ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 9 หินห้าสี
ซีเหมินเวิ่นเสว่อยากวิ่งตามออกไป แต่ก็เป็นห่วงหูชีเยี่ยนที่คราบเลือดเต็มหน้า จึงจำต้องวิ่งกลับมา เขาเชี่ยวชาญเรื่องการรักษาเหมือนกับซีเหมินน่งเยว่และค่อนข้างเก่งเรื่องการรักษาอาการเจ็บจากการฟกช้ำได้ดี เขาใช้น้ำอุ่นล้างแผลให้หูชีเยี่ยน ทายาและพันผ้าพันแผลก่อนเอ่ยถามว่า “นายไปทำอะไรมา? ให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลมั้ย?”
สีหน้าของหูชีเยี่ยนซีดเซียวจนน่ากลัว แต่กลับยืนยันว่าจะไม่ไปโรงพยาบาล แค่ให้ซีเหมินเวิ่นเสว่ทำแผลให้ก็พอแล้ว
พักอยู่ที่พม่าเป็นเดือน เขาจึงดีขึ้นบ้าง หลังจากผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ นิสัยของหูชีเยี่ยนที่เคยเป็นคนช่างพูดช่างจา กลายมาเป็นคนที่เงียบขรึม นอกจากการไปดูสินค้าและการพนันหินแล้ว เขาก็แทบจะไม่ไปไหนเลย
เนื่องจากชนะพนันหินมาเรื่อยๆ ทำให้เขา….กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน หลังจากที่มีเงินแล้ว เขาก็นำเงินไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ที่ฮ่องกงและไต้หวันก็ยังมีคฤหาสน์ส่วนตัวของเขาอยู่ด้วย แหล่งผลิตหยกดิบในพม่า รวมทั้งประเทศไทยที่อยู่ใกล้ๆ ก็มีอสังหาริมทรัพย์ของเขาอยู่
หลังจากมีบ้าน เขาก็ไม่โอ้อวดผ่าหินต่อหน้าผู้คนอีก เมื่อเขาได้หยกที่พอใจ ก็ขนกลับทันที เขามีซีเหมินเวิ่นเสว่ช่วยเผ่าหยกให้ แล้วค่อยนำหยกที่ผ่านการเจียระไนแล้วออกสู่ตลาด
หยกที่ผ่านการเจียระไนของเขา ราคาต่ำกว่าในท้องตลาดประมาณร้อยละยี่สิบ เป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทจิวเวลรี่จำนวนมากจะมาซื้อหยกของเขา รวมถึงนักสะสมหยกบางคนด้วย
ชายแดนพม่าติดกับประเทศลาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีรัฐบาลดูแล หูชีเยี่ยนจึงทุ่มทุนเรื่องการค้าอาวุธ และให้ซีเหมินเวิ่นเสว่ช่วยก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างขึ้นมา
จนบางครั้งซีเหมินเวิ่นเสว่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? แต่หูชีเยี่ยนก็แค่ยิ้มๆ แล้วบอกกับเขาว่า คนเราเมื่อมีเงินแล้วก็จะกลัวตายมาก เขาก็แค่อยากรับประกันความปลอดภัยของตัวเองก็เท่านั้นเอง
เวลาไม่ถึงสองปี ซีเหมินเวิ่นเสว่ไม่สามารถคำนวณได้แล้วว่าเขามีทรัพย์สินอยู่มากเพียงใด นอกจากหยกที่มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ในการลงทุนในพื้นที่ต่างๆ ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในด้านการจัดการเรื่องเงิน เขาต้องยอมรับเลยว่า หูชีเยี่ยนทำได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากหูชีเยี่ยนร่ำรวยขึ้นมา ในการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายของเขาก็ยังมีความฟุ่มเฟือยอันยากจะอธิบาย เขาชอบชุดกี่เพ้าโบราณ เสื้อผ้าทั้งหมดของเขาก็ได้สั่งตัดเย็บโดยเฉพาะ ชุดธรรมดาชุดหนึ่งราคาก็หลายแสนแล้ว
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงแม้ว่าจะได้เจอหูอวี๋ที่พม่าและเจียหยางอยู่บ้าง แต่หูชีเยี่ยนก็มักจะจงใจหลบหน้า ไม่ยอมเจอเขาอีก…พ่อลูกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากัน
วันนี้ก็เหมือนปกติ หูชีเยี่ยนยังคงหมกตัวอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของเขาที่ฮ่องกง บนโซฟาหนังแท้สีขาว เต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือโบราณ ถึงขั้นที่มีบางเล่มเป็นหนังสือหายากที่ตีพิมพ์เป็นครั้งสุดท้าย ข้อดีของการมีเงินคือ ต่อให้จะเป็นของที่หายากเพียงใด เขาก็จะสามารถหามาจนได้
แต่ซีเหมินเวิ่นเสว่นั้นไม่สนใจเรื่องนี้เลย หนังสือพวกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคำโบราณที่อ่านยาก เขาอ่านไม่เข้าใจ ทำไมหูชีเยี่ยนถึงไม่เคยเบื่อหนังสือพวกนี้เลย?
นอกจากออกไปพนันหินแล้ว เขาก็จะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน และไม่กี่ปีมานี้ แม้แต่พนันหินเขายังไม่ค่อยไป เพราะเขาได้สิทธิ์เปิดเหมืองหยกอย่างถูกกฎหมายที่พม่าสองแห่ง ทุกๆ เดือนเขาจะไปที่เหมืองหยกตรงเวลา ออกคำสั่งให้เก็บหยกบางส่วนไว้ แล้วที่เหลือก็นำออกมาขาย
ช่วงนี้เขาก็ได้ซื้อที่ดินอีกที่ ซึ่งไม่ห่างจากพม่าและลาวมากนัก ว่ากันว่าที่นั่นก็มีเหมืองหยกด้วยเช่นกัน และเตรียมการลงทุนไว้แล้วด้วย
มีแค่ตอนที่เขารู้สึกเบื่อมากๆ เท่านั้น เขาจึงจะออกจากบ้านไปดูหยกดิบที่ตลาดพนันหิน และพนันบ้างเป็นครั้งคราว
แบบนี้ซีเหมินเวิ่นเสว่ก็สบายใจขึ้น มองดูหูชีเยี่ยนนั่งพิงบนโซฟา นิ้วอันเรียวยาวขาวผ่องถือหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง สายตามองไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่ยาวจากเพดานจรดพื้นฝั่งตะวันตกเหม่อๆ ด้านนอกนั้น ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ทอแสงสีทองสวยงาม
ซีเหมินเวิ่นเสว่ช่วยเก็บหนังสือที่กระจายอยู่บนพื้น หนังสือโบราณหายากที่มีราคาสูงพวกนี้ เขาไม่เคยเก็บทะนุถนอมเลย อ่านจบก็ทิ้งๆขว้างๆ
“งูผี——” หูชีเยี่ยนหันขวับมาแล้วพูดว่า “ปีนี้ฉันอายุยี่สิบปีแล้ว”
ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้งและไม่เข้าใจ จึงพยักหน้าแล้วยิ้มพูด “ใช่ นายอายุยี่สิบแล้ว ทำไม อยากให้ฉันจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ให้หรือไง?”
คิดถึงตรงนี้ เขาเองก็รู้สึกขัน โลกภายนอกมีเรื่องเล่าลึกลับมากมายเกี่ยวกับหูชีเยี่ยน เขารวยคับฟ้า ไม่เคยพ่ายแพ้ในเส้นทางการพนันหิน ความจริง…ในวงการหยกนี้ เขาเป็นเหมือนตำนานที่ลึกลับอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
แต่ใครจะรู้ว่าหูชีเยี่ยนผู้ลึกลับคนนี้ ปีนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบปี?
“ฉันหมายความว่า ฉันอายุยี่สิบแล้ว แต่งงานได้แล้ว” หูชีเยี่ยนพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข
“วันนี้ดูเหมือนนายอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้ม นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเขาหัวเราะอย่างเบิกบานแบบนี้ จึงอดถามไม่ได้ “นายอยากแต่งกับใคร?”
“เหลียนเฟิง”หูชีเยี่ยนยังคงยิ้มไม่หุบ “พรุ่งนี้นายไปรับเธอจากหุยชุนถังเมืองกว่างโจว ฉันก็ชักจะคิดถึงเธอขึ้นมาแล้ว…”
“นาย…รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้ง เขารู้มาตลอดว่าเหลียนเฟิงอยู่ที่หุยชุนถัง งั้นเขาก็ต้องรู้สิว่า หุยชุนถังเป็นอุตสาหกรรมซีเหมินน่งเยว่
“รู้แต่แรกแล้วล่ะ” หูชีเยี่ยนยังคงยิ้มแล้ว หยิบบุหรี่จากโต๊ะชาข้างๆขึ้นมาจุด ก่อนจะสูบเข้าไปเต็มปอด พ่นควันออกมาแล้วจึงพูดว่า “ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่เธอลงเขามากับซีเหมินน่งเยว่แล้ว รวมถึงเรื่องที่ไซต์งานและการติดต่อกันระหว่างนายกับเขาในช่วงหลายปีมานี้…นายไม่ต้องปิดบังฉัน พวกนายเป็นพี่น้องกัน ตัดกันไม่ขาด ฉันเข้าใจ ถ้าฉันเป็นเขา ก็คงเกลียดตัวฉันมากเหมือนกัน”
มองยิ้มกร่อยตรงมุมปากของซีเหมินเวิ่นเสว่แล้ว หูชีเยี่ยนพลันยิ้มพูด “อย่ามองฉันเหมือนมองผี วันนี้ฉันอารมณ์ดี บอกให้ในครัวเตรียมอาหาร คืนนี้เรามาดื่มกันสักแก้วมั้ย?”
“เรื่องอะไรทำให้มีความสุขขนาดนี้?” ซีเหมินเวิ่นเสว่เก็บหนังสือในมือไว้บนชั้นวางแล้วถาม “ฉันไม่เห็นนายมีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว”
เป็นจริงอย่างว่า สองปีมานี้ หูชีเยี่ยนหัวเราะน้อยมากจนนับครั้งได้ ซีเหมินเวิ่นเสว่ค้นพบว่า คนสองคนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกเหินห่าง เขามองหูเยี่ยนไม่ออกอีกต่อไป ในยามว่างเขาก็เอาแต่อ่านหนังสือ อีกทั้งอ่านพวกคำโบราณที่เข้าใจยาก
ถึงขนาดที่บางที เขามักจะสังเกตเห็นว่า หูชีเยี่ยนหลับคาหนังสือไปทั้งอย่างนั้น ระหว่างยิ้มมักแฝงความเหนื่อยล้าอันปิดไม่อยู่
แม้จะมีเงินแล้ว แต่หูชีเยี่ยนกลับใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยล้ากว่าใครๆ
แต่วันนี้เขาดูเหมือนว่าจะมีความสุขมาก หลังจากประสบการณ์เมาครั้งหนึ่ง ก็น้อยมากที่เขาจะดื่ม นานๆ ทีจะดื่มในงานเลี้ยงธุรกิจจิวเวลรี่ที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วันนี้กลับพูดเองว่าอยากดื่ม?
“นายอยากกินอะไร ให้ฉันไปทำให้มั้ย” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มพูด
“ไม่ต้อง อาหารที่นายทำมีแต่กลิ่นยาเต็มไปหมด” หูชีเยี่ยนส่ายหน้า ถอดรองเท้า เอามือสอดไว้ใต้หัวนอนลงบนโซฟาใหญ่พลันพูด “ฉันไม่ชินกับอาหารที่นายทำ”
ซีเหมินเวิ่นเสว่หัวเราะ โรคที่ติดตัวหูซีเยี่ยนมาตั้งแต่เด็ก แต่ก่อนก็คงไม่ต้องพูดถึง ภายหลังเขามีเงินมากแล้ว ยาแพงแค่ไหนก็กินไหว อีกทั้งเขายังชำนาญด้านยาสมุนไพรจีน จึงซื้อตัวยาหายากมา ค่อยๆ รักษาให้เขา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก สองปีมานี้ เขาก็ยังคงผอมซูบอย่างมาก ไม่ได้อ้วนขึ้นมาเลย แต่เพราะไม่ค่อยได้ตากแดด ผิวพรรณได้รับการบำรุงมาดีมาก
“ทำไมวันนี้นายมีความสุขมากขนาดนี้?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถาม
“ในที่สุดฉันก็เจอบันทึกเกี่ยวกับหินห้าสีแล้ว” หูชีเยี่ยนยิ้มเบาๆ แล้วพูดต่อ “ไม่เสียแรงที่ฉันอ่านหนังสือโบราณมาสองปี”
“อะไรนะ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถึงกับอึ้ง หินห้าสีงั้นหรือ?
“ใช่” หูชีเยี่ยนพูดต่อ “นี่นายไม่รู้เหรอ ตำนานเล่าว่า หยกเจไดต์ก็เป็นหินที่เทพธิดาหนี่วาเหลือไว้จากการหลอมหินปิดชั้นฟ้า หยกพวกนั้นจึงมีสีแตกต่างกัน ต่อให้หยกพวกนี้จะเป็นประเภทแก้วที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นของที่ใช้ไม่ได้อยู่ดี ท่ามกลางหยกมากมาย มีหยกเพียงก้อนเดียวเท่านั้น ที่เทพธิดาหนี่วาสร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้นำไปปิดชั้นฟ้า”
“ตำนานนี้ฉันก็เคยได้ยิน แต่นายเชื่อหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ขมวดคิ้วถาม
“ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อหรอก แต่ฉันได้เรียนรู้วิชาการหลอมหยก เพราะฉะนั้น…ฉันเชื่อว่าหยกก็คือหินที่เทพธิดาหนี่วาหลงเหลือจากการปิดชั้นฟ้า และฉันเชื่อว่า บนโลกใบนี้มีหินห้าสีอยู่จริง” หูชีเยี่ยนยิ้มพูด “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็หาตำแหน่งที่แน่ชัดเจอแล้ว ที่เหลือก็แค่รอไปหา”
“ฉันไม่เชื่อ” ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหัวพูด
“รอให้ฉันหาหินห้าสีเจอ เดี๋ยวนายก็เชื่อเอง” หูชีเยี่ยนโยนหนังสือโบราณในมือให้เขา ก่อนยิ้มพูดว่า “จินเหลียนในขวด จักรวาลในหิน…ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว”
ซีเหมินเวิ่นเสว่รับหนังสือที่เขาโยนมา แต่เพียงส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม
“วันนี้ฉันมีความสุขมาก” หูชีเยี่ยนยืนขึ้น บิดขี้เกียจแล้วยิ้มพูดว่า “คิดถึงน้องสาวนายแล้ว”
“พูดบ้าอะไรของนาย?” ซีเหมินเวิ่นเสว่เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณท่านของนายเป็นคนยกน้องสาวนายให้ฉันเลย นายจะเบี้ยวงั้นหรอ?” หูชีเยี่ยนหัวเราะแล้วพูดอย่างไม่จริงจัง
ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหน้า เขาไม่เคยพูดจาดีเลยสักครั้ง จากนั้นพลันเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าฉันจำไม่ผิด อายุนายยังไม่ถึงที่กฎหมายกำหนดให้แต่งงาน”
“เอ่อ…” หูชีเยี่ยนพูดไม่ออก พักใหญ่จึงพูดว่า “ฉันอายุยี่สิบปีแล้วนะ”
“อายุที่กำหนดตามกฎหมายการแต่งงานประเทศจีนคือ ผู้ชายต้องอายุครบยี่สิบสองปีบริบูรณ์ นายยังไม่ยี่สิบปีบริบูรณ์เลย” ซีเหมินเวิ่นเสว่ส่ายหัว การที่ได้เห็นเขาพูดไม่ออกแบบนี้ ก็ถือว่าไม่เลว
“ฉันไม่สน” หูชีเยี่ยนส่ายหัวพูด “ยังไงพรุ่งนี้นายก็ต้องไปรับเหลียนเฟิงที่กว่างโจว เราจะลองแต่งกันก่อน…”
“เคยเจอคนหน้าไม่อายนะ แต่ไม่เคยเจอคนที่หน้าไม่อายเท่านายมาก่อน” ซีเหมินเวิ่นเสว่ด่าพลางหัวเราะ
ตกกลางคืน หูชีเยี่ยนดื่มหนักมาก พูดเกี่ยวกับเรื่องหยกและหินห้าสีมากมาย เขาถึงขั้นพูดกับซีเหมินเวิ่นเสว่พร้อมรอยยิ้มว่า เหมืองหยกที่ชายแดนประเทศลาวและพม่า ก็คือที่ที่มีหินห้าสีอยู่ เขาจะพาทุกคนไปหาหินในตำนาน เพื่อปลุกอารยธรรมโบราณให้โลกได้เห็นอีกครั้ง
ตำนานเล่ามาว่า มนุษย์ในสมัยนั้น อายุยืนยาวเป็นร้อยๆ ปีไม่มีวันดับขันธ์
ตำนานเล่าอีกว่า มนุษย์ในสมัยนั้น มีความสามารถพิเศษ สามารถเรียกลมเรียกฝน ควบคุมลมเมฆได้
และตำนานก็ยังเล่ามาว่า ภายในหินห้าสี มีผีอมตะสิงอยู่…
ซีเหมินเวิ่นเสว่เพียงฟังอยู่เงียบๆ จนจบ พอรุ่งเช้าวันถัดมา เขาก็เดินทางไปรับเหลียนเฟิงที่หุยชุนถัง เนื่องจากหูชีเยี่ยนยังไม่ถึงวัยที่กฎหมายกำหนดให้แต่งงานได้ และเขาก็ไม่อยากจัดงานแต่งในต่างแดน เขาเป็นลูกหลานคนจีน การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่อยากจัดงานส่งๆ เพราะฉะนั้น ทั้งสองเพียงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่ได้จัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