ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 283 เดทคืนนี้
จินอ้ายกั๋วขมวดคิ้วอยู่นานถึงพูดขึ้นว่า “ตอนที่เธอเรียนมหาลัยก็เคยตรวจสุขภาพมาก่อน ถ้าตอนนั้นเลือดของเธอมีปัญหาจริงๆ นั่นก็หมายความว่าฝีมือแพทย์ที่ตรวจสุขภาพให้เธอพวกนั้นคงไม่ได้เรื่อง เพราะแค่ตรวจพวกเขาก็ยังไม่เจอเลย…นี่แสดงให้เห็นว่าเธอน่าจะปกติ”
ปากก็พูดไปแบบนั้น แต่ในใจกลับมีข้อสงสัยถาโถมเข้ามาไม่หยุด ประโยคนี้จินอ้ายหัวเป็นคนพูด ไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา แต่เขาก็ลองคิดๆ ดูแล้ว สิ่งที่น้องสาวพูดมาก็มีเหตุผล
แทนที่จะสงสัยว่าสุขภาพร่างกายของจ่านป๋ายแตกต่างจากคนทั่วไปหรือเปล่า เช่นนั้นก็ไม่สู้สงสัยซีเหมินจินเหลียน
เพียงแต่คำพูดที่จินอ้ายหัวเอ่ยมามันก็มีน้ำหนักเหมือนกัน ตอนเรียนที่มหาลัยน่าจะมีกิจกรรมตรวจสุขภาพทุกเทอม ถ้าเลือดของซีเหมินจินเหลียนมีปัญหาจริง ก็ไม่มีทางที่จะไม่มีใครค้นพบ
“ที่พี่เรียกฉันมาก็เพราะเรื่องนี้เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจเธอเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้ามีสิ่งผิดปกติจริง นั่นก็คงเกิดขึ้นหลังจากที่เธอถูกรถชน อย่างไรเสียหลินเสวียนหลานก็เป็นคนชนเธอ เธอถึงได้ค้นพบความสามารถพิเศษในการมองทะลุผ่านนี้ จึงมีผลทำให้สุขภาพร่างกายมีบางอย่างผิดปกติ
เพียงแต่ตัวเธอเองไม่รู้ตัวว่ามีตรงไหนที่ไม่ปกติ อีกอย่างพลังพิเศษมองทะลุสรรพสิ่งนี้ทำให้เธอร่ำรวยมั่งคั่งไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เธอยืนอยู่บนกองเงินกองทองได้
ขวดเซรามิกเล็กที่ใส่ไว้ในข้อมือตั้งแต่เล็กก็ไม่รู้เป็นของประเภทไหนกัน? ทุบแล้วไม่เสียหาย หล่นแล้วไม่แตก ดูแล้วเหมือนข้างในไม่กลวงแถมยังตันอีกต่างหาก แต่ทำไมหลังจากที่เธอถูกหลินเสวียนหลานชนแล้ว ขวดใบนั้นถึงได้หายไปและที่หลังมือของเธอกลับปรากฏเป็นรอยสักลายดอกบัวสีทองขึ้นมาแทน?
นี่เป็นความลับของเธอ แน่นอนเธอไม่เคยเอ่ยปากพูดกับใครทั้งนั้น แม้แต่หูชีเยี่ยนที่เป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ เธอก็ยังปิดปากเงียบสนิท
บางทีหูชีเยี่ยนน่าจะรู้ว่าขวดเซรามิกนั่นคืออะไรกันแน่? ซีเหมินจินเหลียนไตร่ตรองดูในใจ หลังจากกลับไปแล้วเธอจะลองถามเขาดีไหมนะ? อย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อของเธอ ในเมื่อของสิ่งนั้นตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้?
“ที่พี่พูดเรื่องนี้กับเธอ ก็แค่อยากจะให้เธอระวังตัวไว้หน่อย ส่วนน้องสาวพี่…” จินอ้ายกั๋วได้แต่ถอนหายใจ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพูด “เพิ่งแต่งงานไปหยกๆ ทำไมถึงอยากหย่ากันแล้ว”
ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางปากประตู จินอ้ายกั๋วฝืนยิ้มออกมา “เธอมาแล้ว!”
