ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 319 มรกตสังเวยสู่สวรรค์ เหลืองบูชาผืนแผ่นดิน
ซีเหมินจินเหลียนแอบลอบถอนหายใจเบาๆ ความจริงของที่ให้เขา เขาจะจัดการกับมันอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ควรถาม เพียงแต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นพวงกุญแจหยกที่ตนมอบให้จ่านป๋ายกลับมาจัดแสดงอยู่ที่ห้องโถงของสมิธตอนนี้ ในใจก็กระอักกระอ่วนพูดอะไรไม่ออก เห็นได้อย่างชัดเจนว่างานจัดแสดงโชว์ของสมิธครั้งนี้เรียกความสนใจแก่ผู้คนจำนวนมาก หยกสีสันสดใสหลากสีมีเอกลักษณ์พิเศษ ทำให้บรรดาชนชั้นสูงหรือลูกคุณหนูต่างพากันลุ่มหลง ดังนั้นเมื่อสมิธพูดอธิบายว่าเครื่องประดับที่สวยงามพวกนี้มาจากหิน และในคืนวันมะรืนนี้ที่ลาสเวกัสจะจัดงานพนันของชิงชื่อที่ยิ่งใหญ่ ไม่พนันอะไรทั้งนั้นแต่พนันลักษณะภายนอกที่ดูธรรมดา แต่ความจริงกลับซ่อนหยกที่ล้ำค่าไว้ในหินหยกดิบ
ซีเหมินจินเหลียนเห็นคนต่างชาติล้อมรอบอยู่หน้าตู้กระจก แต่ละคนต่างส่ายหน้าชื่นชมไม่ขาดสาย จนถึงขั้นส่งเสียงชอบใจ
ความจริงหยกของสมิธพวกนี้ แม้ว่าจะเป็นของดีและจัดอยู่ในหยกคุณภาพดี แต่ในสายตาของซีเหมินจินเหลียน สิ่งที่ดีที่สุดน่าจะเป็นพวงกุญแจหยกสีเลือดของจ่านป๋ายชิ้นนั้น ที่เหลือแม้ว่าส่วนมากจะเป็นเนื้อแก้วเหล่าพ่ากัน มากสุดไม่ใช่สีก็ชนิด มันไม่ค่อยตอบสนองความพึงพอใจเท่าไหร่
เดินรอบตู้จัดแสดง นอกจากเห็นพวงกุญแจหยกสีเลือดแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจก็คือ ซีเหมินจินเหลียนไม่เห็นหยกที่ทำให้เธอใจเต้นแรงเลย มองไปรอบด้านเพื่อตามหาหูชีเยี่ยน จากนั้นก็หามุมเงียบๆ นั่งลงเพื่อรอคุณไมโลท่านนั้น
เธอยังไม่ลืมบุคคลที่จะมาในวันนี้ มีแค่แสงอาทิตย์สีเขียวเท่านั้นที่เธอสนใจ
แต่เมื่อมองแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกแปลกใจ เหมือนว่ามีสายตานับหลายคู่กำลังมองมาที่เธอ จนกระทั่งบางคนถึงขั้นชี้มาทางเธอด้วย
ซีเหมินจินเหลียนกระอักกระอ่วนใจ หรือว่าเธอจะไม่ได้รูดซิปชุดราตรีหรือว่าผมร่วงหล่นลงมา? แต่ก้มหน้าลงตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง เสื้อก็ยังอยู่ดี ผมก็ไม่มีสัญญาณว่าจะร่วงลงมา เธอไม่ได้แต่งหน้าเลยไม่มีทางที่เครื่องสำอางจะละลาย หลังจากมาที่ห้องโถงที่นี่เธอก็ใช้หลอดดื่มเครื่องดื่ม เพราะไม่คุ้นชินกับการดื่มเครื่องดื่มของต่างประเทศ เธอจึงวางลง คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ใช่ไหม?
ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงเดินเข้ามา จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างสุภาพจูงมือซีเหมินจินเหลียนพร้อมประทับจูบบนมือเธอ
ซีเหมินจินเหลียนหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย นอกจากจ่านป๋ายที่ปฏิบัติกับเธอเช่นนี้อย่างสนิทสนมก็ไม่เคยมีใครเคยทำอะไรล่วงเกินเช่นนี้มาก่อน แต่เธอรู้ว่ามันเป็นมารยาทของชาวตะวันตก บ่งบอกว่าเขาให้ความเคารพ
ชายรูปร่างผอมสูงคุยกับเธอมาประโยคหนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนรู้เรื่องแค่ประโยคเดียวว่า “คุณผู้หญิง” คำนี้ ส่วนคำอื่นๆที่มารวมตัวกันแปลว่าอะไรเธอยังไม่เข้าใจ ตอนเรียนมหาลัยอาจารย์พูดช้าๆ ชัดๆ ทีละตัวให้ฟัง เขียนตามคำบอกเธอก็ยังได้ศูนย์คะแนน แล้วนี่บทสนทนาทั่วไปจะยังไงล่ะ?
ดังนั้นซีเหมินจินเหลียนจึงยิ้มเชิงขอโทษขอโพย ผู้ชายรูปร่างสูงผอมถึงเข้าใจขึ้นมาและส่งยิ้มตอบกลับเธอและกวักมือเรียกพนักงานต้อนรับ พูดประโยคง่ายๆ กับเขา พนักงานต้อนรับหันหน้าโค้งตัวคำนับกับซีเหมินจินเหลียน และพูดอย่างรวดเร็วกับเธอหนึ่งประโยค
ซีเหมินจินเหลียนแม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้ว่านี่เป็นภาษาญี่ปุ่น จากนั้นจึงส่ายหน้าพูด “ฉันเป็นคนจีนค่ะ”
พนักงานบริกรเปลี่ยนมาพูดภาษาจีน “ที่แท้ก็คือสาวงามแห่งเมืองจีนนั่นเอง”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ ที่แท้พนักงานที่นี่ก็มีคุณสมบัติเป็นล่ามได้ด้วย? คิดๆ ดูแล้วมันก็น่าจะใช่ งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้มีแขกเหรื่อมาจากหลายประเทศ เหมือนกับเธอที่ไม่มีความสามารถด้านภาษาจึงต้องใช้ล่าม
พนักงานบริกรพูดกับชายผอมสูงอยู่กี่ประโยค จากนั้นก็หันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียนต่อ “คุณผู้หญิงครับ คุณชายท่านนี้อยากจะคุยกับท่านสักครู่ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาหรือเปล่าครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะปฏิเสธ ไม่นานชายรูปร่างผอมสูงถึงพูดมาอีกประโยค ส่วนพนักงานต้อนรับก็แปลมันกลับมาเหมือนเดิม “ผมคิดว่าผู้หญิงสวยเช่นนี้จะเป็นสาวญี่ปุ่นซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสาวจีน”น้ำเสียงระหว่างที่พูดมีความเสียใจที่เธอไม่ใช่คนญี่ปุ่น
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็มองไปยังชายรูปร่างสูงผอมแวบหนึ่งพร้อมพูดจริงจัง “วัฒนธรรมจีนของเรามีมาหลายพันปี จากเวลาในแนวตั้งมีประวัติอันยาวนานและจากพื้นที่แนวนอนมีอาณาเขตกว้างใหญ่ ประเทศป่าเถื่อนเล็กๆ อย่างพวกหมานอี๋เทียบไม่ได้หรอกมั้งคะ?”
ซีเหมินจินเหลียนพูดคุยกับชายสูงผอมหลายประโยคผ่านพนักงานบริกร สุดท้ายก็เข้าใจได้ว่าเมื่อสักครู่ทำไมถึงได้มีคนคอยแต่จ้องมองเธอ เพราะหูชีเยี่ยนบอกว่าเป็นงานเลี้ยงทางการ เธอจึงตั้งใจสวมใส่เครื่องประดับเป็นพิเศษ และบนเนื้อตัวเธอมีเครื่องประดับหยกที่ดูสวยล้ำค่ากว่าในห้องโถงที่จัดแสดงอีกระดับหนึ่ง
แน่นอนนี่เลยเป็นต้นเหตุให้คนจำนวนหนึ่งสนใจเธอ แต่คนต่างชาติไม่ค่อยรู้เรื่องหยก ดังนั้นชายรูปร่างผอมสูงที่ชื่อว่าคริสอะไรนี่ ถึงได้ใช้พนักต้อนรับมาถามอย่างไร้มารยาทว่าหยกของเธอพวกนี้เป็นของจริงหรือเปล่า?
