ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 4 พนันหิน
หูชีเยี่ยนทานแตงโมไปเล็กน้อยก็นอนพัก จนกระทั่งดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าลับขอบฟ้า ซีเหมินเวิ่นเสว่จึงลุกออกไป เตรียมจะไปจ่ายยาให้เขาสักหน่อย ไม่ว่าจะทำอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
เดินเข้าร้านยาจีนที่มีชื่อว่า ‘หุยชุนถัง’ ซีเหมินเวิ่นเสว่ยืมปากกามาจดชื่อยายาวเหยียดยื่นให้พนักงานเคาน์เตอร์และในระหว่างที่นั่งรอจ่ายยา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถดังแว่วมาจากนอกร้าน จากนั้นเสียงหัวเราะของหญิงสาวพลันดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดของชายหนุ่ม
ชั่วขณะที่ซีเหมินเวิ่นเสว่หันไปก็อึ้งไปทันที
“พี่ชายใหญ่…” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน เข้าชุดด้วยรองเท้าส้นสูงสีเดียวกัน ผมก็มัดรวมกันด้วยโบว์สีเดียวกัน รูปลักษณ์งดงามโดดเด่น ซึ่งก็คือซีเหมินเหลียนเฟิง
และซีเหมินเหลียนเฟิงเองก็คิดไม่ถึงว่า จะมาเจอซีเหมินเวิ่นเสว่ที่นี่ พลันอึ้งไปชั่วขณะ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเธอคือซีเหมินน่งเยว่
“เหลียนเฟิง เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้งงัน เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทั้งยังอยู่กับซีเหมินน่งเยว่?
เหลียนเฟิงมองเขาอย่างหวาดกลัว แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
“ฉันพาเธอมาเอง” ซีเหมินน่งเยว่พูดนิ่งๆ “เธอเป็นน้องสาวฉัน ฉันปล่อยให้น้องสาวฉันทุกข์ทรมานอยู่ในป่ารกร้างไม่ได้ ผู้หญิงตระกูลซีเหมินของเรา เกิดมาเพื่อให้คนทะนุถนอม”
ซีเหมินน่งเยว่พูดจบก็พูดกับเหลียนเฟิงว่า “เธอเข้าไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ชายรองของเธอ”
“ได้ พี่ชายใหญ่น่งเยว่” เหลียนเฟิงตอบรับอย่างกลัวๆ แล้วรีบเดินเข้าหุยชุนถังไป และมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามารับของในมือของเหลียนเฟิง แล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว”
หลังจากเหลียนเฟิง ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็ดึงบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจุดแล้วสูบเข้าไปเต็มปอด หลังจากพ่นควันออกมาจึงถามว่า “ร้านยาร้านนี้เป็นของนายเหรอ?”
“แน่นอน” ซีเหมินน่งเยว่ไม่สนท่าทีของเขาเลยสักนิด พยักหน้าพูดกับเขาว่า “เข้ามานั่งก่อนสิ” จากนั้นก็สั่งพนักงานตรงเคาน์เตอร์ “จัดยาเสร็จแล้ว เอามาให้ที่ห้องทำงาน”
งูผีเดินเข้าห้องทำงานไปพร้อมกับเขา ทันทีที่นั่งลงก็ถามอย่างไม่อ้อมค้อม “นายหลอกเหลียนเฟิงมาทำไม?”
“ต้องหลอกด้วยเหรอ?” ซีเหมินน่งเยว่ยิ้มเยาะแล้วถามกลับว่า “นายกับคุณชายใหญ่หูนั่นไปแล้ว มีหรือที่เธอจะไม่มาด้วย? ทีแรกก็กลัว แต่พอมีคนคอยนำ แน่นอนว่าเธอต้องตามฉันมา อีกอย่างฉันก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ รับประกันการใช้ชีวิตของเธอ ไม่ให้ใครรังแกเธอได้ ไม่เหมือนนายที่พาคุณชายใหญ่หูนั่นไปลำบาก”
“นายยังจะกล้าพูดอีก?” ผีงูได้ยินคำพูดของซีเหมินเวิ่นเสว่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ลุกพรวดขึ้น เรื่องที่ไซต์ก่อสร้าง เป็นคำสั่งของเขาชัดๆ
“ใช่” ”ซีเหมินน่งเยว่นั่งไขว่ห้าง แกว่งไปมาอย่างหยาบกระด้าง “เรื่องที่ไซต์ก่อสร้างเป็นคำสั่งของฉัน แล้วจะทำไม?”
