ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 2 วิถีโลกาอันโหดร้าย
หูชีเยี่ยนเดินทางไปหลายที่มาก เพื่อตามหางานทำ จนปัญญากับโลกสมัยใหม่ ที่ไม่ว่าจะหางานอะไรล้วนต้องมีใบปริญญาที่แข็งแกร่ง แต่น่าสงสารที่แม้เขาจะอ่านหนังสือสี่หนังสือห้าคัมภีร์ได้อย่างคล่องแคล่ว ความรู้ท่วมหัว แต่ไม่เคยเข้าโรงเรียนอย่างจริงจัง อย่าว่าแต่ใบปริญญาเลย เขาไม่เคยได้รับใบอะไรทั้งนั้นแหละ จึงถูกมองบนกลับไม่น้อยเลย
สุดท้าย ทั้งสองก็ได้เปลี่ยนไปที่กว่างโจว ไซต์งานก่อนสร้างแห่งหนึ่งกำลังรับสมัครคนงานพอดี ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นว่าเหลือเงินเพียงไม่กี่สิบหยวนแล้ว ถ้าเดินทางต่อ กลัวว่าจะไม่พอค่ารถไฟด้วยซ้ำ จึงพาหูชีเยี่ยนไปสมัครพร้อมกัน
สุดท้ายเพราะจุดเด่นเรื่องความหนุ่ม ทำให้ถูกเลือกทั้งสอง เงินเดือนเดือนละแปดร้อยหยวน มีอาหารให้สองมื้อ มีที่พักให้บนไซต์งาน ฟังดูสวัสดิการไม่เลวเลย แต่เมื่อทำงานนี้ได้เพียงสองวัน หูชีเยี่ยนเริ่มทำไม่ไหวแล้ว เวลาทำงานต่อวันเกือบสิบสองชั่วโมง ล้วนเป็นงานที่ต้องใช้กำลังอย่างหนักหน่วง กลางวันทำงานกลางแสงแดดอันแรงกล้า ตกดึกคนนับสิบนอนเบียดเสียดอยู่ในเต็นท์ทำงาน อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าและเหงื่อ…
เขาเป็นคนรักความสะอาด ทนชีวิตที่ต้องเบียดอยู่ในห้องเดียวกันกับคนอื่นไม่ได้ ยิ่งทนไม่ได้ที่ต้องไปแย่งข้าวเปล่าและผักกาดขาวที่ไร้ซึ่งคุณประโยชน์อยู่ในโรงอาหารกับทุกคน
“เราทำเดือนเดียว รับเงินเดือนแล้วไปเลย” ซีเหมินเวิ่นเสว่รู้ความคิดเขา จึงปลอบใจเขาว่า “ถ้านายไม่อยากทำต่อแล้วจริงๆ นายไม่ต้องทำก็ได้ ฉันทำคนเดียว” กลางคืนทั้งสองนอนคุยกันเบาๆ อยู่ในมุมของเต็นท์ทำงาน
“ไม่ได้ ฉันมีมือมีเท้า ไม่มีเหตุผลที่จะมาให้นายเลี้ยงดู” หูชีเยี่ยนส่ายหน้า “ทำเดือนเดียวแล้วค่อยว่ากัน”
“ฉันรู้ว่านายไม่จำยอม” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถอนหายใจเบาๆ แต่นี่คือความจริง บางครั้งมันก็โหดร้ายซะจนเราไม่อาจต้านทานได้
“นอนเถอะ นายไม่เหนื่อยฉันเหนื่อย” หูชีเยี่ยนจับแขนทั้งสองที่ปวดระบม…ไม่สิ ไม่เพียงแต่แขนเท่านั้น เขาปวดไปทั่วร่างกาย งานใช้แรงงานอันหนักหน่วง เขารับไม่ไหวจริงๆ
ในไซต์งานก่อสร้าง แต่ละรอบอย่างน้อยต้องแบกปูนซีเมนต์ ดิน ทราย หินกรวด ก้อนหิน อิฐสองถุง…ไม่ระวังก็ได้แผลมา เขาหลับตาลง ถอนหายใจเบาๆ
“สือโท่ว ถ้าฉันไม่ได้ตามนายมา นายเตรียมจะทำอย่างไร” จู่ๆ ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็เอ่ยถามขึ้น
“นายรู้อยู่แล้วนี่” หูชีเยี่ยนลืมตาขึ้นมองเขา ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เขาเหนื่อยล้ามากจริงๆ
