พ่ายรักวิวาห์ลวง - ตอนที่ 146 เขาหึงแล้ว
เวินหลานฉีแกล้งทำเป็นพูดกับฮั่วฉินเยี่ยนอย่างน่าสงสาร “ก็เพราะมือเขามีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่นี่นา…ไม่สะดวกไหมล่ะ…อาเยี่ยน ต่อไปนี้ฉันขอรับรองว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว…”
เมื่อเห็นสายตาน่าสงสารของเวินหลานฉีแล้ว ฮั่วฉินเยี่ยนก็ใจอ่อนยวบลงอีกครั้ง หากแต่วันนี้ตอนเห็นท่าทางสนิทสนมขนาดนั้นของเวินหลานฉีกับจิ่งหลาน ในใจเขาก็ยังทุกข์ใจแต่พูดไม่ออกจริงๆ นะ…
“โอเคๆๆ งั้นต่อไปนี้คุณห้ามไปอยู่กับเขาทุกวันขนาดนี้นะ! แค่ไปเยี่ยมตอนเลิกงานช่วงบ่ายก็พอแล้วไหม อีกอย่างตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขา ก็ดีขึ้นมากแล้วไม่ใช่หรือไง คนป่วยต้องการเวลาพักผ่อนร่างกายอย่างสงบ คุณไปรบกวนเขาทุกวันแบบนี้ เขาก็ไม่ดีขึ้นหรอกนะ” ฮั่วฉินเยี่ยนแสร้งพูดด้วยสีหน้าน้อยใจ
“อืม…ก็ได้ งั้นต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปแต่เช้าตรู่แล้ว” เวินหลานฉีคิดไปคิดมา สิ่งที่ฮั่วฉินเยี่ยนพูดก็มีเหตุผล หนำซ้ำยังมีพยาบาลรับจ้างคอยดูแลจิ่งหลานอยู่แล้วนี่นะ เวินหลานฉีค่อยหายห่วงหน่อย
“ใช่สิ อาเยี่ยน ตกลงหาเจอหรือยังว่าคนนั้นเป็นใครกันแน่” ทันใดนั้นเวินหลานฉีก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ จึงถามฮั่วฉินเยี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย
“ยังไม่เจอ เพราะกล้องวงจรปิดตรงที่จอดรถใต้ดินวันนั้นพังหมดเลย ก็เลยลำบากหน่อย อีกอย่างรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นเขาก็ขโมยมาด้วย ดังนั้นเลยตรวจสอบป้ายทะเบียนรถอะไรไม่ได้ แต่ฉีฉีคุณวางใจได้ ผมกำลังติดตามเพื่อจับกุมคนคนนี้อย่างเต็มกำลัง จะต้องจับเขาได้ในเร็ววันแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าฮั่วฉินเยี่ยนคลายปมคิ้ว แล้วขมวดคิ้วแน่นอีกครั้ง สีหน้าเวินหลานฉีก็เต็มไปด้วยความกังวล
เวลาผ่านไปเช่นนี้ตลอดทั้งคืน หลังจากฮั่วฉินเยี่ยนตื่นนอนในเช้าวันต่อมา เขายื่นมือออกไปข้างตัว ด้วยนึกจะกอดภรรยาของตนสักหน่อย หากแต่ผลลัพธ์กลับเป็นความว่างเปล่าข้างกายงั้นเหรอ
ให้ตายสิ ไม่ใช่ว่าห้ามเธอไปเยี่ยมจิ่งหลานแต่เช้าแล้วหรือไง ทำไมถึงไม่เห็นเธออีกแล้วล่ะ เมื่อประธานฮั่วไม่ได้กอดภรรยาของตัวเอง ในใจก็ไม่สบายใจยิ่งนัก จึงลุกขึ้นมานั่งโทรหาเวินหลานฉีทันที
“ฉีฉีคุณหนีไปไหนอีกแล้ว ทำไมถึงออกไปเช้าขนาดนี้ล่ะ” เสียงของฮั่วฉินเยี่ยนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
