พ่ายรักวิวาห์ลวง - ตอนที่ 143 สะสาง
“แต่แผนของผมก็ไม่ได้ล้มเหลวไปเสียหมดนะ คุณไม่เห็นข่าวหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าหุ้นของตงหยวนดิ่งลงไปเท่าไร” ฮั่วจวินยังคงพูดอย่างไม่ยอมเลิกรา
“คุณอย่าหลอกตัวเองกับคนอื่นอีกเลย ตลาดหุ้นของตงหยวนกลับมาเติบโตเหมือนเดิมแล้ว ใช่ว่าคุณจะไม่เห็นนี่ แค่ดิ่งลงระยะสั้นๆ แค่นี้มันมีประโยชน์อะไรกัน สุดท้ายแล้วคุณก็ทำไม่ได้ คุณล้มฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้!” เหยียนน่าพูดด้วยสีหน้าเยาะหยัน
“คุณ! ในเมื่อคุณคิดว่าผมทำไม่ได้ แล้วคุณทำได้หรือไง งั้นคุณก็ไปแทนที่เวินหลานฉี ไปเป็นนายหญิงสกุลฮั่วเสียสิ! คุณคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะชอบโสเภณีหรือไง” ฮั่วจวินยิ้มถากถาง
ทั้งสองต่างเถียงกันไปมาเช่นนี้ จนสุดท้ายต่างก็เข้าใจ ถ้าพวกเขาทั้งสองแยกกันไปทำลายฮั่วฉินเยี่ยนด้วยตัวใครตัวมัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว จึงได้ปล่อยวางความรู้สึกแสลงใจและหวั่นกังวลในใจลง แล้วตัดสินใจว่าจะคิดหาวิธีการใหม่อีกครั้ง
ทว่าจิตใจเหยียนน่านั้นบิดเบี้ยวเกินขั้นไปนานแล้ว เธอตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องฆ่าเวินหลานฉี แล้วเข้าไปแทนที่เธอ และเป็นนายหญิงสกุลฮั่วให้ได้
เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่าทุกอย่างในทุกวันนี้ของเธอ ล้วนเป็นเพราะเวินหลานฉีทั้งสิ้น ถ้าเวินหลานฉีไม่กลับมา เธอจะยังคงได้อยู่เคียงข้างฮั่วฉินเยี่ยนอย่างในวันวาน ถ้าเวินหลานฉีไม่ปรากฏตัว เธอจะกลายเป็นภรรยาของฮั่วฉินเยี่ยนเป็นแน่ เธอคิดว่าขอแค่ไม่มีเวินหลานฉีสักคน ฮั่วฉินเยี่ยนก็จะชอบเธอ
ใจอิจฉาริษยาเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน มันจะมอมเมาให้คุณก้าวไปยังหุบเหวลึกแห่งความตายทีละก้าวๆ และเหยียนน่าก็อิจฉาริษยาเวินหลานฉีแทบบ้า
เธอรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีทางทำลายฮั่วฉินเยี่ยนได้ แม้เขาจะทำร้ายเธอจนต้องตกอยู่ในสภาพนี้ โดนผู้ชายย่ำยีทุกวันไม่ซ้ำหน้า แล้วยังไม่แน่ว่าจะได้สิ่งตอบแทนหรือไม่ หากแต่เหยียนน่าก็ยังคงรักฮั่วฉินเยี่ยนอยู่ดี รักจนแทบบ้า รักจนแทบคลั่ง
เหยียนน่าตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเอง จากฮั่วฉินเยี่ยนเป็นเวินหลานฉี เธอตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะฆ่าเวินหลานฉี
เหยียนน่าขลุกอยู่แต่ในบาร์ สังคมที่เธอรู้จักนั้นมีพวกนักเลงอยู่พอสมควร เธอเสาะหาผู้ได้รับคัดเลือกที่เหมาะสมอย่างเงียบๆ …
ส่วนทางฝั่งเวินหลานฉีกับฮั่วฉินเยี่ยนยังคงไม่สะทกสะท้านใดๆ ฮั่วฉินเยี่ยนเตรียมจัดงานแถลงข่าวในช่วงบ่ายเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ ส่วนเวินหลานฉีก็เป็นฝ่ายขอร้องให้ไปด้วยกัน
ภายในหอประชุมใหญ่ของตงหยวนกรุ๊ปมีสื่อต่างๆ จากแทบทุกสำนักข่าวของเมืองหลวงมารวมตัวกัน คาดว่ายอดรวมราคากล้องอัดวิดีโอภายในหอประชุมนี้คงรวมกันซื้อหอประชุมนี้ได้เลยทีเดียว
ไม่ว่าตอนไหน ขอแค่เป็นข่าวเกี่ยวกับฮั่วฉินเยี่ยน ก็มีคนมากมายต่างให้ความสนใจทั้งนั้น ไม่รู้ว่านักข่าวในเมืองหลวงนั้นตั้งใจทำงานกันเกินไป หรือว่าประชาชนในเมืองหลวงชอบซุบซิบนินทากันมากเกินไปกันแน่
