ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 291 หินอัศจรรย์
“คนคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอกครับ” จ่านมู่ฮวาแสยะยิ้มเย็น “เป้าหมายของคุณซีเหมินก็เพื่ออยากได้ของบางอย่างจากตระกูลหู…น่าเสียดายที่คุณยอมทุ่มเทกายใจทำทุกวิธีทางตั้งหลายปี ขุดหาเอกสารตามสุสานโบราณเก่าแก่มาตั้งมาก แต่คุณก็ยังไม่เจอบันทึกเกี่ยวกับแจกันดอกบัวทองเลยสักนิด ฮ่าๆ…”
“นายรู้เรื่องแจกันดอกบัวทองได้ยังไง?” ซีเหมินน่งเย่ว์ที่ได้ลุกยืนขึ้นมาเตรียมตัวจะไปจากที่นี่ เมื่อได้ยินจึงหยุดฝีเท้าลง ส่งสายตาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งจ้องมองไปที่จ่านมู่ฮวา
“คุณอย่าลืมเรื่องความสัมพันธ์ของบรรพบุรุษพวกเรากับตระกูลหูเสียล่ะ! ในเมื่อเป็นองครักษ์ แน่นอนว่าต้องรู้เรื่องบางอย่างที่คนนอกไม่รู้” จ่านมู่ฮวาแสยะยิ้ม
“พูดอย่างนี้ แสดงว่านายรู้เรื่องความลับของแจกันดอกบัวทองอย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินน่งเย่ว์สายตาเปล่งประกายวาบ
“คนในตระกูลหูเองยังไม่รู้ แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับ?” จ่านมู่ฮวายิ้มเย็น “คุณซีเหมิน หลังจากนี้เรื่องของคุณ ทางที่ดีก็อย่ามารบกวนตระกูลจ่านอีกเลยครับ ขอบคุณมากนะครับ!”
“ดี!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้ม “นายอย่าเสียใจแล้วกัน!”
“ขืนคุณยังกล้าทำร้ายจินเหลียน ผมไม่มีทางยอมจบกับคุณแน่!” จ่านมู่ฮวากัดฟันพูด “เรื่องระหว่างคุณกับหูชีเยี่ยนไม่เกี่ยวกับผม แต่…ถ้าคุณกล้าแตะต้องปลายผมของจินเหลียนแม้แต่เส้นเดียว คุณรอดูแล้วกัน!”
“อย่างนายนี่นะ? ไอ้หนู ไม่ใช่ว่าฉันจะดูถูกดูแคลนนาย แต่นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาข่มขู่ฉัน!”ระหว่างที่ซีเหมินน่งเย่ว์พูด เขาก็เดินไปถึงปากประตูแล้ว “ไอ้หนู ตั้งแต่ไหนแต่ไรนายก็เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง แต่ครั้งนี้บ้าบิ่นไปหน่อย ถ้าฉันเป็นนาย หึ…อย่างน้อยฉันก็จะดูสถานการณ์เรื่องราวก่อนแล้วค่อยตัดสินชี้ขาด หรือหลายปีมานี้ที่ฉันช่วยตระกูลจ่านขยายอสังหาริมทรัพย์ สุดท้ายนายกลับมาพูดเช่นนี้? อย่าลืมว่าฉันก็มีหุ้นในตระกูลจ่านอยู่เหมือนกัน”
“หุ้นของคุณก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่นี่ครับ!” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วพูด “เรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบเอง”
“จ่านมู่ฮวา แค่ผู้หญิงคนเดียว นายถึงกับต้องแตกคอกับฉัน นี่มันคุ้มแล้วเหรอ?” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย้ยหยัน “อีกอย่างได้ยินมาว่าตระกูลสวี่ก็ตั้งใจจะสู่ขอตระกูลหู นายเป็นตัวอะไรล่ะ?”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของจ่านมู่ฮวามืดครึ้มขึ้นมา ใช่แล้ว เรื่องนี้เขาไม่มีหนทางที่จะสู้สวี่อี้หรานได้เลย ตระกูลเขาเป็นถึงมหาเศรษฐีร่ำรวยระดับประเทศ ก็คงเหมือนตระกูลหูที่ร่ำรวยค้ำฟ้า หลายปีมานี้ตระกูลจ่านเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างแรกก็เพราะว่ารวมทรัพย์สินเก่าของบรรพบุรุษด้วย อย่างที่สองก็เพราะการค้าเจริญก้าวหน้า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หากคิดจะเทียบกับตระกูลหูที่ใช้ทุกวิธีทางหาผลประโยชน์แก่วงตระกูล เกรงว่าก็คงห่างชั้นไปหน่อย
ไม่ต้องพูดถึงซีเหมินจินเหลียน เพราะที่เธอสร้างเนื้อสร้างตัวมาได้ก็แค่ระยะเวลาครึ่งปีสั้นๆ แต่หูหวังไม่เหมือนกัน ไม่สนว่าหูหวังกับหูชีเยี่ยนจะมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันอย่างไร แต่หูหวังกับหูชีเยี่ยนก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือทั้งคู่ต่างรักและเอ็นดูซีเหมินจินเหลียนมาก