“อาเยี่ยน คุณตื่นแล้วเหรอ อาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะ อย่าลืมกินเร็วหน่อยนะ วันนี้งานของฉันมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยออกมาเช้าหน่อย เห็นว่าคุณยังไม่ตื่นเลยไม่ได้ปลุกคุณ โอเคนะ อย่าลืมกินข้าวล่ะ ฉันไปทำงานก่อนนะ”
ประธานฮั่วเมื่อเห็นว่าสายโทรศัพท์ถูกตัดโดยภรรยาของตัวเอง ก็แหงนหน้ามองเพดานแล้วถอนหายใจยาวอย่างควบคุมไม่ได้…ทำไมแก้ปัญหาเรื่องจิ่งหลานได้ แต่ยังมีเรื่องงานเข้ามาอีกนะ…สงสัยต้องกว้านซื้อจงเทียนสักวัน…เรื่องเธอหนีไปบริษัททุกวันจะได้ลดน้อยลง…ความคิดนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นเขาก็เก็บกลับเข้าไป ถ้ากว้านซื้อจงเทียน…คาดว่าตนคงไม่มีภรรยาน่ะสิ…หลังจากถอนหายใจยาวเหยียด ฮั่วฉินเยี่ยนก็ยังคงลงจากเตียงไปกินข้าวเช้าอย่างว่าง่าย…
เมื่อเห็นว่าเช้าตรู่วันนี้เวินหลานฉีไม่มา จิ่งหลานก็ผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้อยู่บ้าง โดยไม่คำนึงถึงว่าเวินหลานฉียังมีเรื่องในบริษัทมากมายต้องจัดการ ทุกวันนี้เธอแบ่งเวลามาเยี่ยมเขามากขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังให้ความสำคัญกับบริษัทเสียขนาดนั้น…พอคิดถึงตรงนี้จิ่งหลานก็ไม่ได้คิดหยุมหยิมเรื่องพวกนี้อีก อย่างไรเสียตอนนี้แค่ได้เห็นหน้าเวินหลานฉีทุกวันก็ดีมากแล้ว
พอเลิกงานช่วงบ่ายปุ๊บ เวินหลานฉีจึงรีบไปโรงพยาบาลทันที พอเปิดประตูเข้ามาได้ก็เอ่ยถาม “วันนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ต้องกินยาให้ตรงเวลา…”
จิ่งหลานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฉี…คุณแทบจะเหมือนแม่ผมอยู่แล้ว”
“ใครใช้ให้นายชอบไม่ใส่ใจกันล่ะ เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้านายเกิดป่วยเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ละอายใจต่อนายได้ยังไง แล้วฉันจะบอกพ่อกับแม่นายยังไงล่ะ” เวินหลานฉีแสร้งทำเป็นตำหนิเขาอย่างโมโห
“โอเคๆๆ ผมผิดไปแล้วนะ ผมจะกินยาให้ตรงเวลาแน่นอน! จะเชื่อฟังบัญชาของเจ้านาย!” จิ่งหลานแกล้งทำท่าทีจริงจัง สร้างเสียงหัวเราะครืนให้แก่เวินหลานฉี
“ตอนมาวันนี้ฉันได้ยินคุณหมอบอก ว่าอีกไม่กี่วันนายจะได้ออกจากโรงพยาบาลไปพักรักษาตัว เพราะนายไม่ได้มีอันตรายอะไรแล้ว” เวินหลานฉีเก็บของไปพลาง พูดไปพลาง
“หือ? ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้เลยเหรอ” ในใจจิ่งหลานรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง จึงเอ่ยพูดออกมาโดยไม่ทันระวัง
“นายไม่อยากออกจากโรงพยาบาลเหรอ” เวินหลานฉีถามอย่างฉงนสงสัย
“เปล่าๆ ผมแค่ตกใจความสามารถสมานแผลของบาดแผลก็เท่านั้น” จิ่งหลานอธิบายอย่างลุกลี้ลุกลน