“เพื่อนนักข่าวทุกท่าน หวังว่าทุกท่านคงรู้จุดประสงค์ที่ผมจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้ขึ้นเป็นอย่างดี ผมแค่อยากชี้แจงเรื่องคลิปวุ่นวายครึกโครมบนอินเทอร์เน็ตในช่วงที่ผ่านมานี้ คนไม่คุ้นเคยกับผมจะเข้าใจผิดว่าคนในคลิปนั้นเป็นผมก็ไม่ผิด แต่ต่อไปนี้อยากจะให้ทุกท่านรู้ความจริงจากปากผมอย่างชัดเจน ผมไม่อยากให้เพราะคำพูดซุบซิบจากใครบางคน ทำให้ผมกับเวินหลานฉีไม่มีความสุข”
“ประธานฮั่วมีหลักฐานอะไรบอกว่าคนในคลิปนั้นไม่ใช่คุณ”
“ใช่แล้ว คุณต้องมีหลักฐานให้พวกเราสิ!”
ข้างล่างเวทีเริ่มจ้อกแจ้กจอแจ จนรปภ.จำเป็นต้องออกมาควบคุมความเป็นระเบียบ
“เพื่อนๆ นักข่าวทุกท่านคะ อาเยี่ยนได้ให้คนวิเคราะห์เทคนิครูปภาพสังเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรม ลงบนอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ทางเราจะยื่นฟ้องสำนักพิมพ์เมืองหลวงรายวัน และผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องในการใส่ร้ายป้ายสีอย่างเป็นทางการ คลิปที่พวกคุณได้เห็นทั้งหมดนั้น แค่มีใครบางคนทำขึ้นเพื่อใส่ความอาเยี่ยนเท่านั้น ทุกคนต่างก็เป็นผู้มีวัฒนธรรมเหมือนกัน รูปภาพและเสียงสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ ฉันเชื่อว่าเหตุผลนี้ทุกท่านคงเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ” เวินหลานฉีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากแต่กลับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ฉันเป็นเพียงแค่ตัวแทนภรรยาของอาเยี่ยนและจงเทียนกรุ๊ป ขอแสดงจุดยืนของฉัน ณ ที่นี้ ฉันเชื่อว่าคนในคลิปนั้นไม่ใช่อาเยี่ยน และเชื่อว่าทุกท่านมีตาสามารถดูได้ด้วยตัวเอง ว่ารูปร่างของอาเยี่ยนนั้นเป็นยังไง ต่อให้พวกคุณไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่หนังสือพิมพ์และสื่อรายงานข่าวทางทีวีทั้งหลายคงจะดูออก ฉันขอไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว หวังว่าผู้มีปัญญาคงเข้าใจนะคะ”
บริเวณข้างล่างเวทีเงียบกริบ…
หลังจากพูดจบ ฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มกริ่ม พร้อมพูดกับเวินหลานฉี “ฉีฉี ท่าทีของคุณวันนี้ยังเหนือความคาดหมายของผมเหมือนเดิมเลยนะ นึกไม่ถึงเลยว่าฉีฉีของผมจะปกป้องและเข้าข้างผมขนาดนี้เชียว”
“ถึงยังไงคุณก็เป็นสามีของฉัน ภาพลักษณ์ของคุณย่อมส่งผลกระทบต่อจงเทียนแน่นอนอยู่แล้ว” เวินหลานฉีเอ่ยพูดพลางจ้องฮั่วฉินเยี่ยน
ฮั่วฉินเยี่ยนอดเศร้าสลดใจไม่ได้…ที่แท้ตนยังไม่สำคัญเท่าบริษัทของเธอเลย…
หลังจากแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้จบ เวินหลานฉีก็รู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก พอถึงเวลาเลิกงานช่วงบ่ายเวินหลานฉีเลิกงานอย่างตรงเวลาทันที แถมยังให้วันหยุดทุกคนในบริษัทอีกด้วยซ้ำ
ทุกคนต่างรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็เริ่มรวมกลุ่มกันซุบซิบนินทา ว่าเวินหลานฉีเลิกงานเร็วขนาดนี้ต้องรีบไปอยู่เป็นเพื่อนสามีแน่นอนสินะ!
