พ่ายรักวิวาห์ลวง - ตอนที่ 141 เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลาย
“ฉีฉี คุณขึ้นมาก่อน กลับไปแล้วค่อยว่ากันได้ไหม” ฮั่วฉินเยี่ยนเร่ง
เวินหลานฉีเดินถอยหลังไปอีกก้าว น้ำทะเลท่วมน่องหมดแล้ว ความรู้สึกหนาวเข้ากระดูกกลับไม่เท่าความเจ็บปวดที่ฮั่วฉินเยี่ยนมอบให้เธอ
ภาพเหล่านั้นดังก้องอยู่ในหัวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เผาไหม้หัวใจเธอ และกัดกร่อนจิตวิญญาณของเธอ
แค่คิดถึงเรื่องเหล่านั้น แค่คิดถึงใบหน้าจอมปลอมนั้นของฮั่วฉินเยี่ยน เธอก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้แล้ว
ฮั่วฉินเยี่ยนมองผิวหนังของเวินหลานฉียิ่งแช่อยู่ในน้ำทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าเรือนี้เข้าไปใกล้อีกสักหน่อย เขาก็คงร่วงลงน้ำทะเลไปตามเรือเกยตื้นลำนี้ ถึงตอนนั้นแม้แต่ชีวิตเขาเองก็คงรับประกันไม่ได้ แล้วจะช่วยเวินหลานฉีได้อย่างไร
“ฉีฉี คุณเชื่อผมอีกสักครั้งได้ไหม คนในคลิปนั้นไม่ใช่ผมจริงๆ!” ฮั่วฉินเยี่ยนกังวลจริงๆ จึงรีบเอ่ยอธิบายกับเวินหลานฉี
“ไม่ใช่คุณ? ฮั่วฉินเยี่ยน คุณคิดว่าฉันเวินหลานฉีตาบอดเหรอ ฉันมีตา ฉันดูเองได้! คุณอย่ามาแก้ตัวให้พฤติกรรมสกปรกโสมมหน้าด้านๆ ให้ตัวเองหน่อยเลย!” เวินหลานฉีแทบจะตะโกนอย่างเดือดดาล
“ฉีฉี…คุณเชื่อผมสักครั้งได้ไหม คุณดูคลิปนั้นทั้งหมดหรือยัง คุณดูจนจบแล้วก็น่าจะรู้นะ ว่าคนนั้นไม่ใช่ผมอย่างสิ้นเชิงน่ะ!” ฮั่วฉินเยี่ยนพยายามเอาเรือไปข้างหน้าอีกนิด
“ดูจนจบ? ฮั่วฉินเยี่ยนคุณอยากให้ฉันดู ว่าคุณกับเหยียนน่าทำอะไรกันบ้างเหรอ” เวินหลานฉียกยิ้มอย่างเศร้ารันทด พลางเอ่ยพูดอย่างเย็นชา
“ฉี…เชื่อผมอีกสักครั้งได้ไหม” ฮั่วฉินเยี่ยนอธิบายกับเวินหลานฉีด้วยน้ำเสียงแทบจะขอร้องวิงวอน
“ถือสิทธิ์อะไร ความเชื่อใจที่ฉันให้คุณยังไม่พออีกเหรอ จนกระทั่งคุณขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนอื่น ส่วนฉันได้แต่เห็นในข่าวเนี่ยนะ ยังไม่พอ?” นัยน์ตาของเวินหลานฉีค่อยๆ แดงก่ำ
“ฉีฉี คุณจะตีผม ด่าผม ไม่เชื่อผมยังไงก็ได้ แต่เราขึ้นมาคุยกันดีไหม ถ้าคุณเป็นแบบนี้ต่อไปจะอันตรายนะ!”
