ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 322 ใครพูดโกหก?
จ่านป๋ายนั่งคิดอยู่บนโซฟาประมาณห้าถึงหกนาที ถึงได้ตัดสินใจไปขอโทษซีเหมินจินเหลียนด้วยความซื่อตรง ไม่อย่างนั้นหากรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ความโกรธแค้นของเธอคงต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ เขาไม่ใช่จ่านมู่ฮวาที่ชอบแส้สักหน่อย…
อืม เรื่องครั้งนี่หนักหนาสาหัสเอาการ หนักมากๆ…ไม่ใช่แค่ใช้แส้แล้วจะสามารถบรรเทาปัญหาได้ ถ้าถูกแส้ตีแล้วแก้ปัญหาได้ เขายอมถูกเธอฟาดแส้ให้หนำใจ ความรู้สึกนั้นคงไม่เลวเลย ไม่อย่างนั้นทำไมใบหน้าของจ่านมู่ฮวาถึงได้ดูเหมือนเสพสุขทุกครั้งล่ะ? ไหนจะเต็มใจด้วยความไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีก?
เดินไปถึงชั้นบน จ่านป๋ายลูบคางของตนและครุ่นคิดถึงปัญหานี้…เธอโกรธแล้ว หรือจะอธิบายได้ถึงปัญหาบางอย่าง? ซีเหมินจินเหลียนสนใจเขา? ไม่อย่างนั้นเธอจะสนใจที่เขาพูดโกหกหรือไม่โกหกทำไมกัน? คิดได้เท่านี้จ่านป๋ายก็ดีใจออกนอกหน้า จนเกือบไม่ได้ที่จะฮึมฮัมเพลงพร้อมเต้นรำเหมือนดั่งอยู่บนฟลอร์
ห้องของซีเหมินจินเหลียนยังคงสว่างจ้า รู้อยู่แล้วว่าเธอยังไม่ได้นอนเร็วขนาดนั้น
เดินถึงหน้าประตู จ่านป๋ายเคาะประตูอย่างมีมารยาท และผ่านไปหนึ่งนาที ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ส่งเสียงเกียจคร้านผ่านมา “ประตูไม่ได้ล็อก ถึงล็อกคุณก็งัดเข้ามาได้”
“ผมไม่เคยงัดประตูมาก่อน” จ่านป๋ายยิ้ม ในระหว่างที่พูดเขาก็ผลักประตูเดินเข้าไปแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดนอนตัวโคร่งสุดสบาย ใช้ผ้าขนหนูม้วนผมที่เปียกชื้นขึ้นไปพร้อมถาม “มีธุระ?”
“คุณโกรธเหรอ” จ่านป๋ายยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดังนั้น…” ในระหว่างที่พูดเขาก็เดินไปข้างหน้าเธอ และรับผ้าขนหนูของเธอมาช่วยเช็ดผม
ซีเหมินจินเหลียนแย่งผ้าขนหนูมาจากมือของเขาพร้อมสบถด่า “สารภาพความจริงมาโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ยิ่งปฏิเสธคัดค้านโทษจะยิ่งหนัก”
“สารภาพผิดก็ต้องไปแบกอิฐที่ซินเจียง คัดค้านก็ได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่ ผมไม่คิดสารภาพผิดหรอก” จ่านป๋ายหัวเราะแห้ง
“ไม่สารภาพ?” ซีเหมินจินเหลียนยกเท้าทีบเข้าไปทางเขาพร้อมสบถด่า “ของอะไร?”
จ่านป๋ายยิ้มๆ ยังดีที่ซีเหมินจินเหลียนยอมฟังคำเขาอธิบาย เรื่องนี้จะได้จัดการได้ง่าย เขากลัวว่าแม้แต่ฟังเธอยังไม่ยอมฟังเขา ยิ่งโกรธกว่าเก่ามันจะยิ่งทุกข์ใจ ข้อดีของเธอก็คือแม้ว่าเธอจะชอบโมโหโวยวาย แต่ก็แค่ก่อเรื่องเท่านั้น ขอแค่พูดจาแจกแจงให้เธอฟังก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ชอบต่อความยาว สาวความยืด
เห็นจ่านป๋ายถูกเธอถีบไปครั้งหนึ่งแล้วยังยิ้ม ซีเหมินจินเหลียนจึงจัดการผ้าขนหนูในมือและถาม “จี้หยกที่ฉันให้คุณล่ะ? พวงกุญแจหยก?”