“อย่างนี้นี่เอง แต่คุณหมอบอกว่าร่างกายนายแค่ไม่มีอุปสรรคใหญ่อะไร หลังจากกลับไปอะนะ ยังคงต้องพักผ่อนอย่างสงบ ฉันติดต่อพยาบาลรับจ้างให้แล้วนะ ว่าให้ไปดูแลนายทุกวัน นายจะได้รักษาตัวได้อย่างหมดห่วง รอทุกอย่างดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาทำงานก็ยังไม่สาย…” เวินหลานฉียังเข้าใจว่าจิ่งหลานกังวลเรื่องงาน จึงเสริมทับไปอีกครั้ง
เธอรู้ที่ไหน เขาสนใจแค่ว่าจะได้เห็นหน้าเธอทุกวันไหมก็เท่านั้น
“อืม ก็ดี…” จิ่งหลานตอบกลับด้วยสีหน้าหดหู่อยู่บ้าง
ครั้งก่อนเวินหลานฉีก็บอกปัดความในใจเขาอย่างอ้อมค้อมขนาดนั้น เธอยังยอมรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนแบบนี้กับตน ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอมีฮั่วฉินเยี่ยนอยู่แล้ว พวกเขาน่าจะมีความสุขมากสินะ ส่วนตนอย่าไปรบกวนชีวิตของเธอคงจะดีกว่า เขาไม่อยากสร้างความลำบากให้เธอแม้แต่น้อย…
หลายวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อ ประจวบเหมาะกับฮั่วฉินเยี่ยนเลิกงานดึกนิดหน่อย จึงขับรถไปโรงพยาบาลหมายจะไปรับเวินหลานฉีกลับบ้าน เขาจอดรถใต้ตึก แล้วมุ่งตรงขึ้นไปข้างบน
ทันทีที่เพิ่งถึงหน้าลิฟต์ตึกผู้ป่วยของจิ่งหลาน ก็ได้ยินพยาบาลหลายคน กำลังวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอย่างเงียบๆ จึงหยุดฝีเท้าลง และยืนเงี่ยหูฟังอยู่มุมหนึ่ง
“นี่ๆๆ หญิงสาวที่มาเยี่ยมคนไข้จากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คนนั้นทุกวัน หน้าตาสวยจริงๆ เลยนะ คนป่วยคนนั้นน่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอละสิ ดูสิความสัมพันธ์ของทั้งสองคงดีจริงเลยนะ!” พยาบาลเด็กดูวัยรุ่นคนหนึ่งพูด
“ใช่ๆ คนไข้คนนั้นก็หล่อเหมือนกันนะ เหมาะสมกันจริงๆ” พยาบาลอีกคนหนึ่งพูดอย่างคล้อยตาม ดูจากอายุของพวกเธอแล้ว ดูเหมือนเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ไม่นาน ไม่ก็มาฝึกงานละมั้ง
เวลานี้พยาบาลท่าทางเหมือนจะเป็นหัวหน้าพยาบาลท่านหนึ่งเดินเข้ามา ได้ยินพวกเธอกำลังกระซิบกระซาบเป็นการส่วนตัว จึงเอ่ยถาม “ไม่ตั้งใจดูแลคนป่วยให้ดี พวกเธอมาพูดคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้ล่ะ แถมยังพูดคุยกันท่าทางมีความสุขขนาดนั้นอีก?”
“เรากำลังพูดกันเหรอ เรื่องชายหนุ่มจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คนนั้นกับแฟนสาวของเขายังไงล่ะคะ” พยาบาลเด็กที่พูดคุยกันเมื่อกี้เอ่ยพูด
“แฟนสาว? เขามีแฟนแล้วเหรอ” หัวหน้าพยาบาลพูดด้วยสีหน้าสงสัย
“ไม่ใช่หญิงสาวที่มาเยี่ยมเขาทุกวันคนนั้นเหรอ!”
