ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 1 จากไป
ที่แห่งนี้คือภูเขาแห้งแล้งนิรนามลูกหนึ่ง ทั้งรกร้างและเสื่อมโทรม รอยเท้าของอารยธรรมสมัยใหม่หลงทางอยู่ที่นี่
ภายในภูเขาแห้งแล้งแห่งนี้ มีบ้านเรือนที่ทรุดโทรมอยู่เพียงไม่กี่หลัง เลี้ยงชีพโดยการเลี้ยงสัตว์และทำการเกษตร อยู่อย่างพอเพียง แต่ก็ถือว่าเรียบง่าย ในเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์ตกสะท้อนแสงอันงดงามบนขอบฟ้า ปกคลุมท้องฟ้าด้านทิศตะวันตก แสงสีทองมากมายรักษาความรุ่งโรจน์สุดท้ายเอาไว้
ในบริเวณที่ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก มีแอ่งน้ำแห่งหนึ่งเชื่อมกับน้ำตกที่ไหลเชี่ยว เด็กหนุ่มในชุดผ้าดิบอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด หน้าตาสะอาดสะอ้าน ไม่ได้หยาบกระด้างเหมือนอย่างเด็กที่โตบนภูเขา ตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนกลมมน แหงนหน้ามองแสงยามเย็นทางฝั่งตะวันตก จิตใจล่องลอยไปไกล
เด็กหนุ่มยื่นมือเข้าไปในสายน้ำ บีบข้อนิ้วข้อหนึ่ง ระหว่างนิ้วพลันเกิดแสงสีทองอ่อนๆ กลายเป็นดอกบัวดอกหนึ่งเบ่งบานอยู่ในน้ำที่ส่องแสงระยิบระยับ นี่เป็นภาพที่แปลกประหลาดมาก โชคดีที่ไม่มีใครเห็น มิเช่นนั้น จะต้องสร้างความฮือฮาอย่างแน่นอน
“สือโท่ว…” ด้านหลัง เด็กหนุ่มอีกคนขานเรียก ดูแล้วอายุมากกว่าเขาไม่มากนัก ใบหน้าทรงเหลี่ยมคมสัน อยู่ในชุดผ้าดิบเช่นเดียวกับเขา แม้จะดูธรรมดา แต่ข้อมือข้างซ้ายของเขา กลับมีงูสีขาวตัวเล็กพันอยู่ แฝงความพิลึกเช่นเดียวกัน
เด็กหนุ่มที่ถูกขานชื่อว่าสือโท่วหันกลับมา มองเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเขาไม่มากพร้อมเอ่ยถาม .”ผีงู เป็นยังไง?”
“คุณท่านให้นายปล่อยเขาไป” ผีงูพูดเสียงต่ำ
“หืม?” สือโท่วเพียงรับคำ ครู่ใหญ่จึงพูดว่า “แม่ฉันว่ายังไง?”
“น้าอวิ๋นไม่ได้ว่าอะไรเลย” เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าผีงูนั่งลงข้างๆเขา พร้อมพูดเสียงต่ำ “ฉันรู้ว่านายไม่สบายใจ ฉันเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน นายดูสิอยู่ดีๆ ฉันก็มีพี่ชายที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน อีกอย่างทำไมเราสองตระกูลยังเป็นศัตรูกันมาหลายชั่วคนอีก”
“ฉันพอรู้มาบ้าง” สือโท่วเผยรอยยิ้มที่แฝงความเย้ยหยัน “แม่ฉันท้องก่อนแต่ง หลังจากนั้นไม่รู้ทำไม พ่อที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าก็ไปหมั้นหมายกับน้องสาวแม่ฉัน ตอนนั้นพ่อนายได้เข้ามาฉวยโอกาส หลอกลวงให้แม่ฉันหนีไปกับเขา ซ่อนตัวกันอยู่ในสถานที่รกร้างแห่งนี้ รู้ตัวอีกทีก็ซ่อนมานานขนาดนี้แล้ว”
ผีงูไม่อยากจะเชื่อ ชี้จมูกตัวเองถาม “แล้วฉัน…ระเบิดออกมาจากหินงั้นเหรอ?”
“หน็อย…” สือโท่วยิ้มไปตำหนิไป “จะเอาเปรียบฉันเหรอ? คุณท่านก็ต้องมีภรรยาอยู่แล้วสิ อีกอย่าง ฉันรับประกันได้ว่า คุณท่านของนายไม่ได้โกหกนาย นายกับซีเหมินน่งเยว่นั่นเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน…ชื่อในตระกูลนายน่าสนใจจริงๆ น่งเยว่ เวิ่นเสว่ เหลียนเฟิง ถ้ามีอีกคนจะเรียกว่าอะไร ซีฮวา?”