“นายทำเกินไปแล้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่ออกแรงกำหมัดแน่น พูดอย่างเดือดดาล
“ผีงู ฉันว่าในเมื่อนายเป็นเลือดเนื้อของคุณท่าน งั้นนายมาทำงานกับฉันมั้ย?” ซีเหมินน่งเยว่หัวเราะเยาะ “คุณชายใหญ่หูท่านนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง นายจะสนใจทำไม?”
ซีเหมินเวิ่นเสว่แค่นเสียงที ก่อนจะถามว่า “นายให้ฉันเดือนละเท่าไหร่? ทำงานกับนายงั้นเหรอ? ฉันรีบไปหาที่ผูกคอตายซะยังจะดีกว่า”
และในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูของพนักงานเคาน์เตอร์ดังแว่วขึ้น “คุณผู้ชาย ยาของท่านได้แล้ว”
ซีเหมินเวิ่นเสว่เดินเข้าไปรับยา เปิดออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วดมกลิ่น หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหา จึงห่อเหมือนเดิม
“หืม…” ทีแรกซีเหมินน่งเยว่ไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าหูชีเยี่ยนบาดเจ็บ เพราะยาที่เขาซื้อล้วนเป็นยาสำหรับแผลฟอกช้ำจากการโดนเหล็กตี แต่ตอนนี้พอเหลือบมอง หยิบกิมซีโทยต้นหนึ่งขึ้นมาดมและนึกถึงคำพูดของผู้ดูแลไซต์งานหวงเหมา ก็ขมวดคิ้วพูด “เขาป่วยจริงๆ เหรอ?”
ซีเหมินเวิ่นเสว่ห่อยาแล้วลุกขึ้นเดินออกไป
เห็นงูผีเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของซีเหมินน่งเยว่ก็หายไป กลายเป็นใบหน้าอันอึมครึมจริงจังเช่นเดิม
ตอนที่ซีเหมินเวิ่นเสว่กลับถึงโรงแรมชุ่ยอวี้ กลับพบว่าหูชีเยี่ยนไม่อยู่ และทิ้งกระดาษข้อความบนโต๊ะว่ามีธุระ เดี๋ยวกลับมา
เขาค่อนข้างเป็นห่วง เขาออกไปทำอะไร? แต่โชคดีที่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หูชีเยี่ยนก็กลับมาแล้ว
“อากาศร้อนขนาดนี้ นายไปไหนมา?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถามอย่างจริงจัง
“ฉันเอาทองสองก้อนนั้นไปแลกเงิน และทำบัตรธนาคารมาใบหนึ่ง ซื้อเสื้อผ้ามาอีกสองตัว” หูชีเยี่ยนพลางพูด พลางยื่นกระเป๋าในมือให้ซีเหมินเวิ่นเสว่ “เดินทางไปเจียหยางกันพรุ่งนี้เลย”
“ทองสองก้อนของนายแลกเงินมาได้เท่าไหร่?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถาม
“ห้าหมื่น ฉันไม่ได้ขายขาด” หูชีเยี่ยนนั่งลงบนโซฟา “รอมีเงินเมื่อไหร่ ฉันจะไปแลกคืน”
“ก็ดี ยังไงนั่นก็เป็นของที่น้าอวิ๋นให้นายมา” ซีเหมินเวิ่นเสว่พยักหน้า ถ้าขายขาดจริงๆ ทองสองก้อนนั้นต้องได้มากกว่าห้าหมื่นแน่
“ฉันไปจ่ายยามา กินยาให้หมดแล้วไปเจียหยางกัน” ซีเหมินเวิ่นเสว่เงียบไปครู่ ก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันไม่กินยา” หูชีเยี่ยนส่ายหน้า
“ไม่กินก็ไม่ต้องไปเจียหยาง” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดหน้านิ่ง “นายอย่าบังคับให้ฉันต้องมัดนายแล้วกรอกยาใส่ปาก”