ในอนาคตซีเหมินจินเหลียนจะต้องเป็นทายาทสืบทอดทรัพย์สมบัติของทั้งสองคนแต่เพียงผู้เดียวอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณชาย เรื่องที่นายทำได้อย่างเดียวก็คือทำให้ตระกูลหูล้มละลายลงให้หมด จากนั้นผู้หญิงที่ไม่สวยคนนั้นก็จะเห็นนายเป็นที่หวงแหนสุดที่รัก นายอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น
จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พลันส่ายศีรษะพูดเชือดออกมาอย่างนิ่มๆ “คุณซีเหมิน จากที่มู่ฮวารู้จักคุณ ถ้าคุณมีความมั่นใจขนาดนั้น ทำไมจะต้องมาพูดจาเหลวไหลกับผมด้วย? คุณพูดถูก ผมจ่านมู่ฮวาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เห็นผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง…ในเมื่อผมเตรียมที่จะแตกคอกับคุณ แน่นอนว่านั่นหมายความว่าผมไม่สนใจไยดีคุณแม้แต่น้อย!”
“ดี คุณชายนิสัยแบบนาย ฉันชอบ!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูดพลาง ในขณะนั้นก็ผลักประตูเดินไปข้างนอก
เมื่อเห็นซีเหมินน่งเย่ว์ผลักประตูออกไปแล้ว จ่านอิ๋นก็ขมวดหัวคิ้วพูดและถามเสียงเบา “มู่ฮวาตอนนี้ลูกเอาชีวิตเดิมพันไปไว้บนตัวหูชีเยี่ยน ลูกไม่คิดว่ามันพลการเกินไปเหรอ?”
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าลึก “ถ้าสิ่งที่ซีเหมินน่งเย่ว์พูดเป็นความจริง คนคนนั้นไม่น่าจะใช่หูชีเยี่ยน อย่างนั้นแล้วการมีตัวตนของเขาคงไม่เป็นอันตรายกับพวกเรา ตระกูลหูเหลือแค่ซีเหมินจินเหลียนหัวเดียวกระเทียมลีบ ขอแค่มู่ฮวาจีบเธอได้ ทุกอย่างก็จะจบลงได้ดี บางทีพวกเราอาจจะได้ควบคุมทั้งตระกูลฉินกับตระกูลอวิ๋นได้ด้วยนะครับ…รวมถึงสาขานอกอีกหลายแห่ง”
“แล้วถ้าเป็นหูชีเยี่ยนจริงๆ ล่ะจะทำยังไง?” จ่านอิ๋นถาม
“ถ้าเป็นเขาจริงๆ ข้างในนี้ก็คงมีเรื่องไม่สมเหตุสมผลอยู่มากครับ” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วพูด “นี่ถึงเป็นเรื่องที่มู่ฮวากังวลมากที่สุด”
“ทำไมล่ะ?” จ่านอิ๋นถาม
“พ่อลองคิดดูสิครับ ถ้าเรื่องที่ซีเหมินน่งเย่ว์พูดเป็นความจริง หูชีเยี่ยนจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ยังไง? ในเมื่อเขายังมีชีวิตรอด นั่นก็พิสูจน์แล้วว่า…เขาอาจจะมีพลังบางอย่างที่พวกเราคาดไม่ถึง ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้พวกเราทำได้แค่ยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก! อีกอย่างซีเหมินน่งเย่ว์ไม่มีทางเป็นศัตรูของเขาได้หรอกครับ ไม่สิ ยี่สิบปีก่อนซีเหมินน่งเย่ว์ก็ไม่ใช่ศัตรูของเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรากับตาเฒ่าที่ตายเป็นผีไปแล้วของตระกูลฉินช่วยเขาไว้ ไหนจะคนคนนั้นใช้วิธีสกปรกทำร้ายเขา ซีเหมินน่งเย่ว์จะบรรลุเป้าหมายได้เหรอครับ?” จ่านมู่ฮวายิ้มเย็น “ยี่สิบปีต่อจากนั้นเขามีหน้ากล้าที่จะกลับมา แน่นอนมันแสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจมาก”
“มู่ฮวา พ่อก็แก่แล้วจริงๆ” จ่านอิ๋นถอนหายใจเบาๆ “ยกตระกูลจ่านให้ลูก พ่อก็วางใจ”
จ่านมู่ฮวาทำได้แค่ยิ้ม ตระกูลจ่าน…ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือจ่านมู่หรง หรือจะพูดว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของเขาชั่วชีวิตนี้ก็คือผู้ชายที่ชื่อจ่านมู่หรงคนนั้น
เดิมทีคิดว่าเขาไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ไม่ตายก็น่าจะพิการ แต่ดูจากตอนนี้แล้วยังมีบางอย่างที่ตนเองไม่รู้อยู่มาก
…
จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนกำลังใช้ช้อนคนซุปหน่อไม้ตังซุ่งต้มเห็ดหอม จากนั้นถามขึ้นว่า “จินเหลียน คุณเป็นอะไรไป ซุปรสชาติไม่ถูกปากเหรอครับ?”