“ฉันว่าคุณท่านก็คงคิดแบบนี้” ซีเหมินเวิ่นเสว่พยักหน้าพร้อมยิ้มกล่าว “ตั้งแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีความรู้ สง่างาม…แต่ว่าชื่อนายก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน หูชีเยี่ยน? ถ้าแม่นายมีลูกสาว จะตั้งชื่อว่าอะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้เช่นกัน” หูชีเยี่ยนพรางพายมือออกยิ้มพูด
“ชีเยี่ยน” คนชราอายุราวๆ ห้าสิบปีคนหนึ่ง ปรากฏตัวข้างหลังทั้งสองโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินทะเลที่ดูเก่าแก่ สีหน้าซีดเผือด เหมือนไม่ได้โดนแสงแดดมานาน คนแบบนี้…ดูไม่เหมือนคนที่อาศัยอยู่ในป่า
หูชีเยี่ยนหันกลับไปมองเขา คนชราพลันถอนหายใจเบาๆ “ปล่อยเขาไปเถอะ ยังไงเขาก็เป็นลูกฉัน ตอนนั้นฉันทิ้งพวกนั้นสองแม่ลูกไป ก็ถือว่าไม่สมควรแล้ว ฉันคงทนดูพวกนาย…”
“คุณก็น่าจะรู้ว่า ถ้าฉันปล่อยเขาไป พวกคุณก็ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้แล้ว” หูชีเยี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น
“ฉันรู้” คนชราพยักหน้ารับ
หูชีเยี่ยนพยักหน้า พูดกับซีเหมินเวิ่นเสว่ที่อยู่ข้างๆ ว่า “นายไปปล่อยเขาซะ ช่างเถอะ…”
“ได้” ซีเหมินเวิ่นเสว่พยักหน้า ลุกยืนขึ้นโดยไม่เห็นว่าจะมีปฏิกิริยาอื่นใด พลันกระโจนลงน้ำตกไป และภายในน้ำตกนั้นกลับมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มืดสนิท
แต่ว่าวรยุทธของซีเหมินเวิ่นเสว่นั้นไม่ธรรมดา และยังคุ้นชินกับพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เพียงพลิกตัว กระโดดลงไปในถ้ำ ในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็พาชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเศษเดินออกมา
“พ่อนายมาขอร้องแทนนาย เหอะ…” หูชีเยี่ยนพูดอย่างเย้ยหยันเป็นที่สุด ใบหน้าอันอ่อนเยาว์อย่างคนอายุสิบเจ็ดสิบแปดนี้กลับเผยรอยยิ้มอันเกินอายุที่ยากจะปกปิดเช่นนี้
แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นคือซีเหมินน่งเยว่ เห็นเช่นนั้นก็เหลือบมองคนชรา แต่กลับไม่ได้พูดอะไร ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “คุณไม่ฆ่าฉัน สักวันฉันก็จะฆ่าคุณ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร”
หูชีเยี่ยนพยักหน้าให้เขา “ฉันรู้ ในเมื่อเป็นศัตรูกันมาแต่บรรพบุรุษ แน่นอนว่าไม่ตายกันไปข้างก็ไม่ตอบ”
ซีเหมินน่งเยว่ไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวเดินออกจากหมู่บ้านไป แต่ก็ไม่ได้มองคนชราอีกเลยแม้แต่เสี้ยวสายตาเดียว
ขอบฟ้าทางฝั่งตะวันตก ความมืดสลัวได้ครอบคลุมแสงอร่ามในยามเย็น จันทราได้เหย้าสู่ฟ้า แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ…
“กลับไปเถิด” คนชราพูดพลางเอามือไพล่หลัง เดินนำเข้าหมู่บ้านไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บางครั้งโลกใบนี้ก็กลมจนน่าขัน
“สือโท่ว กลับไปกิน” ซีเหมินเวิ่นเสว่เรียกหูชีเยี่ยน