“น้าอวิ๋นไม่อยากให้นายไปหรอก” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดเสียงแผ่ว ข้างหูกลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของหูชีเยี่ยน
ซีเหมินเวิ่นเสว่ดึงผ้าห่มขาดๆ ผืนหนึ่งมาคลุมบนตัวหูชีเยี่ยน นอนลงข้างกายเขา แล้วตะแคงจ้องมองดูหูชีเยี่ยนที่หลับสนิทไปแล้ว พร้อมถอนกายใจเบาๆ บางทีอาจจะยังมีทางอื่น กลับไปเถอะ หมู่บ้านในกลางเขาแม้จะเรียบง่าย แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง และไม่ต้องมาทนลำบากแบบนี้ อีกอย่าง ด้วยความที่ร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง จึงถูกคนในไซต์งานดูถูกและนินทาว่าร้ายมาโดยตลอด…
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป กลัวว่าใครก็คงไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ แต่บิดาบอกว่า
เมื่อคิดถึงคำพูดของคุณท่าน ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็ออกแรงกำหมัดแน่น เสียงนิ้วมือดังลั่น ไม่ได้ จะต้องจับตาเขาไว้ มิฉะนั้นต้องอันตรายมากแน่
ครึ่งเดือนต่อมา ร่างกายของหูชีเยี่ยนยิ่งทรุดลง ใช้แรงงานอย่างหนักหน่วงทุกคน ไม่เพียงไม่สามารถทำให้ร่างกายของเขากำยำขึ้นบ้าง กลับยังได้โรคมาเพิ่มมากมาย แต่เขาก็มีความอดทนมาก ปิดบังซีเหมินเวิ่นเสว่มาโดยตลอด กัดฟันทนต่อไป
ทำงานได้ประมาณสิบวัน ผู้ดูแลไซต์งานก่อสร้างที่มีฉายาว่าหวงเหมา ได้ย้ายซีเหมินเวิ่นเสว่ไปอีกที่ ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน นับแต่นั้นมา เพราะซีเหมินเวิ่นเสว่ไม่ได้อยู่ด้วย นักเลงในพื้นที่เริ่มที่จะรังแกเขาอยู่มาเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ก็คืออยากรับน้อง
แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาเองก็จนปัญญานัก บางครั้งโดนต่อยมา ตกดึกซีเหมินเวิ่นเสว่ถามขึ้น เขาก็ตอบเพียงว่า ตนเองไม่ระวังเลยลื่นล้ม
เพียงพริบตาก็เป็นเวลาหนึ่งเดือน
“พรุ่งนี้ได้เงินเดือนแล้ว ฉันจะพานายออกไป” ซีเหมินเวิ่นเสว่มองหูชีเยี่ยนที่นั่งพิงกำแพง เหม่ออยู่พลันเสียงต่ำ
“แล้วนายจะพาฉันไปไหน?” พักใหญ่เสียงของหูชีเยี่ยนจึงตอบกลับเรียบๆ “ไปที่ไหนก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น จริงสิ ฉันเห็นนายมีบุหรี่ ขอฉันมวนหนึ่งสิ”
“นายมีโรคติดตัวตั้งแต่เด็ก ยังจะสูบบุหรี่อีกเหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหน้า ในขณะที่ปากพูดอยู่ กลับหยิบซองบุหรี่ออกจากกระเป๋า ยื่นให้เขา พร้อมทั้งโยนไฟแช็คที่ได้มาฟรีตอนซื้อบุหรี่ไปด้วย
มือเรียวยาวของหูชีเยี่ยน เดิมทีขาวดุจก้อนหยก ตอนนี้ผ่านไปเพียงเดือนเดียวเท่านั้น กลับถูกถูจนหยาบกร้านไปหมดแล้ว หลังมือยังมีรอยแผลและฟกช้ำมากจากการโดนบาดมากมาย เขาค่อยๆ ดึงเอาบุหรี่มวนหนึ่งในซองออกมา คาบไว้ที่ปาก ใช้ไฟแช็คจุดไปที่ปลายบุหรี่ แล้วสูบแรงๆ ทีหนึ่ง
