ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 112 ให้เงินคุณ ใช้ตามใจชอบ
ภายในเวลาอันรวดเร็ว หินหยกของเจียหยวนฮวาก็ถูกคนซื้อไปด้วยราคาหนึ่งแสนหยวน ภายในครั้งเดียวเขาเลือกมาห้าก้อน ในเวลานั้นจึงเริ่มเจียระไนหินต่อไป ซีเหมินจินเหลียนเองก็มองดูอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เองโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนหยิบมือถือขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ่านป๋ายที่โทรเข้ามา แปลกจริงวั นนี้เธออยู่ที่นี่และมีความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดมาก แต่จ่านป๋ายกลับไม่เดินเข้ามาหาเลย มันก็ดูแปลกกว่าปกติจริงๆ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
เมื่อรับสายโทรศัพท์ ซีเหมินจินเหลียนพูดได้เพียงคำว่าฮัลโหล ก็ได้ยินเสียงของจ่านป๋ายถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “จินเหลียน ทางนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีนี่” ซีเหมินจินเหลียนตอบกลับไป ถึงจะมีปัญหาแต่ตอนนี้ก็แก้ไจได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่มีเรื่องอะไร กำลังรู้สึกเบื่อๆ แล้วดูคนเจียระไนหินก็เท่านั้น
“จินเหลียน คุณแยกตัวออกมาจากจ่านมู่ฮวาและฉินเฮ่าก่อน เดินมาด้านหลัง ผมมีเรื่องด่วนจะคุยกับคุณ” จ่านป๋ายพูดขึ้น
“อ้อ…โอเค” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ท่าทางของจ่านป๋ายดูมีลับลมคมใน หรือว่าเขาจะทำเรื่องอะไรอีก? ที่นี่ก็ไม่เหมือนกับที่บ้านนะ เขาก็คงไม่เล่นเกมโรแมนติกอะไรที่นี่หรอกใช่ไหม?
เธอคิดพลางและเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะเดินเบียดเสียดออกมาจากผู้คน ถือโอกาสที่จ่านมู่ฮวาและฉินเฮ่าดูเจียหยวนฮวากำลังเจียระไนหิน หันตัวหลบหลีกเดินไปทางด้านหลัง
“จินเหลียน คุณจะไปไหน” ไม่นานจ่านมู่ฮวาก็ตามมาทัน
“ฉันไปดูงานเดิมพันด้านหลังสักหน่อย คุณไปดูผู้อาวุโสเจียเจียระไนหินเถอะ ถ้าหากมีหยกสวยมากๆ อย่าลืมซื้อมาไว้ล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลบเลี่ยง
“คุณจะไปหามู่หรงเหรอ” จ่านมูฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนถูกเขามองออก หน้าก็แดงก่ำขึ้นมา ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จ่านมู่ฮวาถอนหายใจแล้วถามขึ้น “ผมมีตรงไหนที่สู้เขาไม่ได้กัน?”
“คุณทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ
“ผมก็ดูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“บางครั้ง คุณก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง” ซีเหมินจินเหลียนพูด แต่ในใจก็เพิ่มเติมประโยคต่อไปว่า เพียงแต่ไม่เหมาะกับฉันก็เท่านั้น!