“นาย…” หูชีเยี่ยนนั่งพิงอยู่บนโซฟา เงียบไม่พูดจา เพราะอย่างไรเขาก็สู้อีกฝ่ายไม่ได้ ถ้าไม่อยากโดนกรอก ก็ต้องให้ความร่วมมือ
ถูกซีเหมินเวิ่นเสว่บีบบังคับให้ทานยาไปสามวัน ในที่สุดหูชีเยี่ยนก็ได้มาถึงถนนสายหนึ่งในเฟ่ยชุ่ยเมืองเจียงหยาง
แต่เหนือความคาดหมายของซีเหมินเวิ่นเสว่ เพราะหูชีเยี่ยนที่เดิมร้อนใจจะมาเจียงหยาง กลับวนเวียนอยู่ในถนนเฟ่ยชุ่ยมาสองวันแล้ว ดูหยกดิบมาไม่น้อย แต่กลับไม่ได้ซื้ออะไรเลย
ช่วงพลบค่ำวันนี้ หลายร้านเตรียมจะปิดร้านแล้ว หูชีเยี่ยนยังคงเดินอยู่บนถนนเฟ่ยชุ่ยอย่างไม่รีบไม่เร่ง
“นายจะพนันหินไม่ใช่เหรอ? ดูมาสามวันแล้ว ไม่มีชิ้นไหนที่ถูกใจเลยเหรอ?” ในที่สุดซีเหมินเวิ่นเสว่ก็แปลกใจ อดถามไม่ได้
“อื้ม ของพวกนี้เป็นก้อนหิน ซื้อมาแม้จะทำกำไรได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก” หูชีเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “เราไม่ใช่คนรวย แม้จะมีของดี เขาก็ไม่เอาให้เราดูหรอก อีกอย่าง…มีของดีเราก็ซื้อไม่ไหว” พูดถึงตรงนี้ เขายิ้มขื่น ความจริงไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากซื้อ แต่อิฐหินเหล่านั้นไม่ถูกใจเขา ส่วนอะไรที่ถูกใจ เขาก็ไม่มีเงินซื้อ จึงทำได้เพียงวนเวียนอยู่ในถนนเฟ่ยชุ่ยแบบนี้
การพนันหิน เป็นอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ ถ้าย้อนไปถึงที่มา อาจย้อนกลับไปได้ถึงเหอซื่อปี้ในยุคชุนชิวจั้นกั๋ว ในแถบประเทศพม่าและยูนนาน มีการผลิตหินรูปทรงแปลกๆ ด้านนอกหุ้มด้วยเปลือกหนา แต่ภายในนั้นลึกลับงดงาม เป็นศูนย์รวมของหยกชั้นดีทั่วโลก
แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีชั้นสูงใดที่สามารถมองทะลุผ่านเปลือกที่ห่อหุ้มหินนั่น เพื่อดูว่าหินที่ภายนอกดูธรรมดาเหล่านี้ แท้จริงแล้วเป็นหินที่ไร้ค่า หรือมีความลึกลับงดงาม ซ่อนหยกราคามหาศาลเอาไว้
ก็เพราะเช่นนี้ จึงมีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เรียกว่า…พนันหินขึ้นมา
นักพนันหินมากมายที่มากประสบการณ์ สามารถตัดสินว่าหยกดิบนั่นสามารถเจียระไนได้หรือไม่และภายในมีหยกอันล้ำค่าซ่อนอยู่หรือไม่ ผ่านสีของผิวหยก แหล่งกำเนิด เปลือกนอก ลวดลายและอื่นๆ ได้
ทว่าหากแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ความเสี่ยงก็สูงมาก…แม้จะเป็นนักพนันหินที่มากประสบการณ์ ก็มีโอกาสพลาด ถูกเปลือกนอกต่างๆ ของหยกดิบลวงตา สุดท้ายถ้าไม่รอบคอบ อาจจะแพ้เป็นหลักสิบล้าน
พนันหิน ทีเดียวตัดความมั่งคั่งได้ เทวดายังอยากจะตัดสินหยก นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ซีเหมินเวิ่นเสว่ไม่อยากให้หูชีเยี่ยนเข้ายุ่งเกี่ยวกับตลาดการพนันหิน
เดินอยู่ที่เจียหยางมาสองวัน หูชีเยี่ยนพบว่าพวกหยกดิบที่เขาถูกใจ ราคาหลายแสนและบางชิ้นก็หลายล้านเลยทีเดียว เขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น…จึงทำได้แค่ดู