ควันบุหรี่สำลักเข้าปวด เขาเริ่มไออย่างรุนแรง ซีเหมินเวิ่นเสว่เดินเข้ามา ยื่นมือไปตบหลังเขาเบาๆ
“สือโท่ว นายไม่ต้องสูบแล้ว…” ซีเหมินเวิ่นเสว่ขมวดคิ้ว พักนี้ สภาพของหูชีเยี่ยนไม่สู้ดีนัก พรุ่งนี้ต้องรีบพาเขาออกจากที่แห่งนี้
“วันนี้ฉันได้ยินคนในไซต์งานบอกว่า ตอนนี้วัตถุโบราณทำเงินได้ดีมาก” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็พูดขึ้น
“วัตถุโบราณ เพชรพลอย เป็นของที่มีค่าที่สุดเสมอมา” ซีเหมินเวิ่นเสว่นั่งลงข้างๆ เขา พร้อมยิ้มพูด “แต่เราไม่มี”
หูชีเยี่ยนสูบบุหรี่อีกที พ่นควันออกมา พูดเสียงแผ่วว่า “ถ้าฉันอยากได้ ก็ต้องมี…”
ซีเหมินเวิ่นเสว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา จึงได้ยินอย่างชัดเจนถนัดหู พลันคว้ามือเขามา แล้วตะคอกเสียงต่ำใส่ว่า “ไม่ได้” แย่งบุหรี่จากมือเขามา เขาจุดบุหรี่มวนหนึ่ง ดูดแรงๆ ที แล้วพ่นควันออกมา ก่อนจะพูดเสียงต่ำ ”พรุ่งนี้ได้เงินเดือนแล้ว ฉันจะพานายไปทันที”
แม้ต้องใช้เงินที่น้าอวิ๋นให้มาจนหมด ก็ให้เขาอยู่ในที่แบบนี้ไม่ได้แล้ว มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรออกมา
หลังจากนี้เป็นต้นไป จะไม่พาเขามาที่แบบนี้เด็ดขาด ไม่เด็ดขาด
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ฉันเหนื่อยแล้ว…” หูชีเยี่ยนพูดพร้อมดับก้นบุหรี่ นอนลงบนตียงที่อยู่ข้างๆ แต่จู่ๆ ก็พูดเสียงต่ำขึ้น ว่า “ฉันรู้ดีว่านายหวังดีกับฉัน แต่…วิถีโลกามันโหดร้าย ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างในหวัง เห็นแก่ที่เราโตมาด้วยกัน ถ้าในอนาคตตฉันเป็นอะไรไป ฝากนายดูแลแม่ฉันกับเหลียนเฟิงด้วย…
“ชีเยี่ยน…” ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้งจนพูดไม่ออก
วันนี้หัวหน้าคนงานหวงเหมาดูตื่นเต้นมาก พรุ่งนี้จะต้องจ่ายเงินเดือนแล้ว เขาดูแลคนงานกว่าสองร้อยคน เงินเดือนของพวกเขาล้วนต้องผ่านมือเขาก่อน หักหัวละร้อย ก็เป็นเงินสองหมื่นหยวนแล้ว พวกคนที่ทำงานลำบากสายตัวแทบขาด ก็ได้แค่ไม่กี่ร้อย
สองหมื่นกว่าหยวนต่อเดือน จบการก่อสร้างนี้ เงินในกระเป๋าเขาก็คงมีมากมายแล้วเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะหัวหน้างาน เขาก็ได้สิทธิประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย และแน่นอนว่าไม่สามารถบอกใครได้
และทั้งหมดนี้ ก็ต้องขอบคุณคนคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น วันนี้เขาตั้งใจซื้อสุรายาสูบชั้นดีมา เขาอยากขอบคุณคนคนนั้นอย่างสุดซึ้ง
ท่ามกลางท้องฟ้าในยามรัตติกาล ตรอกซอยแห่งนี้มืดสลัวและ ได้ยินเสียงสุนัขหอนเป็นระยะๆ
เดินไปหยุดตรงประตูไม้ธรรมดาบานหนึ่ง หวงเหมาเคาะประตู เสียงอันเย็นชาพลันดังมาจากข้างใน “ใคร?”