จ่านมู่ฮวาหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ก่อนส่งไปให้เธอ “เมื่อวานพวกเราตกลงกันแล้ว ถ้าหากคุณเล่นเดิมพันหินใหญ่ ผมจะลงเดิมพันไปก่อน หลังจากนั้นจะแบ่งกันห้าต่อห้า คุณคงไม่ทิ้งผมแบบนี้หรอกนะ”
“ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น เธอไม่เพียงแต่ยิ้มฝืน เธอไม่เคยเจอใครสุดจะทนขนาดนี้ “ถ้าหากจะให้ฉันเล่นเดิมพันหินใหญ่ จะต้องใช้เงินของคุณ”
“รหัสคือวันเกิดของคุณ” จ่านมู่ฮวากระซิบที่ข้างหูเธอ “เงินนี่ให้คุณ คุณจะวางเดิมพันอะไรที่ไหนก็ตามสบาย ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร ผมสบายๆ อยู่แล้ว”
พูดไปจ่านมู่ฮวาก็หันหลังกลับ แต่ไม่ได้ไปทางผู้อาวุโสเจียที่เจียระไนหินอยู่ เขากลับเดินไปทางห้องรับแขกด้านข้างแทน
ในมือของซีเหมินจินเหลียนกำบัตรธนาคารไว้ ในใจมีแต่ความสับสนอย่างบอกไม่ถูก เธอจำที่จินอ้ายหัวเคยบอกได้ว่า เมื่อผู้ชายพูดกับผู้หญิงว่า ‘ผมรักคุณ!’ นั่นก็ไม่ใช่ประโยคที่ตราตรึงใจที่สุด เพราะส่วนมากจะมีความหลอกลวงอยู่ในนั้น แต่ประโยคที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือการที่ผู้ชายมาพูดกับผู้หญิงว่า ‘เงินนี่ให้คุณ คุณจะใช้จ่ายอะไรก็ได้ตามสบาย’ ต่างหาก
ตอนแรกที่จินอ้ายหัวพูดประโยคนี้ เธอคิดว่าเป็นเพียงคำพูดที่ติดตลก แต่วันนี้กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งยัดบัตรธนาคารมาใส่มือเธอ แล้วพูดกับเธอว่า ‘เงินนี่ให้คุณ คุณจะวางเดิมพันอะไรที่ไหนก็ตามสบาย…’ เมื่อย้อนคิดดูแล้วงานเดิมพันที่หรูหราในคืนนี้ จ่านมู่ฮวาก็วางเดิมพันข้างเธอโดยใช้ทรัพย์สินที่บ้านของเขา ราวกับว่าเชื่อใจเธออย่างมาก แต่เธอกับเขา ความจริงแล้วก็ไม่ได้สนิทสนมกันเลย แม้กระทั่งจ่านมู่ฮวาก็เคยพูดไว้ว่าที่เขาตามจีบเธอ ทั้งหมดนั้นมันก็เพื่อผลประโยชน์
เธอหันหลังกลับไปเธอก็เดินไปทางห้องนิทรรศการด้านหลังของการเดิมพันหินใหญ่ ในมุมหนึ่งเธอก็พบกับจ่านป๋าย
“มีอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น
จ่านป๋ายลากซีเหมินจินเหลียนมาและพูดขึ้นว่า “ผมเห็นหลินเสวียเหวิน…”
ซีเหมินจินเหลียนงนิ่งอึ้งไป หลินเสวียเหวินอย่างนั้นหรือ? นายท่านตระกูลหลินที่เพิ่งจากไปได้ไม่นาน คนที่ได้ยินมาว่าลูกและสะใภ้วางยาฆ่าเขา เพื่อที่ต้องการชีวิต อีกทั้งเธอเพิ่งเริ่มซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อ จิวเวอรี่ได้สำเร็จ
“หลินเสวียเหวินไหนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม บางทีอาจจะเป็นคนที่ชื่อเหมือนกันแซ่เหมือนกันก็ได้
“ยังจะมีหลินเสวียเหวินไหนอีกล่ะครับ?” จ่านป๋ายกระซิบถาม “ก็คุณปู่ของหลินเสวียนหลานยังไงล่ะ!”
“คุณจะบอกว่าคุณเห็นผีเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าอาจจะเห็นผี แต่มันพิสูจน์ได้ว่าคนคนนี้ยังไม่ตาย ดูท่าทางเขาแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย” จ่านป๋ายพูด
“คุณไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว หลินเสวียเหวินยังไม่ตาย? นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เธอก็ได้ไปร่วมงานศพของเขา เห็นกับตาว่าเขาถูกฝังแล้ว
“ผมก็หวังว่าผมจะดูผิด ดูผิดบ้าบออะไรก็ได้!” จ่านป๋ายถาม
ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาด่าสถบออกมา ก็หัวเราะพร้อมถามขึ้น “ถ้าเขายังไม่ตายจริงๆ หรือว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่?”
