่ก็ได้”
ฟางจื่อชิวขมวดคิ้ว “ที่นี่? เปลี่ยนเป็นที่อื่นได้ไหม?” ที่แบบนี้จะคุยธุระกันได้หรือ หรือเธอเดาจุดมุ่งหม่ายที่ตนเองมาออกแล้ว เธอคิดแล้วกำมือแน่น
ถ้าไม่สามารถพาเธอไปที่นั่นได้ ก็คงทำตามแผนที่วางไว้ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีความระวังตัวสูงมาก
“ถ้าคุณไม่อยากคุย ก็ช่างเถอะ พอดีฉันยุ่งมาก วันหลังค่อยคุยเถอะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างเย็นชา พูดจบก็จะเดินไป คิดจะคิดร้ายกับเธอ ฟางจื่อชิวยังอ่อนหัดนัก
“เอาละ ฉันคุย ฉันจะคุย” ฟางจื่อชิวกัดฟันแน่น แล้วจ้องมองอีลั่วเสวี่ย
“ก่อนหน้านี้ฉันทำไม่ถูก ฉันชอโทษคุณ คุณขอร้องให้เฉวียนหมิงปล่อยสกุลฟางได้ไหม”
อีลั่วเสวี่ยยิ้มเมื่อได้ฟังเช่นนั้น “นี่คือจุดมุ่งหมายที่คุณมาพบฉันวันนี้หรือ?” เพื่อให้ปล่อยสกุลฟาง เธอคิดทบทวนเล็กน้อย สองวันนี้เฉวียนหมิงลงมือรุนแรงมาก จนแวดวงธุรกิจในเมืองเอฟสั่นสะเทือน ว่าไปแล้วก็ไม่แปลก
“อีลั่วเสวี่ย ฉันยอมรับว่าฉันเป็นฝ่ายแพ้ คุณต้องการให้ฉันทำอะไรก็ได้ คุณบอกเงื่อนไขมา ฉันจะทำอย่างเต็มที่ คุณโปรดปล่อยสกุลฟางได้ไหม ขอเพียงคุณเอ่ยปาก เฉวียนหมิงต้องตกลงแน่นอน”
อีลั่วเสวี่ยเชิดมุมปากขึ้น เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่เชิง “อะไรนะ ที่คุณบอกว่าสนิทกันตั้งแต่เล็ก เข้าใจกันดี ไม่มีประโยชน์งั้นหรือ? เฉวียนหมิงรักคุณที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมเขาต้องฟังฉัน คุณคงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
พอฟางจื่อชิวได้ยินคำพูดเหน็บแนมของอีลั่วเสวี่ย รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนถูกตบหน้าไม่หยุด
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะฉันเอาแต่ใจตัวเอง คิดไปเองว่าเป็นอย่างนั้น คุณเป็นคนสูงส่งใจกว้าง ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ไหม?” แววตาฟางจื่อชิวเหมือนอับอายและวิงวอน
ตอนที่ 501 ต้องไปแน่นอน
น่าแค้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่พออีกหรือ หรือไม่เห็นว่าเธอขอโทษด้วยความจริงใจแล้ว เธอยอมอ่อนข้อให้ขนาดนี้แล้ว ยังไม่หายโมโหหรือ?
“คนสูงส่งย่อมใจกว้าง คุณคงพูดผิดแล้ว ยังมองฉันผิดด้วย ฉันไม่ใช่คนดีอะไร ใครทำต่อฉันอย่างไร ฉันจำใส่ใจเสมอ ไม่ลืมคำพูดทุกคำ!”
สุดท้ายอีลั่วเสวี่ยชี้ที่ศีรษะตัวเอง แสดงว่าเธอไม่ได้ลืม
แววตาฟางจื่อชิวเย็นชาลงทันที จากนั้นก็อ่อนลง “งั้นคุณจะเอายังไง อีลั่วเสวี่ย คุณได้เฉวียนหมิงไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลฟางย่ำแย่ขนาดนี้แล้ว ต่อให้ไม่ล้มละลายก็ไม่อาจคุกคามเฉวียนกรุ๊ปได้แล้ว ทำไมคุณไม่ยอมปล่อยฉัน?”