“คุณซีเหมิ่น ผมเอง หวงเหมา” หวงเหมาที่ปกติมักจะบ้าอำนาจไม่น้อยต่อหน้าคนงานทั้งหลาย แต่ตอนนี้เพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตูบานนี้ ก็เอวโค้งต่ำลงไปแล้ว ท่าทีดูสุภาพจนไม่รู้จะสุภาพอย่างไรแล้ว เคารพยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ของตนเสียอีก
“เข้ามาสิ” เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากด้านใน
ด้านในห้อง บนโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่ง ชายหนุ่มที่ใบหน้าขาวซีดคนหนึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่ หวงเหมาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง วางของในมือลงบนโต๊ะข้างๆ ชายหนุ่มพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่กล้ารบกวนโดยพลการ
“มีอะไร?” ชายหนุ่มคนนั้นถามเสียงต่ำ
“พรุ่งนี้พวกเขามาทำงานที่ไซต์งานครบหนึ่งเดือนแล้ว ท่านสั่งไว้ว่าให้มาบอกท่าน” หวงเหมารีบพูดอย่างเคารพ ในใจกลับคิดไม่ตกว่า ทำไมคนที่ยิ่งใหญ่อย่างคุณซีเหมินต้องสนใจคนงานที่คลุกอยู่ในไซต์งาน
“ช่วงนี้ไอ้แซ่หูเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมเอ่ยถาม
“ตามที่ท่านสั่งคือให้ย้ายคนที่มีงูพันอยู่บนข้อมือ แล้วให้คนไปหาเรื่องเขาบ่อยๆ เพียงแต่ท่านก็สั่งแล้วว่าอย่าตีแรงเกินไป จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” หวงเหมารีบตอบ “แต่…”
“แต่ร่างกายเขาเหมือนไม่ค่อยแข็งแรงนัก…” หวงเหมารีบพูดเสริมขึ้น การทะเลาะชกต่อยในที่ไซต์งานก่อสร้างเป็นเรื่องปกติ พวกคนงานจากต่างถิ่นนั้นล้วนแต่แข็งแรงกำยำทุกคน แต่คนแซ่หูคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะรับไหว
และในขณะเดียวกัน หวงเหมาก็แปลกใจมาก คนแซ่หูคนนั้น ดูไม่เหมือนคนงานจนๆ เลยสักนิด เขามีความสุภาพ และมีความละเอียดอ่อน
“พรุ่งนี้จะต้องจ่ายเงินเดือนแล้วสินะ? เดือนหนึ่งแล้ว ไวมาก” ชายหนุ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้ สองมือกอดอกอยู่ข้างหน้า อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เขาทนมาได้หนึ่งเดือนหรือนี่? ดีมาก พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปล่องูผีออกมา ส่วนคนแซ่หูนั่น นายหาคนมาจัดการ ขอบเขตนายคงรู้ อย่าให้เขาพิการหรือตายเด็ดขาด”
“ครับ” หวงเหมารีบรับปาก คิดๆ แล้วก็อดถามไม่ได้ “คุณซีเหมิน ถ้าคุณมีความแค้นกับคนแซ่หูนั่น ให้ผมไปหาคนมากำจัดมันซะเลยดีมั้ย ในไซต์งานก่อสร้าง มีคนตายไปสักคน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฝังไว้ใต้ฐานบ้านซะ ใครจะรู้?”
“ถ้าเขาตายจริง ฉันจะฝังนายไปด้วย” ชายหนุ่มพูดเสียงเย็น “ฉันพูดยังไง นายก็ทำตาม จำคำพูดของฉันไว้ อย่าให้ถึงแก่ชีวิตเด็ดขาด”
“ครับ” ไม่รู้ทำไม หวงเหมาถึงรู้สึกว่าสันหลังเย็นวาบและขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากมื้ออาหารกลางวันของวันถัดมา คนงานทุกคนต่างตื่นเต้นมาก เหนื่อยลำบากมาทั้งเดือน ในที่สุดก็ได้ค่าแรงแล้ว แม้แจกเงินเดือนกันภายใต้กลางแสงแดดที่แผดเผา กินเวลาพักกลางวัน แต่ก็ไม่มีใครบ่นเลยแม้แต่คำเดียว
ท่ามกลางเสียงตะโกนของหัวหน้าคนงาน ทุกคนเข้าแถวไปรับเงินเดือนในห้องทำงานข้างหน้า
ซีเหมินเวิ่นเสว่ยืนอยู่ลำดับถัดจากหูชีเยี่ยน จู่ๆ สายตาก็วูบไหว เห็นคนรู้จักในบริเวณที่ไม่ไกลนัก และคนคนนั้นก็กำลังทำสัญลักษณ์มือให้เขา ก่อนจะรีบออกไป
“สือโท่ว ฝากรับเงินของฉันมาด้วย ช่วงบ่ายไม่ต้องไปที่ไซต์งานแล้ว ฉันมีธุระนิดหน่อย จะรีบกลับมา” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดจบก็ก้าวเท้ายาวออกไปโดยไม่รอให้เขาตอบรับใดๆ
นัยต์ตาของหูชีเยี่ยนสาดประกายอันเย็นชาออกมา คนคนนั้น…เขาเองก็เห็นแล้ว ถ้าจำไม่ผิดคนคนนั้นคือซีเหมินน่งเยว่…สัญชาตญาณของเขาไม่ผิด ซีเหมินน่งเยว่ตามพวกเขาอยู่ตลอดเวลา…