“ปัญหาก็คือ ผมก็ไม่รู้!” จ่านป๋ายยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าเขาชอบแกล้งตายก็ปล่อยให้เขาแกล้งตายไปเถอะ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” ซีเหมินจินเหลียนเบ้ปากพูดออกมา อายุปูนนี้แล้วยังชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆ อีก
“จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้หรอกครับ” จ่านป๋ายสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นแล้วพูด “จินเหลียน คุณลองคิดดูสิ บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก็เป็นหลินเสวียเหวินที่ปั้นขึ้นมากับมือ ตอนนี้พวกเราซื้อหุ้นมาไว้ทั้งหมดแล้ว แม้ว่าชื่อจะเป็นของคุณ ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลานร่วมหุ้นกัน แต่เมื่อทุนที่ได้จากการเดิมพันเข้ามา หุ้นของพวกเขาในมือส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในชื่อของคุณ ตอนนี้ ผม ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลาน มีหุ้นอยู่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ส่วนคุณมีหุ้นทั้งหมดเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ล้มละลายจบไปนานแล้ว ถ้าผู้อาวุโสคนนี้ยังไม่ตาย เขาจะยอมให้เป็นอย่างนี้เหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนลองคิดตามดูแล้ว สิ่งที่จ่านป๋ายพูดก็ดูมีเหตุผล แต่สภาพการณ์ตอนนี้ ถ้าหากหลินเสวียเหวินมีเงิน เขาคงไม่ให้เธอซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไปได้สำเร็จหรอก ไม่เช่นนั้นการที่เขาเล่นเกมแกล้งทำเป็นตายก็ไม่ได้อะไรกลับมา หรือว่าการแกล้งทำเป็นตายจะทำให้หยกออกมาอย่างไม่คาดคิด?
“คุณยุ่งอยู่ด้านหลังทั้งวันเพื่อดูสิ่งนี้น่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลีวนยิ้มแหยถามขึ้น
“เถ้าแก่โจวก็มาเข้าร่วมการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้…” จ่านป๋ายพูดขึ้นอีกครั้ง
“อืม เขาเปิดร้านค้าหินหยก การที่จะเอาหินหยกสักก้อนมาเล่นสนุกด้วยก็เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้เขายังฉลาดเฉียบแหลม มีเงินตั้งมากมาย” ซีเหมินจินเหลียนพูด เรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกเลยสักนิด เพราะว่าร้านของเหล่าโจวเปิดอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองเซี่ยงไฮ้ก็มีโอกาสในเรื่องของหยกแบบนี้ ถ้าเขาไม่ร่วมนี่สิ ถึงเรียกว่าผิดปกติ
“หลินเสวียเหวินก็อยู่ด้วยกันกับเขา อีกทั้งข้างกายเขายังมีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง…” จ่านป๋ายพูด
แน่นอนว่าซีเหมินจินเหลียนไม่สนใจ หลินเสวียเหวินอยากแกล้งตายเพื่อปกปิดครอบครัวและเพื่อนฝูง ด้านนอกจำเป็นต้องมีคนช่วยอย่างแน่นอน ครั้งก่อนเจียหยวนฮวาพูดไว้ว่า หลินเสวียเหวินและเถ้าแก่โจวติดต่อกันโดยตลอด และบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่มีเงินก้อนใหญ่ในหลายปีนี้ก็ถูกหลินเสวียเหวินโอบอุ้มไป ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรกันแน่? แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คนปกติ
“จินเหลียน ผมรู้สึกว่าเรื่องมันดูไม่ชอบมาพากลแปลกๆ” จ่านป๋ายจับไหล่เธอไว้อย่างเบามือ เธอคงไม่รู้ว่าตอนที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้น เขาเกือบจะร้องตะโกนตกใจขึ้นมา
“ก็แค่หลินเสวียแกล้งทำเป็นตาย ชอบแกล้งก็ปล่อยให้เขาแกล้งไปก็พอ แล้วหลินเสวียนหลานรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” ในใจของซีเหมินจินเหลียนรู้สึกขมขื่น ดูท่าทางของจ่านป๋ายดูเคร่งขรึมแบบนี้แล้ว นั่นก็แสดงว่าหลินเสวียนหลานคงจะรู้สินะ