ยังไม่ทันได้ต่อความยาวสาวความยืด จินอ้ายหัวก็ผลักประตูเข้ามาในห้องทำงาน เธอเดินเข้ามาและมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ก่อนจะทักทายเธอว่า “จินเหลียน เธอมาแล้วเหรอ เฮ้อ…เธอสวยขึ้นอีกแล้ว ผิวดีจังเลย…”
“ช่วงนี้ได้ยินมาว่าครีมบำรุงจากต่างประเทศอะไรสักอย่างให้ผลลัพธ์ดีน่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันให้เธอไปลองสักชุดดีไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างมั่นใจ “ได้ยินว่ารกแกะอะไรนี่ล่ะ”
“ฉันก็ได้ยินว่ารกแกะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมเหนือชั้น…เพียงแต่มันแพงเกินไป!” จินอ้ายหัวพูด
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม คิดว่าจะให้ครีมรกแกะกับเธอสักกระปุกดีไหม…ไม่นานมานี้เพิ่งซื้อมาจากฮ่องกงพอดี ตอนนี้เธอคงไม่ได้ใช้แล้ว ผลิตภัณฑ์น่าอัศจรรย์ใจที่ไหนหรือจะสู้คาลซิโดนีโบราณ?
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
จินอ้ายหัวลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงถามขึ้น “พี่ฉันบอกเธอหมดแล้วเหรอ?”
“เขาบอกแค่ว่าพวกเธอจะเลิกกัน ให้ฉันมาพูดเกลี้ยกล่อมเธอหน่อย อ้ายหัว เธอเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นาน เธอ…” ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูว่าจะเรียบเรียงถ้อยคำอย่างไรดี
“จินเหลียน เธอไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร!” จินอ้ายหัวกัดฟันพูด “หวังหมิงหยางของเธอก็รอดไปแล้ว คนก็จากไปแล้ว ฉันจะไม่พูดแล้วว่าเขาเป็นยังไง แต่ของฉัน…เขาไปมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับพยาบาลในโรงพยาบาล ดีนะที่ฉันจับได้คาหนังคาเขา เธอว่า…”
ซีเหมินจินเหลียนเหงื่อตกไปทั่วศีรษะ แต่เดิมก็เห็นซุนหมิงหมิงยังดีอยู่เลย ทำไมถึงได้มักมากลุ่มหลงเป็นผีหิวโหยกามารมณ์ได้? ไปใช้ชีวิตมั่วสุมกับพยาบาล แถมยังโดนภรรยาจับได้เนี่ยนะ? เป็นคนประเภทไหนกัน?
ถ้าหากเป็นเรื่องอื่น สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกัน นิสัยใจคออาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟัน ซีเหมินจินเหลียนยังพอจะไกล่เกลี่ยได้ง่าย แต่เรื่องแบบนี้ถ้าจินอ้ายกั๋วตั้งใจที่จะหย่า เธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้ ผู้หญิง…ไม่มีทางให้อภัยผู้ชายที่คบชู้นอกใจง่ายๆ หรอก
ซีเหมินจินเหลียนพลันคิดถึงจ่านป๋ายขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอมีไม่น้อยเลย แถมยังถึงขั้นยอมทิ้งทุกอย่างลงเพื่อเธอ แต่นอกจากจ่านป๋ายแล้วก็ดูเหมือนไม่มีใครที่ทุ่มเททั้งใจให้กับเธออีกแล้ว…
“อ้ายหัว เรื่องนี้…เธอลองคิดทบทวนดูให้ดีก่อนแล้วกัน” แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ซีเหมินจินเหลียนก็เลือกที่จะห้ามปรามก่อน
“ฉันคิดมานานแล้วล่ะ” จินอ้ายหัวพูด “ความจริงนี่ก็แค่เรื่องหนึ่ง ยังมีอีกเรื่องที่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันอยากจะหย่า”
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน ยังมีอะไรที่แย่ไปกว่าการคบชู้ที่ไม่ควรให้อภัยอีก?
“เขา…เขาวิตถาร!” จินอ้ายหัวนิ่งไปชั่วหนึ่งและพยายามหาคำมาอธิบาย
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าวิตถารอย่างไร มองจินอ้ายหัวอย่างสงสัย
“เขาชอบ…” จินอ้ายหัวไม่รู้ว่าจะพูดประโยคนี้อย่างไรดี คำพูดพวกนี้เก็บไว้ในใจเธออยู่เสมอ จนมันยากที่จะพูดออกมาได้ เกรงว่าแม้แต่แม่ตัวเองเธอยังไม่รู้ว่าจะเปิดปากอย่างไรเลย ที่ให้จินอ้ายกั๋วนัดซีเหมินจินเหลียนมาหาก็แค่อยากจะพูดกับเพื่อนรักระบายความกลัดกลุ้มในใจ แต่…จะให้พูดออกมาอย่างไรดีล่ะ?
“ชอบอะไรเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทางของจินอ้ายหัวเหมือนลังเลที่จะเอ่ย ราวกับมีบางสิ่งที่ปิดบังและยากที่จะพูด
จินอ้ายหัวคิดๆ ดูถึงได้พูดขึ้น “เธอรู้จักรักร่วมเพศไหม”
“รู้จักสิ หรือว่าเขาจะชอบผู้ชาย?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา ไม่หรอกมั้ง?
“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่เกย์…แบบนั้น…” จินอ้ายหัวพูดน้ำท่วมปาก
ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจขึ้นมาได้เลย เพราะความชอบพิเศษของจ่านมู่ฮวา จ่านป๋ายเลยชอบล้อเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ดูหนังมาบ้าง รู้ถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สมควรของรักร่วมเพศ ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่ออยู่นานไม่กล้าพูดออกมา
“จินเหลียน ฉันจะบอกเธอให้นะ หมอทุกคนก็วิปริตกันทั้งนั้น!” จินอ้ายหัวกัดฟันพูด “ในอนาคตถ้าเธอจะหาแฟนสักคน อย่าหาคนที่เป็นหมอเลย…”
“นี่คงไม่เกี่ยวกับการที่เป็นหมอหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเฝื่อน ในใจแอบพูดว่า แม้ซุนหมิงหมิงจะมีจิตวิปริตบ้าง ก็ไม่ได้หมายความหมอทุกคนจะวิปริตนี่นา? แต่เมื่อเธอคิดถึงหมอมองโกลคนนั้น คนคนนี้ก็วิปริตจริงๆ…
“ดูสรีระร่างกายเยอะเกินไป ในใจก็คงผิดปกติ!” จินอ้ายหัวแค่นเสียงใส่
“อ้ายหัว เดิมทีฉันมาเพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ให้เธอหย่ากัน ตอนนี้…ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขมขื่น
“ฉันรู้ เธอไม่รู้หรอกว่าฉันอดทนอย่างลำบากแสนเข็ญขนาดไหน ได้พูดระบายกับเธอ ฉันก็สบายใจขึ้นมาบ้าง…” จินอ้ายหัวสูดลมหายใจเข้าลึกและส่ายหน้าพูด “เธอไม่ต้องปลอบฉันหรอก หย่ากันตั้งแต่ยังสาวก็ดี ต่อไปฉันคงไม่คิดถึงเรื่องแต่งงานมีลูกอะไรพวกนี้แล้วล่ะ…”
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าจะปลอบใจเพื่อนรักคนนี้อย่างไร แต่ละบ้านก็มีเรื่องยากที่ต้องจัดการ เดิมทีชีวิตของจินอ้ายหัวก็มีความสุขดีมาโดยตลอด ครอบครัวร่ำรวยมีงานการที่ไม่อับอายขายขี้หน้าหน้าตายังสะสวย เป็นคนเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่กำเนิด มีสามีที่เป็นเพื่อนร่วมงานกัน…
ชีวิตที่มีความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ แต่คิดไม่ถึงว่า…ผลสุดท้ายกลับเป็นเช่นนี้
เมื่อก่อนใครเป็นคนกล่าวไว้นะ? การเลือกคู่ชีวิตก็เหมือนการเลือกรองเท้า มีแค่ตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ดีว่ารองเท้าคู่นั้นเหมาะสมและพอดีกับเราหรือเปล่า ในระหว่างที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น โทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น…เธอหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นสายจากสวี่อี้หราน คนคนนี้ก็เป็นหมอเช่นเดียวกัน และยังเป็นหมอมองโกลวิปริตด้วย
ซีเหมินจินเหลียนกดปุ่มรับสาย ในโทรศัพท์มีเสียงของสวี่อี้หรานรีบร้อนพูดขึ้นว่า “จินเหลียน ผมมีเรื่องด่วนต้องไปจากเซี่ยงไฮ้ คืนนี้คงเลี้ยงข้าวคุณไม่ได้แล้ว อีกไม่กี่วันผมค่อยไปหาคุณที่บ้านแล้วกัน ผมต้องขอโทษด้วย!”