“ผมให้คุณสมิธยืมไปจัดแสดงโชว์” จ่านป๋ายพูด “คุณรู้แก่ใจแล้วจะถามเพื่ออะไร?”
“แล้วคืนนี้คุณไปไหนมา?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ในใจของเธอยังคงมีคำถามที่ค้างคา
จ่านป๋ายยิ้มแต่ไม่พูดจาอะไร ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวใส่เขาแล้วพูดต่อ “ฉันขอเตือนคุณไว้เลย อย่าสร้างบทละครอะไรมาหลอกฉัน วันนี้ฉันถูกคนอื่นหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง”
จ่านป๋ายได้ยินแล้ว เปล่งเสียงด้วยความไม่พอใจ “ใคร? ใครกล้ามาหลอกคุณ? ผมจะไปต่อยมันให้ฟันร่วงเลย”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วปล่อยหัวเราะออกมาครู่หนึ่งและใบ้ทางมือพร้อมพูด “คนที่พักอยู่คฤหาสน์ข้างๆ เรา ฉันไม่สนถ้าคุณจะไปเคาะประตูบ้านของเขาและไปหาเรื่องเขาฟันร่วง แต่ฉันคิดว่าก่อนที่จะไปหาเขา คุณก็ควรใส่ฟันปลอมไว้สักชุดจะดีกว่านะ”
จ่านป๋ายถอนหายใจ หูชีเยี่ยนหลอกอะไรเธออีกแล้วงั้นเหรอ? แน่นอนถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาก็อยากจะไปหาเรื่อง แล้วอาศัยโอกาสนี้หนีไป ผ่านไปสักสองวันรอให้ซีเหมินจินเหลียนลืมเรื่องวันนี้แล้วค่อยว่ากันใหม่ เวลานี้เขาคิดไม่ออกว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาโกหกเธอนี่นา สำหรับหูชีเยี่ยนไม่ใช่ปัญหาเรื่องต่อยได้หรือไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขาเป็นพ่อของซีเหมินจินเหลียน เห็นท่าแล้วจะมีแต่ตนที่ควรถูกต่อยเองเสียมากกว่า
“หงส์เฒ่าตัวนั้น ผมไม่กล้าไปหาเรื่องเขาหรอก” จ่านป๋ายถอนกายใจพูด
“คุณว่าอะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วยกเท้าถีบไปอีกแรงพร้อมก่นด่า “คุณกล้าบอกว่าพ่อฉันเป็นหงส์เฒ่า?”
จ่านป๋ายมึนงง ทันใดนั้นก็คิดว่าชายหงส์ไม่ใช่คำศัพท์ที่มีความหมายทางบวกอะไรจึงรีบพูด “ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ฉันถามคุณ…” ซีเหมินจินเหลียนเก็บผ้าขนหนูและใช้นิ้วมือจัดการผม “งานเลี้ยงคืนนี้ของสมิธ มีของถูกขโมย คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“รู้สิ” จ่านป๋ายไม่ได้ปิดบังสักนิด ได้แต่พยักหน้าตรงๆ “สมิธโทรมาหาผมแล้ว”
“คุณเป็นคนทำหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่ใช่ผม” จ่านป๋ายส่ายหน้าติดต่อกัน “ไม่ใช่แน่ๆ”
“นอกจากคุณ ยังจะมีใครต้องการหยกแสงอาทิตย์สีเขียวอีก?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพูด “เสี่ยวป๋าย คุณพูดความจริงกับฉัน คุณเป็นคนทำหรือเปล่า?”
“จินเหลียน…” จ่านป๋ายไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาขโมยของเธอถึงได้คิดว่าเขาเป็นคนทำ? หรือว่าบนโลกนี้จะมีแค่เขาที่เป็นโจร? “ผมล้างมือไปตั้งหลายปี ผมไม่ได้เป็นหัวขโมยแล้ว”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดเสียงเบา “เสี่ยวป๋าย ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉันและดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่ฉันไม่ได้อยากให้คุณไปเสี่ยงอันตราย คุณรู้ไหม?”