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจข้างใน ไม่อยากจะสนทนากับเขาต่อได้แต่ส่ายหน้าเตรียมตีห่าง
ผลสุดท้ายคริสไม่ยอมปล่อยให้เธอไป แถมยังให้พนักงานมาบอกกับเธอว่า “คุณจินเหลียน ผมกับคุณสมิธเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาบอกว่าหยกของเขาที่นี่เป็นหยกที่ดีที่สุดบนโลกนี้แล้ว แม้จะไปเมืองจีนก็ไม่แน่ว่าอาจจะเจอหยกที่ดีกว่านี้ และจากมาตรฐานที่เขาตั้งไว้ หยกทั้งหมดบนตัวคุณน่าจะดีกว่าที่เขานำมาจัดแสดง ผมพอจะเข้าใจได้หรือเปล่าว่าเครื่องประดับของคุณพวกนี้เป็นของปลอมลอกเลียนแบบ?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างโกรธเคือง ใช้หยกของสมิธมาเป็นตัววัด เพราะว่าตนเองดูแล้วดีเกินไป เขาเลยคิดว่ามันเป็นของปลอมงั้นเหรอ?
ก้มหน้ามองกำไลแสงดาวระยิบระยับบนข้อมือตัวเอง ภายใต้แสงไฟที่ส่องแพรวพราว ของแบบนี้ยังบอกว่าปลอมงั้นเหรอ?
“คุณคริสใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “หยกของประเทศจีน แต่ไหนแต่ไรสีเขียวมรกตใช้สังเวยสู่สวรรค์ ส่วนสีเหลืองไว้บูชาผืนแผ่นดิน หยกน้ำงามที่คุณสมิธนำมาจัดแสดงเป็นของดีล้ำค่าค่ะ เพียงแค่แม้แต่สีเหลืองยังไม่มีจะเรียกว่ามันดีที่สุดได้อย่างไร? งานพนันของชิงซื่อในวันมะรืนนี้ คุณสมิธลองเสี่ยงดวงดูสิคะว่าจะมีโอกาสได้เจอกลุ่มสีเหลืองบ้างหรือเปล่า”
พนักงานต้อนรับอยากจะแปลให้แต่ก็ยังคงงุนงัน เขาเป็นคนตะวันตกรู้ภาษาจีนก็จากการเรียนเสริมที่โรงเรียน แต่ซีเหมินจินเหลียนพูดภาษาจีนน้ำไหลไฟดับเช่นนี้ แถมยังมีศัพท์บางตัวที่ไม่เคยได้ยินอีก เขาจึงไม่รู้จะแปลอย่างไรดี
แต่ในเวลานี้มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาและแปลประโยคนี้ให้คริสฟังรอบหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาของพนักงานท่านนี้
ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจเล็กน้อย ฉินเฮ่ามาได้อย่างไร? ฉินเฮ่าเคยบอกกับเธอว่าตั้งแต่เล็กเขาเติบโตอยู่ที่ต่างประเทศ ภาษาอังกฤษจึงคล่องแคล่วลื่นไหล
ต่อมาฉินเฮ่ากับคริสก็พูดคุยสนทนากันหลายประโยค ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ใช้โอกาสนี้ตีตัวออกมา แปลกจัง หูชีเยี่ยนไปไหน? ทำไมถึงทิ้งเธอไว้คนเดียว?
“สาวงามแห่งเมืองจีน” ซีเหมินจินเหลียนหมุนตัวไปเกือบที่จะชนกับคนคนนี้เข้าจัง ฝ่ายตรงข้ามคว้าเธอไว้อย่างสุภาพแล้วพรมจูบบนมือเล็กน้อยถึงเอ่ย “คุณจินเหลียนใช่ไหมครับ?”