“นายกลับไปก่อน ฉันขอนั่งอีกสักพัก” หูชีเยี่ยนส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นนายอย่าอยู่ดึกนักหล่ะ น้าอวิ๋นยิ่งโมโหร้ายอยู่ ถ้ากลับดึก…” ซีเหมินเวิ่นเสว่กำชับ พูดยังไม่ทันจบ กลับถอนหายใจเบาๆ ที หลายปีมานี้น้าอวิ๋นเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เอาความแค้นที่มีต่อผู้ชายที่ทอดทิ้งเธอไป มาลงกับเด็กไร้เดียงสา ได้ยินมาว่า ถึงขั้นที่เคยคิดจะจับหูชีเยี่ยนกดน้ำให้ตายตอนที่เขาเพิ่งเกิด
แม้ว่าจะถูกคนชราช่วยเอาไว้ได้ แต่ปอดกลับได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นโรคติดตัว…หากแม้จะเป็นเช่นนี้ หูชีเยี่ยนก็ยังคงเติบโตภายใต้การสั่งสอนด้วยไม้เรียวของเธอ
รอจนกว่าซีเหมินเวิ่นเสว่เดินจากไปแล้ว หูชีเยี่ยนก็นอนลงบนหินข้างแอ่งน้ำอีกครั้ง ผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั่งพระจันทร์ทยายขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาจึงลุกเดินตรงไปยังทางออกหมู่บ้าน
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะถึงทางออกหมู่บ้าน เสียงหนึ่งพลันยิ้มพูดขึ้นอย่างกะทันหัน “ฉันว่าแล้วว่านายต้องไป”
“ผีงู” หูชีเยี่ยนจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงทางออกหมู่บ้าน พลันส่ายหน้าพูด “นายอย่าห้ามฉัน”
“ฉันไม่ได้จะมาห้ามนาย ฉันก็แค่จะไปด้วย” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูดอย่างสดใส “เราสองคนอยู่ตั้งแต่เด็ก นายจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้ยังไง?”
“คุณท่านรู้เรื่องนี้มั้ย?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วถาม
“ทราบ น้าอวิ๋นเองก็รู้” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถอนหายใจ “น้าอวิ๋นให้ฉันเอาอันนี้มาให้นาย” ระหว่างที่พูด เขาก็ยื่นถุงเงินปักลายใบหนึ่งให้
ถุงเงินตกลงฝ่ามือแล้วรู้สึกค่อนข้างหนัก หูซีเยี่ยนเปิดดู จึงเห็นว่าข้างในเป็นทองก้อนสองก้อนตามคาด…เขารู้ฐานะที่แท้จริงของมารดา นี่คงเป็นสิ่งที่เธอเอาติดตัวมาด้วยในตอนนั้น
” น้าอวิ๋นฝากให้ฉันบอกบางอย่างกับนาย” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดเสียงต่ำ
“อะไร?” หูซีเยี่ยนเอ่ยถาม
“ถ้านายเดินออกจากทางออกหมู่บ้านไป นับแต่นี้ เธอกับนายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูด
“อ่อ…ฉันเข้าใจ” หูซีเยี่ยนกำหมัดแน่น ขานรับว่า…ฉันเข้าใจด้วยเสียงอันราบเรียบ ถ้าเขาเดินออกจากหมู่บ้านไป ก็จะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดนั้นอยู่แล้ว
“อีกอย่าง…” เมื่อเห็นว่าหูซีเยี่ยนเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ ซีเหมินเวิ่นเสว่จึงตามไป พลันพูดต่อว่า “น้าอวิ๋นบอกว่า ถ้านายไม่อยากตายไว ชีวิตนี้อย่าแตะต้องก้อนหินอีกจะดีที่สุด”
“ฉันไม่แตะก้อนหินหรอก” หูซีเยี่ยนยังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ…นี่อาจจะเป็นคำสั่งสุดท้ายของมารดาสินะ
สุดท้ายเงาร่างของทั้งสองก็หายไปจากทางออกหมู่บ้าน และในเวลาเดียวกัน เงาร่างอันเปราะบางปรากฏท่ามกลางความมืด เขย่งเท้ามองตำแหน่งที่พวกเขาจากไป
“คุณหนูเหลียนเฟิง” ทันใดนั้นเสียงอันเย็นชาหนึ่งพลันดังแว่วขึ้นจากด้านหลังเธอ
ซีเหมินเหลียนเฟิงตกใจ รีบหันกลับไป แต่กลับเห็นซีเหมินน่งเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ภายใต้แสงจันทร์ สีหน้าของเขาขาวซีดราวกับคนตาย