สีหน้าของหัวหน้าพยาบาลเปลี่ยนไป “คำพูดนี้พวกเธอจะมาพูดซี้ซั้วไม่ได้นะ พวกเธอรู้ไหมผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร! ถ้าประธานตงหยวนมาได้ยินเข้า พวกเธอจบเห่แน่!”
“ประธานตงหยวน? คือประธานฮั่วเหรอคะ”
“ได้ยินว่าเขายังเด็กแต่มากความสามารถ แถมยังหล่อด้วยล่ะ! แต่เขากับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอ”
หัวหน้าพยาบาลปิดปากของพวกเธอ แล้วพูดด้วยเสียงเบา “ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของประธานฮั่วแห่งตงหยวนน่ะสิ อย่าให้ประธานฮั่วมาได้ยินคำพูดพวกนี้ของพวกเธอเข้าล่ะ ถ้าเขาได้ยินว่าภรรยาของตัวเอง โดนพวกเธอเม้าท์ว่าเป็นแฟนคนอื่น เขาจะโมโหเอาได้! ได้ยินว่าคนไข้ที่บาดเจ็บจากรถมอเตอร์ไซค์ชนคนนั้น เขาก็จัดการเข้ามาให้!”
พยาบาลทั้งสองปิดปากตัวเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ หนึ่งในนั้นยังอดพึมพำเสียงเบาไม่ได้ “แต่ภรรยาของเขากับผู้ชายคนนั้นเหมือนคู่รักกันจริงๆ นะ…”
ฮั่วฉินเยี่ยนซึ่งยืนอยู่มุมหนึ่งได้ยินคำพูดเหล่านี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง มือทั้งสองข้างของเขาค่อยๆ กำหมัดแน่น ยิ่งกำยิ่งแน่น สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น
ถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนพวกนี้จะทำให้เขาไม่สบายใจเท่าไรนัก แต่พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ขนาดนี้ ก็ต้องมีเหตุผลของพวกเขาแน่นอนละนะ จิ่งหลานไอ้หมอนี่ ตนอุตส่าห์ให้เวินหลานฉีไปดูแลเขาทั้งที เขายังได้คืบจะเอาศอกอีกเหรอ
ยิ่งคิดฮั่วฉินเยี่ยนก็ยิ่งโมโห เขาจึงเดินไปห้องพักผู้ป่วยของจิ่งหลาน เมื่อเห็นเวินหลานฉีกำลังพยุงจิ่งหลานเดิน เวินหลานฉีคล้องแขนของจิ่งหลาน มือก็ประคองไหล่ของเขา ซึ่งท่าทางของทั้งสองนั้นดูสนิทสนมกันมากเลยล่ะ
ฮั่วฉินเยี่ยนผลักประตูเข้าไปเบาๆ แล้วกระแอมไอสองครั้ง เวินหลานฉีเมื่อสังเกตเห็นฮั่วฉินเยี่ยนเข้า ก็เอ่ยถาม “อาเยี่ยนคุณมาได้ยังไง คุณน่าจะกลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ”
คำพูดเป็นห่วงเป็นใยนั้น สำหรับฮั่วฉินเยี่ยนแล้วฟังดูราวกับกำลังซักถาม ว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวรบกวนชีวิตเธอกับจิ่งหลานอยู่ที่นี่ก็ไม่ปาน ไม่น่าฟังเอาเสียเลย
“วันนี้ผมทำโอที กว่าจะเลิกงานก็ค่อนข้างดึกแล้ว เลยอยากถือโอกาสมารับคุณกลับบ้านน่ะ ฉีฉีคุณออกมากับผมหน่อยสิ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ” ฮั่วฉินเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา และจ้องสายตาจิ่งหลานด้วยสายตาเย็นชา