“ผมรู้” จ่านป๋ายกุมมือเธอพลันถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูด “จินเหลียน คืนนี้ผมทำเรื่องที่ต้องขอโทษคุณ แต่หยกแสงอาทิตย์สีเขียวก้อนนั้นผมไม่ได้เป็นคนทำอะไรกับมัน แม้ว่าผมจะรู้ว่าใครเป็นคนทำก็ตาม”
“ไม่ใช่คุณ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
จ่านป๋ายพยักหน้ายืนยัน “ผมสาบาน”
ซีเหมินจินเหลียนกดมือของเขาพร้อมถอนหายใจพูด “ฉันจะต้องการคำสาบานของคุณไปทำไม คุณยังไม่เข้าใจเลย ทำไมฉันต้องโกรธด้วย”
“เพราะผมโกหกคุณ” จ่านป๋ายได้ยินแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วโกรธจนไม่อยากจะตี แต่ถีบเขาไปอย่างเ**้ยมโหดพร้อมสบถด่า “ออกไป”
“จินเหลียน…” จ่านป๋ายไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่ยังพูดกันดีๆ อยู่เลย ทำไมแค่ประโยคเดียวเธอก็โกรธแล้ว? “ผมผิดไปแล้วยังไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นผมให้คุณตบตีระบายอารมณ์ ตบมาที่หน้าผมก็ได้ทั้งนั้น”
“หรือว่าคุณกับพี่ชายของคุณจะมีความชอบพิเศษเหมือนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผมไม่ได้วิปริตเหมือนเขาสักหน่อย” จ่านป๋ายรีบพูดว่าเขากับจ่านมู่ฮวาไม่ใช่ประเภทเดียวกัน
ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงอยู่บนโซฟาพร้อมถอนหายใจพูด “เรื่องที่คุณโกหกฉันมีมากเหลือเกิน ฉันไม่สนหรอกถ้ามันแค่เรื่องสองเรื่อง แต่คุณยังแบกหน้าไม่อายมาพึ่งพาฉัน ฉันเลยคิดว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน คุณรู้หรือเปล่า? ฉันไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย ไม่ว่าจะไปเสี่ยงอันตรายที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคดีในคืนนี้คุณ เป็นคนทำจริงๆ หลังจากที่ฉันกลับไปฉันจะตัดสองขาสองแขนคุณให้ขาดสะบั้น ดูสิว่าต่อจากนี้คุณจะกล้าเป็นขโมยอีกหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แน่นอน คืนนี้ผมแค่ถูกคน…” จ่านป๋ายพูดได้เท่านี้ สายตาเห็นซีเหมินจินเหลียนมีสีหน้าไม่มีความสุขจึงรีบถาม “ผมบอกแล้วคุณห้ามตีผมนะ”
“ฉันไม่ได้ชอบใช้ความรุนแรงสักหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนโกรธ
“บางครั้งคุณก็มีบ้าง” จ่านป๋ายพูดแจกแจง “เมื่อก่อนผมเคยบอกคุณว่าผมพอมีรากฐานอยู่ที่อเมริกา ดังนั้นผมเลยมีแฟนสาวอยู่ที่อเมริกาคนหนึ่ง คืนนี้จึงไม่มีทางเลือกจำต้องติดต่อไปหาเธอ ในเวลาเดียวกันก็บอกกับเธอเรื่องเลิกรากันให้ชัดเจน”
“จริงเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
จ่านป๋ายพยักหน้าอย่างแรง “เธอเป็นผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคม เดิมทีเธอก็ไม่ได้สนใจคนอย่างผมหรอก เลิกกันเลยเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว”
“ผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคมงั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“อืม เธอเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา” จ่านป๋ายโคลงศีรษะพูด “เริ่มแรกที่พวกเรารู้จักกันก็เพราะว่าผมเป็นคนจีน เธอค่อนข้างสนใจในวัฒนธรรมของจีน ส่วนตอนนี้เธอเองก็มีผู้ชายคนใหม่แล้ว ดังนั้นบอกให้ชัดเรื่องเลิกราเลยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด”
“โอ้?” น้ำเสียงของซีเหมินจินเหลียนเจ็บปวด “คุณหนูของกระทรวงนี่นา”
“คุณเป็นถึงเจ้าหญิงของผมเชียวนะ” จ่านป๋ายจู่ๆ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษจูบที่มือเธอ
ซีเหมินจินเหลียนขนลุกชันไปทั้งตัวพร้อมสบถด่า “คุณทำบ้าอะไร? วันนี้ฉันก็ถูกคนพรมจูบไปตั้งหลายครั้ง คุณยังจะมาอย่างนี้อีก?”