เวินหลานฉีล่ำลาพวกเขาทั้งสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเดินไปที่รถพลาง โทรศัพท์หาฮั่วฉินเยี่ยน “ประธานฮั่วเลิกงานหรือยัง”
“ประธานเวินเลิกงานแล้ว ผมยังจะทำงานอยู่ทำไมล่ะ!”
“งั้นสาวน้อยอย่างฉันจะได้รับเกียรติไปรับประธานฮั่วเลิกงานไหมนะ”
“คุณภรรยา คุณเกรงใจเกินไปแล้ว สามีอดใจรอนานด้วยความเคารพไม่ไหวแล้วครับ!”
ทั้งสองวางสายไป เวินหลานฉีรู้สึกว่าวันนี้ตลอดทั้งวันเธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สมหวังดังใจเธอไปหมด อารมณ์ลิงโลดด้วยความดีใจเป็นพิเศษ ก่อนหน้าได้คลี่คลายเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับคลิปนั้นได้ ต่อมาเรื่องของบริษัทก็จัดการได้อย่างราบรื่นดี
เธอขับรถมาถึงบริษัทของฮั่วฉินเยี่ยน แต่ยังไม่ทันถึงใต้ตึกเธอก็มองเห็นเงาสูงชะลูด ยืนเด่นชัดสะดุดตาเป็นพิเศษอยู่ท่ามกลางฝูงชนจากที่ไกลๆ
เวินหลานฉีทนไม่ไหวแอบยิ้มออกมา ผู้ชายคนนี้เฝ้ารอให้ภรรยาของตัวเองมารับตนเลิกงานมากแค่ไหนกันนะ ถึงได้ออกมารอเร็วขนาดนี้ โดยหลักแล้วเขาต้องไม่ชอบรอใครสิถึงจะถูก…
ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างมีความสุขไปตลอดทางกลับบ้าน จนถึงโรงรถก็ยังคงโอบกอดกันอย่างชื่นมื่นขึ้นตึกไปอย่างเช่นเคย ทว่ากลับไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเงาใครบางคนดักซุ่มอยู่ในโรงรถติดต่อกันมานานหลายวันแล้ว
“คุณภรรยา ผมหิวแล้ว” ทันทีที่ฮั่วฉินเยี่ยนเดินพ้นประตูเข้ามา ก็ไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟากดเปิดทีวีด้วยมาดท่านประธานทันที
เวินหลานฉีวางกระเป๋าในมือลงแล้วมองค้อนเขาไปที หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอผูกผ้ากันเปื้อนและเดินเข้าครัวไป
หลังจากอิ่มแล้ว ทั้งสองต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเองอีกครั้ง
ขณะเวินหลานฉีเก็บโต๊ะ แล้วเห็นว่าฮั่วฉินเยี่ยนนอนตบพุงอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนโซฟา เธอเองก็รู้สึกพอใจมากเช่นกัน ได้ใช้เวลาเรียบง่ายแบบนี้กับฮั่วฉินเยี่ยน ถือเป็นความสุขที่สุดเท่าที่จะคิดได้ของเธอเลยแหละ เธอไม่ร้องขอให้ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงอำนาจมากไปมากกว่านี้ เธอหวังแค่มีคนที่ตนรักอยู่เคียงข้างกันก็พอ
การมีคนที่ตนรักอยู่เคียงข้างกันนั้นจะมีความสุขมากขนาดไหนกันนะ…บนโลกใบนี้มีคนตั้งมากมาย ไม่สามารถอยู่เคียงข้างคนที่ตัวเองรักได้ หนำซ้ำยังมีคนอีกมากมายรักได้แต่ไม่อาจครอบครอง เธอโชคดีที่เธอกับฮั่วฉินเยี่ยนวกไปวนมาแล้วยังเดินมาถึงจุดนี้ได้ ดังนั้นเธอต้องทะนุถนอมชีวิตเรียบง่าย ดั่งสายน้ำอย่างตอนนี้ไว้เป็นพิเศษ
เวินหลานฉีทำความสะอาดชามและตะเกียบอยู่ในครัว ในใจคิดไปสารพัด พอฮั่วฉินเยี่ยนเห็นเธอก้มลงเก็บกวาด ก็เดินเตร่เข้ามายืนพิงกรอบประตู มองดูแผ่นหลังอันอ่อนโยนและเพียบพร้อมของหลานฉีในครัวอย่างเงียบๆ เงียบสงบ ไร้คำพูดใดๆ เขามองนิ่ง สายตาจับจ้องแต่เธอโดยไม่ละสายตาไปไหน
ทว่าเขามองไปมองมา ในใจเขาก็มีความคิดอื่นแทรกเข้ามา
เขาเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังของเวินหลานฉีเงียบๆ ริมฝีปากนุ่มนวลประทับจูบลงบนลำคอของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลำคอและใบหูของเวินหลานฉีช้าๆ ใบหน้าของเธอก็ขึ้นริ้วสีแดง
“อืม…” ฮั่วฉินเยี่ยนชอบลิ้มเลียลำคอของเวินหลานฉีมาก ลำคอนั้นเรียวสวยดั่งหงส์ และดึงดูดสายตาของเขา
“อาเยี่ยน…อย่าทำแบบนี้นะ” เวินหลานฉีหดตัว พลางพูดด้วยเสียงออดอ้อน
เสียงหัวเราะหยอกล้อของฮั่วฉินเยี่ยนดังขึ้นข้างหู ปลายลิ้นคล่องแคล่วของเขาลากผ่านลำคอของเธอ และนำพาความรู้สึกซ่านเสียวมาให้
เขาพูดไป มือใหญ่ก็พลอยเริ่มปัดป่ายไปตามร่างกายของเธอ ทุกจุดที่มือเขาลากผ่านล้วนจุดเปลวไฟในกายของเวินหลานฉีขึ้นมา
มือใหญ่ของเขาทาบทับลงบนความอวบอิ่มของเธอที่มีเสื้อผ้าขวางกั้นอยู่ บีบขยำอย่างเบาและนุ่มนวล จนเธอทนไม่ไหวส่งเสียงครางออกมา หากแต่ฮั่วฉินเยี่ยนก็ประกบจูบเธอทันที ลิ้นยาวกวาดต้อนในโพรงปากของเธอเพื่อรับรสชาติของเธอ
ฮั่วฉินเยี่ยนอุ้มเวินหลานฉีขึ้นวางลงบนเคาน์เตอร์เตรียมเครื่องปรุงด้านหลัง ทันทีที่เวินหลานฉีกลับมาถึงบ้าน เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนตัวบาง แล้วตอนนี้ก็ถูกความเย็นของเคาน์เตอร์ครัวสัมผัสจนหนาวสั่น แต่ฮั่วฉินเยี่ยนกลับไม่ปล่อยเธอเลยสักนิด นิ้วมือเบาปลดเสื้อของเธอออก แล้วงับความอวบอิ่มของเธอ ไม่เจ็บแต่รู้สึกคันๆ ส่วนมืออีกข้างก็ถลกชุดนอนตัวบางของเธอขึ้นข้างบน
“ฉีฉีคุณคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดใช่ไหมล่ะ กลับมาถึงได้ใส่น้อยชิ้นขนาดนี้” ฮั่วฉินเยี่ยนยิ้มล้อ
“หุบปากไปเลยนะ อยากทำก็เร็วๆ หน่อย!” ทุกครั้งที่ต้องทำเรื่องพรรค์นี้ เวินหลานฉีรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง และฮั่วฉินเยี่ยนจะหยาบคาย หนำซ้ำคำพูดจากปากของเขาจะกำเริบเสิบสานเป็นพิเศษ เย้าแหย่จนเธอหน้าแดงและใจเต้นรัว
“ดูท่าฉีฉีอยากให้เร็วหน่อยสินะ งั้นสามีจะช่วยให้คุณสมหวังเอง!” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดไป มืออีกข้างก็พลอยโอบเอวบางของเวินหลานฉีเข้ามา
เวินหลานฉีกัดริมฝีปากล่าง “อาเยี่ยน เรากลับเข้าไปในห้องนอนดีไหม ห้องครัวมัน…จะมีคนเห็น…ไม่ค่อยดี…อ๊ะ…คุณทำอะไรน่ะ…อืม…อย่า…” พอนึกถึงเรื่องในครัวก่อนหน้านี้…เวินหลานฉีก็อดหน้าแดงฉานไม่ได้
ห้องครัวมันติดกับห้องข้างๆ ถ้าไม่ระวังคนข้างบ้านจะได้ยินเสียงได้ง่าย แต่ถ้าก่อนหน้านี้เธอไม่พูดออกมาก็คงดี พอพูดออกมาเช่นนี้แล้วรู้สึกว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะใจร้อนกว่าเดิมเสียอีก
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฮั่วฉินเยี่ยนอุ้มเวินหลานฉีพุ่งตรงไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างอิ่มอกอิ่มใจ แล้ววางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน คืนนี้เขากลับว่านอนสอนง่ายมาก ไม่ได้ประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางอะไรอีก อาจเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่นานก็กอดเวินหลานฉีเข้าสู่ห้วงนิทราลึกไป