คนคนนี้พูดภาษาจีนได้ แถมยังพูดได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจจึงส่งยิ้มให้เขา
“ผมชื่อไมโล ไมโล เบลค” ไมโลยิ้มอย่างอบอุ่นเป็นมิตร
ซีเหมินจินเหลียนต้องยอมรับเลยว่านี่คือผู้ชายรูปหล่อประเภทเดียวกับจ่านมู่ฮวา แต่เทียบกันแล้วเธอก็ไม่ค่อยชอบผู้ชายฝั่งตะวันตกที่สันกรามชัดใบหน้าคมคาย แต่ชื่อของคนคนนี้ทำให้ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสนอกสนใจ เขาคือไมโลคนนั้น ไมโลหยกแสงอาทิตย์สีเขียว
“สวัสดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมเคยเห็นคุณจินเหลียนมาก่อน หญิงสาวตะวันออกที่งดงามที่สุด” ไมโลส่งสายตาแพรวพราว
“คุณก็ชมเกินไปแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยอะไรขนาดนั้น เพียงแต่แปลกใจเวลาคนเรียกเธอว่าคุณจินเหลียน แต่ไม่ใช่คุณซีเหมิน แต่เมื่อลองคิดๆ ดูเธอก็พออธิบายได้ คนต่างชาติมักชื่อซ้ำกัน คนจีนแซ่ซ้ำกัน มีเฉพาะชนชั้นสูงโบราณจากยุโรปเวลาแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ถึงได้ร่ายชื่อแซ่ยาวออกไป
“คุณจินเหลียนก็ชอบหยกใช่ไหมครับ?” ไมโลอมยิ้มกริ่ม
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ในใจแอบครุ่นคิดจะหาเรื่องมาคุยอย่างไรให้สนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องแสงอาทิตย์สีเขียวได้ จะทำอย่างไรให้เขายอมขายแสงอาทิตย์สีเขียวล่ะ?
“บรรพบุรุษของผมเคยไปตะวันออกดินแดนลี้ลับ สำหรับเรื่องวัฒนธรรมหยกของจีนพอที่จะศึกษามาบ้าง คุณจินเหลียนสนใจที่จะพูดคุยเรื่องหยกสักหน่อยไหมครับ?” ไมโลยิ้ม
“แน่นอนค่ะ ยินดีเหลือเกินค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกำลังกังวลใจเรื่องหาข้ออ้างอยู่พอดี เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบพยักหน้าตอบรับ
ทั้งสองหาโซฟาตัวหนึ่งและนั่งลง ไมโลยกแก้วไวน์แดงให้เธออย่างสุภาพอ่อนโยน ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะเบาๆ บ่งบอกว่าเธอชอบเครื่องดื่ม แต่ไม่ต้องการไวน์แดง เธอดื่มได้แค่แก้วด้วยแต่ก็ไม่อยากจะดื่มในสถานที่แบบนี้
ไม่ไกลจากเธอคือหูชีเยี่ยนที่เมื่อครู่ตามหาตัวไม่เจอ เขารีบทำมือคส่งสัญญาณชัยชนะไปให้ ซีเหมินจินเหลียนแอบเหยียดหยามพ่อที่น่าเบื่อของเธอในใจ
“คุณจินเหลียน เมื่อครู่ได้ยินคุณกับคริสคุยกันดูเหมือนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหยก ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยชี้แนะผมได้หรือเปล่าว่าหยกแบบไหนดีที่สุดครับ?” ไมโลยิ้ม
“พูดยากเหมือนกันค่ะเรื่องนี้” ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูถึงเอ่ยปาก “คนจีนมักจะให้ความสนใจกับเรื่องพรหมลิขิตเสมอ ส่วนหยกก็เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ขอแค่ชื่นชอบก็ดีที่สุดทั้งนั้นค่ะ”
ไมโลยิ้มๆ เห็นได้ชัดว่าซีเหมินจินเหลียนพูดพอเป็นพิธี
“ถ้างั้นพวกเราเปลี่ยนที่พูดคุยกัน จะว่ายังไงครับ?” ไมโลถามพร้อมยิ้มๆ
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “คุณอยากจะเปลี่ยนที่เหรอคะ?”
“พูดถึงเรื่องพรหมลิขิต ผมก็รู้สึกว่าผมกับคุณจินเหลียนชะตาต้องกันเหลือเกิน พวกเราต่างเป็นคนชื่นชอบในหยก เพราะหยกที่งดงามจึงทำให้พวกเรารู้จักกัน ส่วนคุณจินเหลียนเองก็คือคนสวยที่เหมือนหยกครับ” ไมโลส่งสายตาแพรวพราวราวกับปล่อยกระแสไฟฟ้า แต่ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้คิดอะไรและทำเหมือนไม่เห็น เขาจึงพูดต่อ “พวกเรามองหยกจากมุมมองทางธุรกิจเป็นอย่างไรครับ?”