“น้ำทะเลยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีก ถ้าคุณยังไม่ขึ้นมาอีกละก็ คุณจะจมน้ำนะ…”
“ฉีฉี ผมฮั่วฉินเยี่ยนจะเป็นยังไงไม่สนใจ แต่ผมไม่อยากทนเห็นคุณหายไปกับตา หายไปต่อหน้าต่อตาผมโดยที่ผมยังไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลืออะไรได้แบบนี้หรอกนะ”
ฮั่วฉินเยี่ยนพยายามยื่นมือออกไป หมายจะดึงเธอไว้ แต่จนแล้วจนรอดห่างกันแค่เพียงนิดเดียว หากแต่เขาก็ยังเอื้อมไม่ถึง
เวินหลานฉีมองท่อนล่างของตัวเอง น้ำทะเลยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบถึงหัวเข่าเธอแล้ว แถมหินโสโครกใต้เท้าของเธอก็ยิ่งลื่นมากขึ้น ทำให้เท้าของเธอยืนไม่ไหวแล้ว
เธอยังไม่คลายความหวาดระแวงจากคำพูดของฮั่วฉินเยี่ยนเมื่อสักครู่ ดูไม่จบ? หรือว่าตอนสุดท้ายยังมีอะไรงั้นเหรอ เธอไม่อยากจะตายไปทั้งยังไม่เข้าใจเช่นนี้
เวินหลานฉีดึงมือของฮั่วฉินเยี่ยนไว้มั่น ก้าวเท้ามาข้างหน้าเล็กน้อย แล้วก้าวขึ้นเรือ
พอฮั่วฉินเยี่ยนเห็นเวินหลานฉีขึ้นเรือมาแล้ว ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในที่สุด แต่เหตุการณ์กลับไม่ยอมให้เขาเกียจคร้านเลยแม้แต่น้อย อย่างไรเสียก็แค่เรือเล็กๆ ลำหนึ่ง พวกเขายังไม่สามารถกลับไปยังแผ่นดินได้ จึงทำได้เพียงไปยังเกาะเล็กๆ นั้นก่อน เพื่อรอคนมาช่วยพวกเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น
ฮั่วฉินเยี่ยนพายเรือออกจากแนวหินโสโครกนั้นอย่างช้าๆ เพื่อพายไปยังเกาะเล็ก จนค่อยๆ เข้าใกล้เกาะเล็กนั้น
ขณะที่เข้าใกล้ชายฝั่งนั้น อยู่ๆ ท้องเรือคล้ายชนเข้ากับวัตถุอะไรสักอย่าง จนท้องเรือเกิดรอยแตกขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นว่าน้ำกำลังจะทะลักเข้ามา ฮั่วฉินเยี่ยนจึงรีบผลักเวินหลานฉีขึ้นไปบนชายฝั่ง
เวินหลานฉีนึกไม่ถึงว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะทำแบบนี้ ช่วงเดี๋ยวเดียวนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี
น้ำในเรือเล็กยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ เรือก็เริ่มจมลงอีก ฮั่วฉินเยี่ยนคิดว่าวันนี้ตนคงต้องฝังศพตัวเองไว้ที่ทะเลนี้เสียแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเท้าสัมผัสเข้ากับวัตถุแข็งๆ อะไรบางอย่าง คล้ายกับหินโสโครกของชายฝั่ง
เขาพยายามเหยียบหินโสโครก หยิบยืมแรงเพื่อขึ้นไปบนฝั่ง จนในที่สุดก็โผเข้าหาชายฝั่งจนได้
เมื่อเวินหลานฉีเห็นสถานการณ์นี้ เธอตกใจแทบแย่ รีบยื่นมือออกไปแล้วออกแรงดึงเขาขึ้นมา ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงชายฝั่งอย่างปลอดภัย
ทั้งสองนอนอยู่บนชายฝั่ง หลังจากเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา ก็รู้สึกหายใจไม่ทันอยู่บ้าง
ฮั่วฉินเยี่ยนรีบดึงมือเวินหลานฉีไว้ เพราะกลัวว่าหากไม่ระวังอีก แล้วเธอจะหายไปจากครรลองสายตาตน