“หืม…” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็ชะงักฝีเท้า ยืนอยู่หน้าร้านขายหยกดิบร้านหนึ่งบนเฟ่ยชุ่ย หลายคนล้อมกันดูความครึกครื้นและวิพากษ์วิจารณ์
หูชีเยี่ยนและซีเหมินเวิ่นเสว่ต่างสงสัย รีบเข้าไปดูกลับเห็นเป็นคนชราคนหนึ่ง ซื้อหยกดิบที่เปลือกนอกดูดีมากชิ้นหนึ่ง กำลังจะตัด
เครื่องตัดขนาดใหญ่เครื่องหนึ่งถูกเข็นออกมาวางหน้าประตู หูชีเยี่ยนเหลือบมองแวบหนึ่ง หยกดิบนั่นไม่ได้ใหญ่ธรรมดา ยาวประมาณหนึ่งเมตรกับอีกห้าหกสิบเซนติเมตร ความกว้างและความหนาพอๆ กันที่เจ็ดแปดสิบเซนติเมตร คิดว่าน้ำหนักก็คงไม่เบา อย่างน้อยก็ต้องถึงสองสามตัน หยกดิบในเจียหยาง ที่ถูกที่สุดคือคิดราคาตามน้ำหนัก ราคาของหยกดิบนี่ก็คงไม่น้อย
ตามคาด พวกเขาทั้งสองสอบถามแล้วจึงได้รู้ว่า คนชราคนนั้นแซ่เจี่ย เป็นนักธุรกิจอัญมณีในฮ่องกงที่ถูกใจหยกดิบชิ้นนี้ ว่ากันว่าเป็นสมบัติคู่ร้านของเจ้าของร้านนี้ ราคาอยู่ที่สิบห้าล้าน สุดท้ายทั้งสองแลกเปลี่ยนกันในราคาสิบเอ็ดล้าน ผู้อาวุโสเจี่ยท่านนี้ต้องการตัดต่อหน้าทุกคน กำลังเตรียมความพร้อมอยู่
และผู้ชมเหล่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณี และส่วนหนึ่งก็มาพนันหินที่เจียหยางเหมือนพวกของหูซีเยี่ยน ที่เหลือคือคนในพื้นที่เจียหยาง ทุกครอบครัวในถนนเฟ่ยชุ่มแห่งนี้ ก็ล้วนทำธุรกิจเกี่ยวกับหยกทั้งหมด ได้ยินว่ามีคนผ่าหยก ทั้งยังเป็นหินชิ้นใหญ่ขนาดนี้ จึงพากันมาดู
เพราะอย่างไร หยกดิบที่ใหญ่ขนาดนี้ปกติก็เห็นไม่บ่อยนัก
และในสถานการณ์เช่นนี้ หลายคนที่เหมือนจะรู้จักผู้อาวุโสเจี่ยต่างเข้ามา ถือไฟฉายและแว่นขยายส่องดูหยกดิบ แม้จะเป็นของที่คนอื่นซื้อ แต่สามารถฉวยโอกาสลองส่องดู เพื่อที่ตอนผ่าหยกจะได้มาเทียบกับข้อสังเกตของตน เป็นโอกาสที่ยากมาก
ผู้อาวุโสเจี่ยเองก็ใจกว้างมาก ถอยไปอยู่ข้างๆ ให้ทุกคนดูอย่างเต็มที่ เพราะแค่ดูก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร ตอนนี้ทุกคนเข้าไปดูจนครบแล้ว ถึงขั้นที่มีคนที่รู้จักกัน ถอยไปวิพากษ์วิจารณ์กันเอง
หูชีเยี่ยนคิดๆ แล้วสุดท้ายก็หวั่นไหว พลันเดินไปอยู่ตรงหน้าหยกหินอันใหญ่โตนั่น พร้อมถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ฉันขอลองสักหน่อยได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสเจี่ยมองหูชีเยี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าพูดพร้อมรอยยิ้ม “พ่อหนุ่มเชิญตามสบายเลย”
เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสเจี่ย ก็เดินเข้าไป ซีเหมินเวิ่นเสว่ยื่นไฟฉายและแว่นขยายให้กับเขา เขายื่นมือไปรับ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปส่องดูให้ละเอียดผ่านแว่นขยาย