“ผมรู้” จ่านป๋ายยิ้ม “ถ้าผมไม่ถือโอกาสนี้แอบขโมยจูบ ผมก็เสียเปรียบน่ะสิ”
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี จากนั้นจึงพูดยืนยันอีกครั้ง “คุณแค่ไปพบกับแฟนเก่าของคุณจริงๆ ใช่ไหม?”
“ถ้าคุณไม่เชื่อ พรุ่งนี้เธอจะไปพนันเงินที่คาสิโน ผมจะแนะนำให้พวกคุณรู้จักกัน คุณไปถามเธอเอง ผู้หญิงต่างชาติกับคนจีนไม่เหมือนกัน พวกเขาเป็นคนเปิดเผย คบหาเพื่อนกับเรื่องเลิกราต่างมองแค่ว่าเป็นเหมือนทำกับข้าวมื้อธรรมดากินกัน” จ่านป๋ายพูด
“อืม ฉันก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร เรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันก็ไม่อยากจะก้าวก่าย” ซีเหมินจินเหลียนเปลี่ยนทีท่าเป็นจองผยองพร้อมยิ้ม
“หูชีเยี่ยนมาทำอะไรที่ลาสเวกัส?” จ่านป๋ายรีบเบี่ยงประเด็น หวังว่าคำพูดในคืนนี้จะจบลงแค่นี้ เธอจะไม่ต้องตามซักถามต่อไป
“ตามหาหินหยกดิบจำนวนหนึ่ง” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด
“หินหยกดิบอะไร ถึงมีค่าทำให้คนอย่างเขามาเองถึงที่นี่ได้?” จ่านป๋ายถามด้วยความไม่เข้าใจ
ซีเหมินจินเหลียนใจกระตุกวาบ งานพนันของชิงซื่อที่สมิธจัดขึ้น เขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ที่สุด อีกอย่างจากที่เธอรู้มา จ่านป๋ายก็มีหุ้นอยู่ในนั้น บางทีเขาอาจจะรู้เค้าเรื่องมาบ้าง
“คุณรู้แหล่งที่มาของหินหยกดิบพวกนี้ของคุณสมิธหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“รู้สิ” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ผมเคยพูดกับคุณแล้ว มีจำนวนหนึ่งในนั้นมาจากตอนที่พันธมิตรแปดชาติเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวน บรรพบุรุษของสมิธคนนี้ก็คือพวกรุกรานเข้ามาในจีน เขาสนใจหินหยกเหล่านั้นจึงขนย้ายกลับไป จากนั้นหินหยกเหล่านั้นก็เก็บไว้มาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีจำพวกหนึ่งที่สมิธร่วมมือกับคนอื่น ซื้อกลับมาจากพม่า แหล่งกำเนิดของหินหยกดิบเหล่านี้น่าจะไม่มีปัญหาอะไร พวกเราสบายใจที่จะพนันได้เลย”
“พ่อของฉันเข้าควบคุมฝั่งพม่า บอกว่าหาแหล่งที่มาของหินหยกดิบพวกนี้ไม่เจอ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “จากอำนาจที่เขามีอยู่ที่พม่า ถ้าหาแหล่งกำเนิดไม่เจอ เกรงว่าคงมีปัญหาจริงๆ แล้ว”
“เป็นไปได้อย่างไร?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คุณหูหลอกคุณหรือเปล่า?”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ ขอแค่ไม่ใช่เรื่องหินซ่อมฟ้ากับเรื่องยี่สิบปีตั้งแต่เริ่มจนจบของเขา หูชีเยี่ยนไม่น่าจะโกหกเธอ จ่านป๋ายเห็นสถานการณ์แล้วรีบพูด “เรื่องอื่นไม่ว่า สมิธร่วมหุ้นทำธุรกิจกับผมเมื่อสามปี ก่อน ในนั้นมีหินหยกดิบจำนวนหนึ่งเข้ามาในสหรัฐอเมริกา ผมมาเข้าร่วมด้วยตัวเอง แม้ว่าผมจะไม่ได้ไปพม่าและไม่รู้ว่ามาจากเหมืองหยกที่ไหน แต่ที่พม่าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ น่ะเหรอ? อีกอย่างนอกจากพม่าแล้วยังจะมีที่ไหนผลิตหินหยกดิบได้อีกล่ะ? อืม ได้ยินว่าที่ญี่ปุ่นก็พอมีบ้าง แต่ก็มีน้อยหายาก ไม่มีทางที่จะส่งออกมาได้”