“ฉีฉี เชื่อผมอีกสักครั้งได้ไหม…คนในคลิปนั้นไม่ใช่ผมจริงๆ นะ” ฮั่วฉินเยี่ยนคอตกเล็กน้อย น้ำเสียงก็พลอยต่ำลงด้วย
“ได้ ฉันจะฟังคุณอธิบายอีกสักครั้ง” ในที่สุดเวินหลานฉีก็พูดอย่างแน่วแน่
“งั้นเราขึ้นไปพูดข้างบนกันเถอะ อย่านั่งอยู่ที่นี่เลย ไม่อย่างนั้นอีกสักพักน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นมาอีก แล้วจะยุ่ง” ฮั่วฉินเยี่ยนหยัดกายลุกขึ้น พร้อมดึงมือเวินหลานฉีเดินเข้าไปในเกาะลึกขึ้นกว่าเดิม
“ฉีฉีคุณฟังผมอธิบายนะ เรื่องนี้ต้องมีคนอยากจะทำลายชื่อเสียงของผมเป็นแน่ ถึงได้ทำอย่างนี้ ผมกำลังสืบหาผู้ริเริ่มเบื้องหลังคลิปวิดีโอนี้อยู่”
“ผู้ริเริ่ม? ฮั่วฉินเยี่ยนคุณอย่าหลอกตัวเองและคนอื่นอีกได้ไหม ไม่ใช่คุณเองงั้นเหรอ” เวินหลานฉีเอ่ยพูด พลางยิ้มเย็น
ฮั่วฉินเยี่ยนหยุดฝีเท้า แล้วกดเปิดวิดีโอที่โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ แล้วเลื่อนแถบเพลย์ไปจุดหนึ่ง จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ให้เวินหลานฉีหยิบไปดูใหม่อีกครั้ง
“ฉีฉีคุณดูสิ บริเวณเอวของคนคนนี้มีปานอยู่จางๆ ผมมีสัญลักษณ์ตรงไหน ไม่มีตรงไหน คุณยังไม่รู้อีกเหรอ” ฮั่วฉินเยี่ยนไม่สนใจการห้ามปรามของเวินหลานฉี พยายามยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าเธอ
เวินหลานฉีก้มหน้ามองแวบหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นจริง
บริเวณเอวด้านซ้ายของชายในคลิปมีปานรูปพระจันทร์เสี้ยวจางๆ อยู่จริง แต่ฮั่วฉินเยี่ยน…ในความทรงจำของเธอฮั่วฉินเยี่ยนไม่มีรอยตราอะไร
เวินหลานฉียังคงไม่เชื่ออยู่บ้าง จึงหันกลับไปดึงชายเสื้อของฮั่วฉินเยี่ยนขึ้น ไม่มีจริงๆ
เธอมองโทรศัพท์ในมือของฮั่วฉินเยี่ยน มองแล้วมองอีก ถ้าไม่ได้ดูจนถึงตอนหลังคงไม่เห็นตรงนี้จริงๆ คลิปนั้นความยาวประมาณ 20 วินาที แต่แถบเพลย์หยุดอยู่ที่ตำแหน่งประมาณวินาทีที่ 15
ยิ่งไปกว่านั้นปานในฉากปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งนั้น หากไม่จับตาดูอย่างละเอียดคงมองไม่ออกเป็นแน่
เวินหลานฉีสะเทือนใจอดสงสารไม่ได้…
“คุณบอกว่าคนในคลิปไม่ใช่คุณงั้นเหรอ แล้วคนคนนี้…เป็นใครล่ะ” เวินหลานฉีเบิกตาโต พร้อมเอ่ยถาม
“ฉีฉี ทำไมคุณถึงคิดว่าคนคนนี้คือผมล่ะ” ฮั่วฉินเยี่ยนสงบสติลง แล้วถามเวินหลานฉีอย่างจริงจัง
“ในรูปข้างคลิปวิดีโอคือหน้าของคุณน่ะสิ แล้วคนที่ปรากฏในคลิปนี้จะไม่ใช่คุณได้ยังไง” พอพูดมาถึงตรงนี้ เวินหลานฉีก็หยุดไปครู่หนึ่ง
“ฉีฉี คุณเคยเห็นหน้าของผมปรากฏออกมาหลายครั้งงั้นเหรอ” มุมปากฮั่วฉินเยี่ยนยกยิ้มเล็กน้อย แล้วถามเธออย่างเย็นชา
“ก็ตอนเริ่มต้นไง…” เดี๋ยวนะ เหมือนว่า…มีแค่ตอนเริ่มต้น…สีหน้าของเวินหลานฉีนิ่งค้าง เธอกำลังครุ่นคิด ว่าตกลงแล้วคนคนนั้นคือฮั่วฉินเยี่ยนหรือไม่
“ใช่ไหมล่ะ คนที่ทำคลิปนี้ก็ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกพวกนี้ของผู้คนนั่นแหละ!”