เป็นอย่างที่คิดไว้ จ่านป๋ายพยักหน้า หลินเสวียนหลานรู้เรื่องนี้
“จินเหลียน ผมคงทำร้ายคุณอีกแล้วสินะ” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อน
“คุณจะทำร้ายฉันได้อย่างไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา และเล่นผมยาวทีอยู่ตรงหน้าอกของเธอ “ฉันไม่ได้ถูกยั่วยุง่ายขนาดนั้น ถ้าหากบางเรื่องจำเป็นต้องเผชิญหน้า อย่างนั้นพวกเราก็เผชิญไปด้วยกัน!” พูดถึงประโยคสุดท้าย เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลง ในใจที่กลัดกลุ้มมาตั้งนาน ราวกับได้แตกซ่านออกไป ถ้าหากมีเรื่องที่จำเป็นต้องเผชิญหน้า ถ้าหากตำนานที่กล่าวขานนั้นเป็นจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงไม่ต้องด้อยกว่าคนอื่นแล้ว
“ผมคิดมาตลอดว่า เมื่อซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ได้ทั้งหมด นั่นก็เป็นเรื่องที่ชาญฉลาดมาก แต่ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่าบางทีก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด” จ่านป๋ายพูด
“ฉันก็ต้องการเงิน ถ้าไม่มีบริษัทจิวเวอรี่ หยกของฉันก็ขายไม่ออก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าอยากจะหาหินปิดฟ้า ฉันต้องการเงินก้อนใหญ่”
จ่านป๋ายรู้สึกสับสน คิดไม่ถึงว่าในใจของเธอจะคิดถึงเรื่องหินปิดฟ้าอยู่ เธอก็สนใจเรื่องมหัศจรรย์ในตำนานนั้นจริงๆ ด้วย
“ถ้าหากฉันเป็นผู้สืบทอดจากทางใต้จริงๆ ในเมื่อบรรพบุรุษเริ่มเรื่องนี้มาแล้ว ฉันก็ต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้หน้าที่นี้ทำต่อไปได้” ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนพูดประโยคนี้ ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับการพูดเช่นนี้ในใจของเธอ เธอก็คือผู้สืบทอดจากทางใต้ เธอต้องตามหาหินปิดฟ้าในตำนาน หาอารยะธรรมที่เคยสูญหายไป…
จ่านป๋ายถอนหายใจออกมาและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะคอยสนับสนุนคุณตลอดชีวิตเลย!”
“พวกเราไปดูการเดิมพันหินใหญ่เถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันต้องการเงิน เงินก้อนใหญ่…” คนอายุช่วงนี้ มีเงินเท่านั้นถึงสามารถซื้ออำนาจได้ ถึงขั้นมีเงินแล้วยังเสกผีมาได้เลย
“เจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า ก็ดูเป็นคนแปลกๆ” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้น
“แปลกๆ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน ความจริงนักเดิมพันบางคน นิสัยมักจะแปลกๆ กันทั้งนั้น เมื่อมองในสายตาของคนธรรมดาอาจจะไม่เข้าใจ คิดว่าไม่ปกติ ความจริงแล้วก็ไม่เหมือนกับนักธุรกิจจิวเวอรี่จริงๆ “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น”
“ผมก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้อาวุโสหูที่มีหน้าตาท่าทางดุร้าย” จ่ายป๋ายพูด “คนแบบนี้ บนตัวต้องเปรอะเลือดแน่…”
“ฉันคิดว่าผู้อาวุโสหูก็แค่นิสัยแปลกๆ ไปหน่อย น่าสนใจดี” ซีเหมินจินเหลียนจ้องไปที่จ่านป๋ายท่าทางดุร้ายเหรอ? เขาพูดคำนั้นออกมาได้อย่างไรกัน พวกเขาเล่นเดิมพันหินนะ ไม่ใช่เล่นเกมนักฆ่า
จ่านป๋ายกวาดสายตามองไปยังห้องโถง แต่ก็ไม่เจอคนแปลกประหลาดนั่น ความจริงเมื่อสักครู่เขาตกใจเป็นอย่างมาก แต่ความรู้สึกนั้นตื่นเต้นเหลือเกิน ตื่นเต้นและกดดันเสียกว่าตอนที่เขาพบกับผู้อาวุโสหูครั้งแรก
คนคนนี้น่าจะอ่อนกว่าผู้อาวุโสหู อายุน่าจะราวๆ สี่สิบห้าสิบปี ดวงตาเย็นชา แต่กลับทำให้ผวาอย่างบอกไม่ถูก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำธรรมดา เย็นชาจนเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง เรียกได้ว่าถ้าพาเขาไปในสถานที่ที่มีอุณหภูมิอบอุ่น อุณหภูมิที่นั่นคงลดฮวบลงทีเดียว