“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร” ซีเหมินจินเหลียนพูดเรียบเฉย “ลุงงูล่ะ”
ได้ยินเธอพูดถึงลุงงู สวี่อี้หรานก็อึ้งอยู่นานถึงถามขึ้น “ทำไมหูชีเยี่ยนถึงเป็นพ่อของคุณ”
“นี่ไม่ใช่คำถามที่เห็นๆ กันอยู่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเยือกเย็น
“บนตัวของเขามีปราณที่แตกต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง เขา…” สวี่อี้หรานพูด
“คุณหุบปากเลยนะ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรกับคุณอีก!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วโกรธจัด รีบตัดสายไป
“เกิดอะไรขึ้น?” จินอ้ายหัวเห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดีจึงรีบถาม
“แค่หมอมองโกลคนหนึ่งน่ะ เธอพูดถูก หมอก็ต่างก็วิปริตกันทั้งนั้น!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเธอทั้งสองอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรดีๆ จะพูดแล้วเหรอไง หมอทุกคนจะวิปริตกันหมดได้ยังไง?” ประตูของห้องทำงานถูกผลักออก เป็นจินอ้ายกั๋วที่เดินเข้ามา
“พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วนี่!” จินอ้ายหัวลุกขึ้นยืนถือกระเป๋า “จินเหลียน ฉันไปก่อนนะ เธอก็กลับไปเถอะ อย่าบอกเรื่องของฉันกับพี่ให้มากล่ะ อนาคตหากมีโรคเจ็บไข้ไม่สบายหรือสบายดีก็อยู่ให้ห่างจากหมอเข้าไว้ ระวังจะซวยไปด้วย!”
“นี่ เธอพูดอะไรของเธอ?” จินอ้ายกั๋วรีบถาม
แต่จินอ้ายหัวเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้มเฝื่อนถือโทรศัพท์และบอกลาจินอ้ายกั๋ว จินอ้ายกั๋วจึงถามว่า “จินเหลียน อ้ายหัวว่ายังไงบ้าง”
“น้องเขยของพี่มีคนอื่น ก็แค่นี้เองค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ส่วนเรื่องที่เหลือเธอพูดไม่ออก…
จินอ้ายกั๋วส่ายหน้าถอนหายใจ ซีเหมินจินเหลียนจึงบอกลา เมื่อเดินถึงหน้าประตู เธอก็โทรไปหาจ่านป๋าย ไม่ถึงหนึ่งนาทีจ่านป๋ายขับรถมาตรงหน้าเธอ
“ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจเล็กน้อย
“ผมรอคุณอยู่แถวนี้แหละ!” จ่านป๋ายยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของจินอ้ายหัว ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ และมองใบหน้าด้านข้างของจ่านป๋าย “เสี่ยวป๋าย ในอนาคตคุณจะแต่งงานกับฉันไหม”
“เอ๋…” จ่านป๋ายเกือบจะเหยียบคันเร่งแล้ว ไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนไปโดนอะไรกระทบกระแทกมา ทำไมจู่ๆ เธอถึงอยากแต่งงานกับเขา?
“ใครทำอะไรคุณครับ?” จ่านป๋ายรีบถาม
“หรือคุณไม่อยากแต่งงานกับฉันเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามย้อนกลับ
“อยากสิ แม้แต่ฝันยังคิดเลย!” จ่านป๋ายรู้สึกว่าตัวเบาทั้งร่าง เหมือนกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ แต่เขาไม่รู้ว่าวันนี้ซีเหมินจินเหลียนถูกกระตุ้นจนหัวร้อนไปหมดแล้ว อย่างไรได้ยินประโยคนี้ของเธอก็ดีแค่ไหนแล้ว
“งั้นเลี้ยงข้าวฉันสักมื้อได้ไหม วันนี้พวกเราไปเดทกัน?” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงเรื่องที่เธอเคยพูดกับหูชีเยี่ยนว่าจะไม่กลับไปกินข้าว
“ได้สิครับๆ!” จ่านป๋ายกระแอมเสียงใสตอบรับ “เราจะไปกินข้าวที่ไหนกันดี?”
“คลับหยก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกมาทันที