ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 8 แตกหัก
ในหนังแกะม้วนนั้น มีตัวอักษรโบราณมันยากจะเข้าใจมากมาย หูชีเยี่ยนดูแวบหนึ่งแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“คืนมา” คนชราเดือดดาลอย่างที่สุด ยื่นมือมาแย่งผ้าไหมและหนังแกะม้วนนั้น แต่ถูกซีเหมินเวิ่นเสว่จับเอาไว้
“ผู้อาวุโสหู คุณสือ พอเถอะ ถือว่าเห็นแก่ผม” ตอนแรกเจ้าของสินค้าอึ้งค้างไป ตอนนี้รีบเข้ามาอธิบายและดึงคนชราเอาไว้
ตั้งแต่เริ่มพนันหินมา หูชีเยี่ยนก็ใช้แซ่ ‘สือ’ มาโดยตลอด เจ้าของสินค้าคนนั้นจึงเรียกเขาว่า ‘คุณสือ’
“เอามา” คนชราคนนั้นพูดอีกครั้ง
“ยามรัตติกาลผู้คนเงียบสงัด หญิงสาวยังคงทอผ้าไหมนับพันหมื่นเส้น หวังจะได้โผยบินเคียงคู่กัน ได้แต่เฝ้าห่วงหาจนผมหงอกก่อนวัยอันควร แม่น้ำในยามฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยระลอกคลื่น ล้อมรอบด้วยหญ้าสีเขียวขจี จะฝากความคิดถึงไว้หนใด…” หูชีเยี่ยนทำเหมือนไม่ได้ยิน กำผ้าไหมครึ่งผืนนั่น ท่องเสียงต่ำ
“นายรู้ได้ยังไง?” คนชราคนนั้นมองเขาอึ้งๆ
“คุณแซ่หูงั้นหรือ?” หูชีเยี่ยนถามอีกครั้ง
“ ผู้อาวุโสหูมีชื่อเสียงมากในวงการเรา ถูกยกย่องว่าเป็นราชาแห่งการพนันหิน ผมว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดช่างเถอะ” เจ้าของสินค้ารีบพูดพร้อมรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันก็ยื่นบุหรี่ให้ทั้งสอง
หูชีเยี่ยนเงียบ ล้วงปากกาและกระดาษออกมา เขียนที่อยู่แล้วยื่นให้คนชรา “คุณหู นี่ที่อยู่ของผม ถ้าคุณอยากได้ผ้าไหมผืนนี้คืนและเคล็ดวิชาหลอมหยก คืนนี้ให้ไปหาผม”
ในขณะที่พูด เขาก็เอาผ้าไหมผืนนั้นห่อหนังแกะเอาไว้เหมือนเดิม ใส่เข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง แล้วหมุนตัวออกไป
“สือโท่ว…สือโท่ว…” ซีเหมินเวิ่นเสว่ตามไปเรียกเขาอยู่สองที เขาก็ไม่ตอบ เปิดประตูรถตู้แล้วเข้าไปนั่ง
คนชราเพียงจ้องแผ่นหลังของเขา แล้วเหม่ออย่างอึ้งๆ เจ้าของสินค้าเห็นพวกของหูชีเยี่ยนออกไปแล้ว จึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสหู เหตุใดต้องถือสาเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ช่างเถอะ…”
“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ดูสินค้าแล้ว” คนชราส่ายหน้าบอกเจ้าของสินค้า ถูกพวกของหูชีเยี่ยนตบไปหลายที เขาหน้าบวมแดงไปหมด ปวดแสบปวดร้อน พลันขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
ซีเหมินเวิ่นเสว่พลางขับรถ พลางถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันว่าสือโท่ว อยู่ดีๆ นายไปหาเรื่องคนแก่คนนั้นทำไม?”
“ฉันหาเรื่องเขาตรงไหน?” หูชีเยี่ยนแค่นเสียงที “เขาเป็นคนหาเรื่องฉันนะ นายไม่เห็นเหรอว่าเขาตีฉัน?”
“นายไม่พูดมั่วซั่ว ใครเขาจะตีนาย?” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แค่นี้ก็ช่างเถอะ นายก็ตีคืนเขาไปแล้ว ทำไมถึงไม่คืนของของเขาไป แล้วยังนัดเจอคืนนี้?”
“คนชราคนนั้นแซ่หู” หูชีเยี่ยนนั่งพิงอยู่บนเบาะ พูดเสียงต่ำ
“คนแซ่หูมีตั้งมากมาย ขัดตานายทุกคนเลยเหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหน้า เพราะความคิดของหูชีเยี่ยน ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติจะคาดเดาได้
“คนแซ่หูมีตั้งเยอะจริง แต่ไม่ใช่ว่าคนแซ่หูทุกคนจะเป็นพ่อฉัน” หูชีเยี่ยนพูดพร้อมยิ้มเศร้า “วันนี้ฉันทำเกินไป โธ่เฮ้ย แค้นไม่เป็นเรื่อง ไปตบเขา” ในขณะที่พูด เขาก็อดตีมือตัวเองไม่ได้
ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้งไป ก่อนจะอดรู้สึกขำไม่ได้ ครู่ใหญ่จึงพูดว่า “นายรู้ได้ไง?”
“อีกครึ่งของเคล็ดวิชาหลอมหยกอยู่ที่ฉัน ส่วนผ้าไหมผืนนั้น เป็นของแม่ฉัน อีกครึ่งก็อยู่กับแม่ฉัน เขามีสองอย่างนี้ติดตัว แล้วยังแซ่หู…มีความเป็นไปได้สูงมาก” หูชีเยี่ยนพูดพร้อมยิ้มเศร้า
“ฮ่าๆ…” ซีเหมินเวิ่นเสว่อดขำลั่นไม่ได้
“ขำอะไร?” หูชีเยี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คราวก่อนใครเป็นคนบอกว่าไม่อยากให้มีญาติที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโผล่มาอีก ดูซิคราวนี้นายจะทำยังไง” ซีเหมินเวิ่นเสว่เย้ยหยัน
“ฉันไม่ได้จะนับญาติเขา” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็พูดพร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบ “ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาไม่เคยทำหน้าที่ ทำไมฉันต้องยอมรับเขา?”
“แล้วนายนัดเขามาทำไม?” ”ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหน้า นี่มันตรรกะอะไรกัน? ความสัมพันธ์พ่อลูก ใช่ว่าเขาอยากยอมรับก็ยอมรับ ไม่ยอมรับก็ทำเป็นไม่รู้จักซะที่ไหนกัน?
“ฉันอยากได้เคล็ดวิชาหลอมหยก ก็เท่านั้น” หูชีเยี่ยนพิงบนเก้าอี้
หลังจากส่งหูชีเยี่ยนกลับบ้านพักตากอากาศที่เพิ่งซื้อในพม่า ซีเหมินเวิ่นเสว่คิดๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะเตรียมอาหาร คืนนี้ชวนเขาทานข้าว นายพูดจาให้มันรื่นหูหน่อย อย่าดื้อรั้นให้มาก”
“รู้แล้ว” หูชีเยี่ยนพยักหน้า หลังจากซีเหมินเวิ่นเสว่เดินออกไป เขาก็เริ่มนิ่งเหม่ออยู่บนโซฟาห้องรับแขก
ตกเย็นประมาณห้าโมงครึ่ง กริ่งประตูดังขึ้น ซีเหมินเวิ่นเสว่ไปเปิดประตู เห็นคนชราคนนั้นยืนอยู่หน้าบ้าน แผลบนหน้าทายามาแล้ว บริเวณที่บวมก็ยุบลงไปแล้ว แต่ก็ยังดูออก
“คุณหู เชิญข้างใน” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร พร้อมกล่าวคำทักทาย
“เขาอยู่มั้ย?” ผู้อาวุโสหูถาม
“อื้ม อยู่ รอคุณอยู่ข้างใน” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้ม เชิญเขาเข้าไปนั่งในห้องรับแขก แล้วจึงตะโกนขึ้นชั้นสอง “สือโท่ว คุณหูมาแล้ว”
“เขาชื่อสือโท่ว และชื่อเล่นล่ะ?” จู่ๆ คุณหูก็ถามขึ้น
“ชื่อเล่น” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด เขาคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องถามคำถามนี้ “เขาแซ่เดียวกับคุณ แซ่หู หูชีเยี่ยน ความหมายคือห่านตัวใหญ่นอนต้นไม้ร่มกันแดดอันเก่าแก่”
คุณหูออกแรงกำหมัด พลันถามต่อว่า “ชื่อเล่นสือโท่วนี้ แปลกจริงๆ”
“นั่นเป็นคำเปรียบเทียบนิสัยของเขาทั้งแย่และแข็งกระด้าง” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด
“เขานิสัยแย่เหรอ?” คุณหูเลิกคิ้วถาม
“แย่มาก” ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดพร้อมยิ้มเศร้า
“ถ้าอย่างนั้นบอดี้การ์ดอย่างนาย จะเหนื่อยแค่ไหน?” ผู้อาวุโสหูยิ้ม เห็นเขาคาดผ้ากันเปื้อนบนเอว ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “ต้องเป็นพ่อครัวด้วยเหรอ?”
“นายไม่ชินกับอาหารข้างนอก” ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหน้า พร้อมถอนหายใจเบาๆ เห็นว่าหูชีเยี่ยนยังไม่ลงมา จึงถามต่อว่า “คุณหู ขอเสียมารยาทถามคำถามสักข้อ คุณชื่ออะไร?”
“หูอวี๋” หูอวี๋ตอบสั้นๆ
“ชื่อรอง…อวิ้นสือ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่เลิกคิ้วถาม
“ไม่คิดว่านายจะรู้อันนี้ด้วย” หูอวี๋มุ่นคิ้วพูด “นายสนิทกับชีเยี่ยนมากเหรอ?”
“โตมาด้วยกัน” ซีเหมินเวิ่นเสว่พยักหน้าพูด
“นายคือเด็กคนนั้น? เวิ่นเสว่เหรอ?” หูอวี๋อึ้ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ความชิงชังที่ฝังลึกอยู่ในใจมาหลายปี แต่พอมาเผชิญหน้า กลับไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ใช่แล้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่พยักหน้าพูด “ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นพ่อของชีเยี่ยนจริงๆ ที่ผ่านมาน้าอวิ๋นคิดถึงคุณมาโดยตลอด”
“น้าอวิ๋นเหรอ?” หูอวี๋ถามอย่างแปลกใจ
“น้าอวิ๋นไม่ได้แต่งงานกับพ่อผม” ซีเหมินเวิ่นเสว่หัวเราะเยาะ พ่อเขาช่างใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แย่งคู่หมั้นเพื่อน ทิ้งลูกทิ้งเมียหนีไปอยู่กลางป่ากลางเขา แต่น้าอวิ๋นกลับไม่ยอมแต่งงานกับเขา
“อ่อ…” มือของหูอวี๋สั่นขึ้นมาทีหนึ่งอย่างควบคุมไม่อยู่ ล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋าสั่นๆ ซีเหมินเวิ่นเสว่หยิบไฟแช็คออกมาจุดให้เขา
หูอวี๋สูบบุหรี่แรงๆ ที จึงสงบสติอารมณ์ขึ้นมาบ้าง พลันถาม “ถ้าอย่างนั้นชีเยี่ยนเป็นลูกฉันเหรอ?”
“ใช่แล้ว ตอนที่น้าอวิ๋นจากไป ท้องได้สามเดือนแล้ว ตอนแรกจะแอบบอกคุณ เซอร์ไพรส์คุณสักหน่อย ไม่คิดว่าคุณจะไปหมั้นกับคนอื่น ด้วยความโกรธ เธอเลยหนีไปกับพ่อฉัน” หูอวี๋เงียบ เพียงสูบบุหรี่เข้าเต็มปอด สายตาล่องลอยท่ามกลางควันบุหรี่
เรื่องตอนนั้นเป็นความผิดของใครกันแน่? มาคิดตอนนี้เหมือนจะสายเกินไปแล้ว…ส่องกระจกดู จนผมขาวขนาดนี้แล้ว หญิงสาวที่งดงามละเอียดลออดั่งหยกนั่น จะผมขาวเหมือนกันแล้วหรือเปล่านะ?
“จากกันสิบแปดปี ฉันได้เจอเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แต่ฉันกลับตบเขา…” หูอวี๋ส่ายหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“เขาเองก็ไม่รู้ ตอนนี้กำลังเสียใจมาก” ”ซีเหมินเวิ่นเสว่รีบพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณอย่าถือสาเลย เดี๋ยวผมชดใช้แทนเขา”
“ปากมันลิ้นลื่น ไม่ใฝ่ดี” หูอวี๋ส่ายหน้า นึกถึงคำพูดของหูชีเยี่ยน ความขึ้งโกรธพลันพรวดพราดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าตนจะไม่ใช่บิดาของเขา แต่เป็นคนธรรมดา เขาก็ไม่ควรพูดจามั่วซั่วแบบนั้น
“คุณโปรดอย่าถือสา” พูดถึงเรื่องนี้ ซีเหมินเวิ่นเสว่เพียงยิ้ม
และในตอนนี้เอง จึงได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นบน ทันใดนั้นหูชีเยี่ยนในชุดคลุมผ้าไหมแท้สีดำ เดินลงมาจากชั้นบน เขามองต่ำลงมา ทักทายหูอวี๋ไปด้วย หาวไปด้วย “สวัสดีตอนเย็น คุณหู ผมคิดว่าคุณจะมาหลังอาหารเย็น ไม่คิดว่าคุณจะมาตอนนี้ จงใจมากินฟรีใช่มั้ยล่ะ?”
“สือ…ชีเยี่ยน อย่าพูดจามั่วซั่ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่รีบพูดขึ้นเผยสีหน้าไม่ชอบใจ
“ไม่เป็นไร มีมารผจญแบบนี้ ก็ถือว่าบรรพบุรุษของฉันไม่มีบุญ” หูอวี๋เอามือไพล่หลัง นั่งลงบนโซฟาห้องรับแขก
หูชีเยี่ยนเดินลงจากห้อง ก็เห็นซีเหมินเวิ่นเสว่ส่งสายตาให้เขารัว เห็นว่าหูอวี๋หันหลังให้เขาอยู่ จึงพูดเสียงต่ำว่า “นายเก็บนิสัยแย่ๆ ของนายไปก่อน เขาเป็นพ่อนาย ไม่ได้เห็นกันสิบแปดปี นายไม่คิดถึงสักหน่อยเลยเหรอ?”
“ใครจะรู้…” หูชีเยี่ยนก่นด่าเสียงต่ำ เดินไปนั่งลงตรงหน้าหูอวี๋
“ทั้งสองท่านคุยกันไปก่อน ผมไปเตรียมอาหารค่ำในครัว” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด ในใจแอบเป็นห่วง เห็นว่าหูชีเยี่ยนก็มีท่าทีจะยอมรับพ่ออย่างหูอวี๋ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เป็นปมอะไรที่แก้ไม่ได้ ตนจึงปลีกตัวออกมา เพราะฐานะของเขาก็ถือว่าอึดอัดมาก
และซีเหมินเวิ่นเสว่เดินเข้าห้องครัวไปไม่ถึงสิบนาที ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ป้าง’ จากห้องรับแขก ราวกับมีอะไรกระแทกพื้นอย่างแรง จึงอึ้งงันไป ก่อนจะรีบวิ่งออกไป
กลับเห็นว่าหูชีเยี่ยนเลือดเต็มหน้า ล้วนเป็นเลือดสด ล้มกองอยู่บนพื้น ข้างๆ ที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลใบหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กระแทกอยู่บนพื้น หูอวี๋สีหน้าซีดเซียว สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“วันนี้ฉันจะตีมารผจญอย่างนายให้ตาย ถือว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีลูกคนนี้มาก่อน” ในขณะที่พูดหูอวี๋ก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเตะหน้าอกของหูชีเยี่ยนอย่างแรง
ชั่วขณะที่ซีเหมินเวิ่นเสว่กำลังอึ้งอยู่ หูอวี๋เตะเขาอย่างแรงไปหลายทีแล้ว ในขณะเดียวกันก็กระชากผมของเขาขึ้นมาจากพื้น สะบัดหมัดเข้าใส่
“คุณหูอย่า…” ซีเหมินเวิ่นเสว่เห็นเช่นนี้ก็พุ่งปราดเข้ามา กอดหูอวี๋ไว้ พลางตะเบ็งเสียง “คุณทำอะไร?”
“เวิ่นเสว่ปล่อยฉัน อย่าห้ามฉัน ให้ฉันตีไอ้มารผจญนี้ให้ตาย” หูอวี๋พูดอย่างขึ้งโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น?” ”ซีเหมินเวิ่นเสว่พูดอะไรก็ไม่ยอมปล่อย และเห็นว่าอาการของหูชีเยี่ยนเริ่มไม่ดีแล้ว ใบหน้าซีดเผือด เลือดบนศีรษะพรูไหลราวกับสายน้ำ มุมปากและจมูกเต็มไปด้วยเลือด งอตัวอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้น
“คุณตีต่อไป จะถึงแก่ชีวิตจริงๆ แล้ว…” ซีเหมินเวิ่นเสว่ตะเบ็งเสียง “มีอะไรก็คุยกันดีๆ”
“ไม่มีอะไรต้องคุย ไอ้มรจรญ” หูอวี๋ดิ้นออกจากมือของซีเหมินเวิ่นเสว่ ชี้หูชีเยี่ยนที่งอตัวอยู่บนพื้น “ไอ้มรจรญ ตั้งแต่วันนี้ เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
หูชีเยี่ยนดิ้นรนเงยหน้าขึ้น ยื่นมือไปจับคราบเลือดบนใบหน้า พร้อมพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ระหว่างเราไม่เคยมีความเกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว”
“หึ” หูอวี๋สะบัดมือ หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่สนใจที่ซีเหมินเวิ่นเสว่รั้ง