“ไม่ใช่สิ เสียงในคลิปก็เป็นเสียงคุณไม่ผิดแน่” เวินหลานฉีถามอย่างงงงวย
“ฉีฉี เสียงมันสังเคราะห์ขึ้นมาได้นะ คนเสียงคล้ายผมยังมีถมเถไป อีกอย่างเสียงในวิดีโอพรรค์นี้ คุณคิดว่าจะมีคนสนใจมากแค่ไหนกัน” ฮั่วฉินเยี่ยนดึงแขนเวินหลานฉีไว้มั่น แล้วเอ่ยพูด
“คุณหมายความว่าคนคนนี้ไม่ใช่คุณ?” เวินหลานฉีถามพลางขมวดคิ้ว
ฮั่วฉินเยี่ยนดึงเวินหลานฉีให้เดินไปนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วกดเปิดคลิปดูพร้อมเวินหลานฉีอีกรอบตั้งแต่ต้นจนจบ
จากสีหน้ารังเกียจของเวินหลานฉี ค่อยๆ นิ่งเงียบลง จนสุดท้ายกลายเป็นตกตะลึงเต็มใบหน้า
คนคนนี้ ที่แท้…ไม่ใช่ฮั่วฉินเยี่ยน
แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่แค่เพราะเธอรู้เกี่ยวกับร่างกายของฮั่วฉินเยี่ยนดี แต่คนอื่นๆ อีกหลายคน รวมถึงคนที่ดูแล้วพากันเอะอะโวยวายอย่างอึกทึกครึกโครม และสื่อข่าวที่ทำเพื่อกำไรเหล่านี้ต่างไม่เข้าใจต่างหาก แม้แต่…คนทำคลิปนี้ด้วยเช่นกัน
“ฉีฉี ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม! ผมให้คุณดูจนจบ ว่าตกลงแล้วหมายความว่าอะไร” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน
หัวใจของเวินหลานฉีหวั่นไหวเสียแล้ว…ถ้าเป็นอย่างที่เขาพูด เป็นอย่างที่เธอเห็นจริงๆ ทุกอย่างนี้ก็แค่กับดัก ซึ่งคนอื่นใช้เพื่อใส่ร้ายเขานั่นเอง แล้วก่อนหน้านี้เธอยังโทษเขาด้วยความเข้าใจผิด…แถมยังทำแบบนี้เพื่อให้เขามาอธิบายและช่วยเธอโดยไม่เสียดายชีวิตอีก…
เวินหลานฉีอดละอายใจไม่ได้อยู่บ้าง…
ไม่ใช่สิ ตอนอยู่ประตูหน้าห้องเธอได้ยินฮั่วฉินเยี่ยนคุยโทรศัพท์กับคนอื่นด้วยน้ำเสียงคลุมเครืออยู่ชัดๆ
“วันนี้ฉันได้ยินเสียงคุณคุยโทรศัพท์กับคนอื่นอยู่ชัดๆ! คุณจะบอกว่าคนนั้นไม่ใช่เหยียนน่างั้นเหรอ”
“คุยโทรศัพท์?” ฮั่วฉินเยี่ยนอดงงงวยไม่ได้…บ่ายวันนี้ตนคุยโทรศัพท์กับเหยียนน่าตอนไหน แม้แต่ช่องทางติดต่อเธอ เขาลบไปหมดเกลี้ยงตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ
ฮั่วฉินเยี่ยนคิดแล้วคิดอีกอย่างละเอียด…เมื่อช่วงบ่ายตอนเขาได้ยินเวินหลานฉีเข้ามารำไรๆ ตนกำลังคุยโทรศัพท์กับหลานสาวตัวน้อยอยู่นะ หรือว่า…
“ฉีฉี คุณได้ยินผมเรียกว่าที่รักใช่ไหม” ฮั่วฉินเยี่ยนหัวเราะอย่างจนปัญญา พลางเอ่ยถามเธอ