หูชีเยี่ยนได้ยินแล้วเงยหน้าขึ้นมองซีเหมินจินเหลียน “ลูกชอบกินซุปอะไร ตอนเย็นพ่อจะได้ทำเพิ่มให้?”
“ไม่ใช่ค่ะ ซุปนี้หนูก็ชอบมาก” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ “พ่อคะ พ่อจะอยู่เซี่ยงไฮ้นานแค่ไหนคะ”
หูชีเยี่ยนนิ่งอึ้ง นี่เธอคงไม่ได้คิดจะไล่เขาไปใช่ไหม แต่เมื่อคิดดูก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ซีเหมินจินเหลียนน่าจะอยากให้เขาอยู่ต่อมากกว่า
“พ่อคะ พ่อไม่ได้คิดจะอยู่เซี่ยงไฮ้นานใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองที่หูชีเยี่ยน
ในที่สุดหูชีเยี่ยนก็เข้าใจแล้วว่าเธอกำลังกังวลอะไร เช่นนั้นจึงถอนหายใจออกเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า “จินเหลียน ช่วงปีใหม่พ่อต้องกลับบ้านไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ…หลังปีใหม่คิดว่าจะไปอเมริกา”
“จากนั้นล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม “กลับพม่า?” พูดประโยคนี้จบ เธอก็ออกแรงกำหมัดแน่น กลัวว่าหูชีเยี่ยนจะพูดคำว่าไม่
“อืม กลับพม่าไปจัดการเรื่องธุรกิจบางอย่าง” หูชีเยี่ยนก้มหน้าแกะก้างปลาออก ปกปิดเรื่องราวทั้งหมดให้เปลี่ยนเป็นคลื่นสงัดลมสงบ
“พ่อคงไม่ได้จะหายตัวไปหรอกใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามออกมาอย่างอ่อนแรง
“จินเหลียน คุณหูจะหายไปได้อย่างไรครับ” จ่านป๋ายได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รีบพูดแทรกขึ้นทันที “แต่ก่อนคุณหูก็แค่ขยับตัวไม่สะดวก จึงทำได้แค่เพียงหลบซ่อนจากหูหวัง ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยนะครับ”
“พ่อไม่หายไปไหนแน่นอน” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด
ซีเหมินจินเหลียนกอดแขนของเขาและยิ้มอย่างพอใจ “พ่อคะ พ่อดีเหลือเกิน หลังจากนี้หนูจะไปหาพ่อที่พม่าบ่อยๆ”
“ได้สิ” หูชีเยี่ยนลูบหลังเธอเบาๆ พลางพูดปลอบใจ “พ่อไม่มีทางทิ้งหนูโดยไม่สนใจไยดีอีกแล้ว วางใจเถอะ! ธุรกิจที่พม่าของพ่อในอนาคตก็ต้องตกเป็นของลูก ลูกก็ต้องเรียนรู้วิธีบริหารธุรกิจด้วย”
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าน้อยๆ
จ่านป๋ายขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ถ้าจะให้เขาบอกว่าผิดปกติตรงไหน เขาก็บอกไม่ถูก แม้หูชีเยี่ยนจะมีนิสัยแปลกประหลาด แต่สำหรับเรื่องของซีเหมินจินเหลียนเขาก็ดีจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
“จินเหลียน พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปผ่าหินก้อนนั้นดูดีไหม” หูชีเยี่ยนถกประเด็นเมื่อเช้าขึ้นมา
“ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าติดๆ กัน อย่าพูดถึงเรื่องผ่าหยกต้นไม้ก้อนนั้นเลย เกรงว่าหากหูชีเยี่ยนอยากจะนำหินราชางูก้อนนั้นผ่าออกมาตุ๋นซุปจริงๆ เธอก็ไม่สนใจ นั่นก็ไม่ใช่แค่หยกก้อนหนึ่งเองหรอกเหรอ? อย่างไรเสียเธอก็ไม่อยากจะเอาออกมาขาย แม้จะมีมูลค่าควรเมืองแล้วอย่างไร? ขอแค่หูชีเยี่ยนอยากจะกินหินราชางูจริง แพงแค่ไหนเธอก็ยอมตัดใจทิ้งไปได้
งานเปิดเปลือกหินที่ลำบากแสนเข็ญเช่นนั้น แน่นอนหน้าที่นี้จึงตกเป็นของจ่านป๋าย แต่หินหยกในวันนี้ไม่เหมือนกัน…จากลักษณะภายนอกดูแล้วหนักอึ้ง แต่เวลาเคลื่อนย้ายมันไม่ได้หนักขนาดนั้น แน่นอน แตกต่างอย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสัมผัสอ่อนไหวแต่กำเนิด เกรงว่าคงไม่พบความแตกต่างเล็กน้อยนี้หรอก?