พอฟางจื่อชิวพูดจบ อีลั่วเสวี่ยถอยหลังหนึ่งก้าว คิ้วขมวดแน่น “อย่าพูดพล่าม ทำราวกับว่าฉันคิดร้ายต่อคุณ พูดอย่างนี้อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”
ลูกบอลเงิน “ฮ่าฮ่าฮ่า สนุกจริงๆ เจ้านาย เจ้าร้ายกาจจริงๆ ทำไมมันถึงไม่รู้มาก่อนว่าเธอมีด้านที่อารมณ์ขันอย่างนี้ ส่วนเจ้าลูกบอลเงินถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ร้านอื่นดูกันอย่างเพลิดเพลิน แต่ละร้านทยอยส่งเงินอวกาศมาให้มัน มีเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีอย่างรวดเร็ว
อีลั่วเสวี่ยเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าลูกบอลเงินถ่ายคลิปทำเงินก้อนโต ถ้ารู้คงเล่นงานมันหนักแน่ จากนั้นก็ของแบ่งเงิน อืม เพราะถูกผลสะเทือนจากคนให้แก่เงินอย่างเจ้าลูกบอลเงิน ทำให้เธอพลอยรักเงินไปด้วย
ฟางจื่อชิวทำอะไรไม่ถูก “อีลั่วเสวี่ย!”
“ตะโกนอะไร หูฉันจะแตกอยู่แล้ว” พูดจบก็คลำหูด้วยความรำคาญ
“คุณจะเอายังไงกันแน่ ต้องให้ฉันทำยังไงคุณจึงจะยอมปล่อยฉัน? ถือว่าฉันขอร้องได้ไหม ให้เฉวียนหมิงหยุดเพียงเท่านี้” ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปตระกูลฟางคงอยู่ในเมืองเอฟต่อไปไม่ได้แล้ว
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าไร้ความรู้สึก “ฟางจื่อชิว หลักการข้อแรกของการเป็นคนคือต้องจ่ายค่าตอบแทนในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ถ้าเกิดที่วันนี้เดินมาถึงขั้นนี้เป็นเฉวียนกรุ๊ป ฉันขอร้องคุณแบบนี้คุณจะยอมปล่อยไหม หรือคุณจะไม่ฉวยโอกาสบีบให้เฉวียนหมิงหย่ากับฉัน อาศัยเรื่องนี้บังคับให้เขาอยู่กับคุณหรือ?”
คำพูดย้อนถามนี้ทำให้ฟางจื่อชิวผงะ แต่เธอก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว อีลั่วเสวี่ยกำลังพูดอ้อมเพื่อปฏิเสธและยังเยาะเย้ยเธอด้วย “จะปฏิเสธก็ทำไป ทำไมต้องอ้างเหตุผลเป็นวรรคเป็นเวรด้วย!”
“งั้นหรือ งั้นคงต้องอวยพรให้เธอโชคดีแล้ว จริงสิ ตอนนี้ที่เธอยั่วโมโหไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเฉวียนหมิง ต่อให้เขายอมปล่อยคุณ แต่คุณคิดว่าที่คุณทำให้สกุลฟางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ครอบครัวคุณจะยอมให้อภัยคุณหรือ ฮ่า ฮ่า…”
อีลั่วเสวี่ยหัวเราะเยาะแล้วเดินไปหาหลิ่วเฟยซวงซึ่งยืนรออยู่ไม่ไกล จากนั้นก็เปิดประตูรถ ขับรถจากไป ทิ้งให้ฟางจื่อชิวยืนอยู่ที่เดิม กำหมัดสองข้างแน่น แต่ไม่อาจทำอะไรได้
แล้วเป็นไปตามคาด สุดท้ายธุรกิจตระกูลฟางถูกเฉวียนกรุ๊ปเล่นงานจนไม่สามารถพลิกฟื้นได้ ละครเรื่องใหญ่ในรอบปีคงจะเป็นศึกการค้าครั้งนี้ เดิมเฉวียนกรุ๊ปถูกรุมโจมตี ทุกคนต่างคิดว่าเฉวียนกรุ๊ปที่โดดเดี่ยวกำลังน้อยกว่าครั้งนี้คงจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ กลับคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะเกิดการตีโต้เช่นนี้ ทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ
ธุรกิจสกุลฟางยับเยินที่สุด นอกจากจะถูกเฉวียนกรุ๊ปเล่นงานและธุรกิจอื่น ไม่ยอมร่วมมือด้วยแล้ว ยังถูกตรวจสอบว่ามีปัญหาการหนีภาษีและการปลอมแปลงบัญชี จนถูกทางการตรวจสอบ
เรื่องนี้ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าย่อมเป็นฝีมือของสกุลเหอ ในนี้ยังมีการสนับสนุนจากสกุลหลิ่ว ต่อให้เฉวียนหมิงไม่ได้ผลักดันอยู่เบื้องหลัง มีคนเหล่านี้ดูแลเรื่องนี้อยู่ ย่อมไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
ส่วนเฉวียนกรุ๊ปได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เกิดปัญหาที่ร้ายแรงแต่อย่างไร