“อืมได้สิ งั้นคุณออกไปรอฉันก่อนนะ ฉันขอพยุงเขานั่งก่อนแล้วจะออกไปหาคุณ” หลังจากเวินหลานฉีเห็นสายตาของฮั่วฉินเยี่ยนจึงเอ่ยพูด
“ฉี…ไม่เป็นไร คุณออกไปกับเขาเถอะ ผมเดินเองได้” จิ่งหลานดูสีหน้าของฮั่วฉินเยี่ยน แล้วพูดกับเวินหลานฉี เวลาแบบนี้ตนไม่หาเรื่องให้ลำบากใจจะดีกว่า
“งั้นนายต้องระวังหน่อยนะ!” เวินหลานฉีปล่อยมือที่ประคองจิ่งหลานออก แล้วเอ่ยกำชับ จากนั้นก็ออกไปกับฮั่วฉินเยี่ยน
พอยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยแล้ว ฮั่วฉินเยี่ยนก็ถามอย่างเย็นชา “นี่คุณหมายความว่าไง”
“คืออะไร” คำถามของฮั่วฉินเยี่ยนทำเอาเวินหลานฉีชะงักไปครู่หนึ่ง
“คุณมาดูแลเขาที่นี่ทุกวันก็พอแล้ว ผมเห็นแก่ว่าเขาเคยช่วยชีวิตคุณ ผมก็ซาบซึ้งในบุญคุณเขามากแล้ว แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์คุณกับเขาสนิทสนมกันมากขนาดนี้ คุณไม่คิดว่าควรจะอธิบายกับผมหน่อยเหรอ” มุมปากฮั่วฉินเยี่ยนยกยิ้ม ทว่ากลับดูไม่ออกว่ายิ้มเย็น หรือจนปัญญา หรืออารมณ์อื่นที่ไม่อาจเข้าใจได้
“ฉันกับเขาสนิทกันเหรอ” เวินหลานฉีถามอย่างฉงนสงสัย เธอคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนโมโหไร้เหตุผลไปหน่อย
“แบบนี้ไม่เรียกสนิทเหรอ” พอฮั่วฉินเยี่ยนนึกถึงคำพูดของพยาบาลที่ได้ยินตอนเดินเข้ามาเมื่อกี้ ในใจก็โมโหแปลกๆ
พวกเธอพูดว่าเธอกับจิ่งหลานเหมือนคู่รักกัน พูดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมีพฤติกรรมอะไรบางอย่าง จนคนอื่นถึงกับวิพากษ์วิจารณ์กันขนาดนี้หรือไง พวกเขาเอาฮั่วฉินเยี่ยนไปวางไปตรงไหน จัดหาห้องพักผู้ป่วยให้ศัตรูหัวใจงั้นเหรอ ยอมให้เขากับภรรยาของตัวเองคลุมเครือกันใช่ไหม
ยิ่งคิดฮั่วฉินเยี่ยนก็ยิ่งโมโห ดวงตาสีน้ำตาลราวกับจะพ่นไฟโทสะออกมาได้ก็มิปาน
“เมื่อกี้ฉันประคองเขาเดิน เพราะคุณหมอบอกว่าขาของจิ่งหลานจำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟู ต้องให้เขาเดินทุกวัน จะได้ฟื้นฟูเร็วกว่าเดิมไง อาเยี่ยนแล้วคุณเข้าใจว่าอะไร” เวินหลานฉีคิดว่าฮั่วฉินเยี่ยนกำลังโกรธเรื่องเมื่อกี้กับฮั่วจวิน จึงพูดอธิบายด้วยอารมณ์ดี
“คุณไม่ได้ยินเหรอ เมื่อกี้เขาบอกว่าเขาเดินเองได้ ผู้ชายที่ไหนอ่อนแอบอบบาง ถึงขนาดให้คุณมาประคองด้วยเหรอ! เวินหลานฉีปกติคุณอยู่แต่กับงานจนไอคิวต่ำลงหรือไง คุณไม่รู้เหรอว่าเขาคิดอะไรกับคุณ” ฮั่วฉินเยี่ยนเห็นท่าทางเวินหลานฉีเช่นนี้ ก็ยิ่งโมโหบันดาลโทสะ