หรือว่าตรงกลางของหินก้อนนี้จะว่างเปล่า? จ่านป๋ายสงสัยเต็มประดา หินหยกดิบตั้งมากมาย แต่หูชีเยี่ยนสั่งกำชับชี้มาให้ผ่าก้อนนี้ เกรงว่าคงต้องมีบางอย่างที่แปลกประหลาด
หินหยกดิบที่ตรงกลางว่างเปล่า หรือว่าข้างในจะเต็มไปด้วยคาลซิโดนีโบราณ?
สิ่งที่จ่านป๋ายคิดได้แวบแรกก็คือสิ่งที่ทำให้ผิวของซีเหมินจินเหลียนแปรเปลี่ยนเป็นเนียนละเอียดนุ่มเหมือนคาลซิโดนีโบราณเพียงแค่ชั่วข้ามคืน…ผลลัพธ์แบบนั้นมันก็ดีเหลือเกิน
“คุณหู ผ่ายังไงดีครับ” จ่านป๋ายถาม
ซีเหมินจินเหลียนถือปากกาหมึกซึม เพราะว่าเป็นจ่านป๋ายกับหูชีเยี่ยน เธอเลยไม่ได้กังวลมากเกินไป ตอนนั้นจึงวาดเส้นกำกับลงไปที่ระยะห่างเศษหนึ่งในสาม ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ชอบทำเรื่องขี้ขลาดตาขาว ผ่าลงมาจากตรงนี้เลย”
“ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวพ่อ พ่อก็ไม่ชอบที่ต้องมาเจียรทีละหน่อย เสียเวลาแถมไม่ได้งาน!” หูชีเยี่ยนยิ้ม “เสี่ยวป๋าย นายลงมือได้แล้ว ทำตามที่จินเหลียนบอกนั่นละ ผ่าลงมาจากตรงกลาง”
“ครับ!” จ่านป๋ายพยักหน้า เวลาซีเหมินจินเหลียนผ่าหินชอบตัดจากตรงกลาง นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร
ไม่นานจ่านป๋ายก็นำหินหยกดิบจัดวางตำแหน่งอย่างเหมาะสม จากนั้นจับด้ามของเครื่องตัด และลงมีดไปยังตำแหน่งที่ซีเหมินจินเหลียนวาดร่างเอาไว้
เมื่อมีดเล่มนี้ตัดลงไป จ่านป๋ายรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง เป็นหินไม่ผิดแน่ แต่ไม่น่าจะเป็นหินทั้งหมด…ราวกับว่าว่างเปล่าจริงๆ?
รอกระทั่งใบมีดหยุดเคลื่อนไหวแน่นิ่ง จ่านป๋ายแทบจะรอไม่ไหวที่จะแยกหน้าหยกออกมา ในขณะที่ดูพลันส่งสายตาตกตะลึงและร้องเรียกขึ้นว่า “จินเหลียน คุณหู…พวกคุณรีบมาดูนี่สิ!”
“เผยสีเขียวแล้วเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาถาม
“ไม่ใช่ครับ…” จ่านป๋ายโคลงศีรษะ แต่ก้อนนี้หายากกว่าการเผยสีเขียวตั้งเยอะ แต่เขาเห็นหินประหลาดตาของซีเหมินจินเหลียนมาก็มาก แม้วันนี้จะเห็นก้อนนี้ก็พอจะเข้าใจได้…เพียงแต่ที่แตกตื่นแบบนั้นก็เพราะในบรรดาหยกพวกนี้ ยังมีหยกน่าอัศจรรย์อีกแค่ไหนที่กำลังรอเขาอยู่กัน?