ซีเหมินเหลียนเฟิงรู้สึกกลัวไม่น้อย บิดาเคยบอกว่า คนคนนี้เป็นพี่ชายของเธอ แต่ดูแปลกประหลาดมากจริงๆ ในหมู่บ้านกลางเขาแห่งนี้ ไม่เคยมีใครเรียกเธอว่า…คุณหนู
“คุณหนูเหลียนเฟิงไม่อยากออกไป ดูโลกอันสวยงามภายนอกเหรอ?” ซีเหมินน่งเยว่เอ่ยถาม
“ฉัน…” ซีเหมินเหลียนเฟิงเดินถอยหลังไปอีกก้าว โลกภายนอกงั้นเหรอ? น่าดึงดูดมากจริงๆ แต่เธอรู้สึกหวาดกลัว เพราะเธอไม่ใช่หูซีเยี่ยนและไม่ใช่ซีเหมินเวิ่นเสว่
“เธอก็น่าจะรู้ดีว่าพี่สือโท่วของเธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว” เสียงพูดของซีเหมินน่งเยว่ยังคงเย็นชาดั่งเดิม
“พี่สือโท่วจะไม่กลับมาแล้วจริงๆ หรือ?” ซีเหมินเหลียนเฟิงถามเสียงต่ำ
“แน่นอนสิ เพราะฉะนั้น ถ้าเธออยากเจอเขา มีเพียงวิธีเดียวก็คือตามเขาออกไป” ซีเหมินน่งเยว่พูดอีกครั้ง
“แต่ว่า ฉันกลัว” ซีเหมินเหลียนเฟิงเงยหน้ามองซีเหมินน่งเยว่
“ไม่ต้องกลัว ผู้หญิงตระกลูซีเหมินของเรา ล้วนเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่ทุกคนทะนุถนอม จะมาซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าอันรกร้างแบบนี้ได้ยังไง?” ซีเหมินน่งเยว่พูดเสียงเรียบ “ถ้าเธออยากไป ก็ไปตอนนี้เลย…”
“โลกภายนอกงั้นเหรอ? หูซีเยี่ยน…พี่สือโท่วของเธอ เขาเคยบอกว่า เขาจะแต่งงานกับเธอ แต่เขากลับจากไปแล้ว…” ซีเหมินเหลียนเฟิงอ่อนไหว จะวิ่งตามรอยเท้าเขาไปหรือไม่?
เงยหน้าขึ้นอีกทีกลับเห็นมือที่ยื่นเข้ามาของซีเหมินน่งเยว่ คิดๆ แล้วเธอก็ยื่นมือออกไป จับมือพี่ชายที่มีโอกาสได้พบกันเพียงแค่ครั้งเดียว ปล่อยให้เขาจูงมือเธอ ย้ำเท้าเดินไปยังโลกที่ไม่รู้จัก
โลกภายนอก มีแสงสีสถานบันเทิงยามค่ำคืน ความลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ ในขณะเดียวกัน ก็มีการเสแสร้งต่อกัน เต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว
และหลังจากหูซีเยี่ยนและซีเหมินเวิ่นเสว่ออกจากหมู่บ้านได้ไม่นาน ก็ได้พบกับความจริงที่แสนโหดร้ายอย่างหนึ่ง…ในเมืองใหญ่นั้นดีไปเสียทุกอย่าง มีหลายอย่างที่หมู่บ้านกลางเขาไม่มี คนมาก รถมาก เงินก็มาก…
แต่ในขณะเดียวกัน ที่แห่งนี้ทั้งอาหารการกินและที่พักก็ล้วนต้องใช้เงิน แต่พวกเขาไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว…หูซีเยี่ยนตัดใจขายทองก้อนทั้งสองที่มารดาให้มาไม่ได้จริงๆ และตัวซีเหมินเวิ่นเสว่เองก็มีเงินติดตัวแค่ห้าร้อยหยวน ซึ่งไม่นานก็ร่อยหรอลง
ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านกลางเขา บิดาของซีเหมินเวิ่นเสว่เป็นหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน ฝีมือการแพทย์ขั้นเทพของเขา ได้รับการยอมรับจากทุกคน รวมทั้งยังอ่านออกเขียนได้ อย่าว่าแต่หมู่บ้านของพวกเขาเลย แม้แต่พวกหมู่บ้านเล็กๆ บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นไข้ตัวร้อนอะไรก็ล้วนพากันไปหาเขา
บนภูเขานั้นเต็มไปด้วยของมีค่า ยาสมุนไพรก็หลากหลาย คุณท่านมักจะเก็บยาสมุนไพร ลงเขาไปแลกเงิน ซีเหมินเวิ่นเสว่เองก็มีทักษะไม่น้อย มักจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ ขนสัตว์สามารถนำมาแลกเงินได้ ทุกคนในครอบครัวจึงใช้ชีวิตกันอย่างมั่งมี แต่พอลงจากเขา ทั้งสองกลับมืดแปดด้านไปซะงั้น