“ใช่น่ะสิ! คุณพูดว่าอะไรนะ…ที่รัก เด็กดี แถมยังพูดว่าจะกลับไปเยี่ยมเธออีก!” พอเวินหลานฉีนึกถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉีฉี นั่นหลานสาวตัวน้อยห่างๆ ของผมเองนะ…ก่อนคุณปู่จะจากไปเราก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ดังนั้นความสัมพันธ์ของผมกับเธอนับว่าค่อนข้างดีเลยล่ะ พอนับๆ ดูแล้วนี่ก็ครึ่งปีกว่าแล้ว ที่ไม่ได้เคยเจอเธอเลย เธอถึงได้โทรศัพท์มาหาผมไง”
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินคุณบอกเลยว่าคุณมีหลานสาวตัวน้อยด้วย” สีหน้าเวินหลานฉียังคงงงงวย
“พูดไปก็ไม่ค่อยมีเกียรติเท่าไร เป็นความผิดพลาดของคุณปู่ผมสมัยวัยรุ่น เป็นลูกเมียน้อยของท่าน แต่เมียน้อยคนนั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นเด็กคนนั้นเลยกลายเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาในสถานสงเคราะห์มาตลอดน่ะ”
ฮั่วฉินเยี่ยนกลัวเวินหลานฉีไม่เชื่อ เลยพูดเสริมไปอีกว่า “ฉีฉีถ้าเรากลับไปแล้ว ผมจะพาคุณไปเยี่ยมเธอนะ…”
เวินหลานฉีเห็นสีหน้าจริงใจของฮั่วฉินเยี่ยนแล้ว ก็นึกขึ้นได้อีกครั้งว่าตอนคุณปู่ยังอยู่นั้น คล้ายจะเคยได้ยินเรื่องท่านมีเมียน้อยมาบ้างจริงๆ พอคิดดูแล้ว สิ่งที่ฮั่วฉินเยี่ยนพูดก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน ถึงตอนนี้เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงเธออีกแล้ว
“งั้นก่อนหน้านี้…เป็นเพราะฉันโทษคุณด้วยความเข้าใจผิดเอง…” เวินหลานฉีก้มหน้าอย่างละอายใจอยู่บ้าง
“แต่ฉันเข้าใจคุณนะ แต่มากไปกว่านั้นคนที่ไม่เข้าใจคุณน่ะสิ เรื่องนี้มันส่งผลกระทบใหญ่หลวงกับตงหยวน รวมไปถึงตัวคุณเองนะ” อยู่ๆ เวินหลานฉีก็คิดถึงเรื่องเหล่านี้ แล้วมองฮั่วฉินเยี่ยนด้วยสีหน้าห่วงใย
“วางใจเถอะ คุณยังไม่รู้ความสามารถของสามีคุณอีกเหรอ เรื่องพวกนี้ผมจัดการได้แน่อยู่แล้ว” ฮั่วฉินเยี่ยนยกยิ้มมุมปากพลางเอ่ยพูด
พอคิดถึงตรงนี้ จึงส่งข้อความหาซั่งกวนเชียนอีกครั้ง ให้เขาเร่งหาหลักฐานรูปภาพประกอบ เพื่อให้พวกหุ้นส่วนในบริษัทเชื่อถือในเร็ววัน
แต่ตอนนี้…ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาจะมากังวลเรื่องพวกนี้ เมื่อเทียบกันแล้วสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขาค่อนข้างแปรเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ไม่อาจคาดเดาได้
ฮั่วฉินเยี่ยนมองเกาะเล็กๆ ไม่ใหญ่นี้ด้วยความกังวลอยู่บ้าง ด้วยไม่รู้จะผ่านช่วงคืนนี้ที่นี่ไปได้อย่างไร