ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 125 เผชิญหน้าแข่งขันอย่างเข้มข้น
สิ่งที่หวังหมิงเหยาเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก็คือเลือดสดๆ สีแดงละลานตา ที่ไหลออกมาจากศีรษะของเขา
“นี่แกโง่จริง หรือว่าแกล้งโง่กันแน่?” มีคนถอนหายใจพูดขึ้นราวกับเห็นอกเห็นใจ แต่อีกทางก็เหมือนเหยียดหยาม ไม่ว่าเรื่องอะไรตอนนี้หวังหมิงเหยาก็เข้าใจหมดแล้ว แต่ว่าก่อนที่จะตายไม่ว่าเขาคิดอย่างไรก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงไม่ยอมรับการขู่เข็ญจากเขา?
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น การเดิมพันในคืนนี้ใกล้ถึงขั้นตอนในการผ่าหินที่เป็นไฮไลต์สำคัญของงานนี้ ไม่สนว่าเป็นแขกหรือว่าผู้เข้าร่วมเดิมพัน ไม่สนว่าจะเป็นผู้เดิมพันเฉยๆ หรือว่านักเดิมพันผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ล้วนตื่นเต้นกันขึ้นมาบ้างแล้ว
วันนี้เป็นวันสุดท้าย ถ้าพลาดวันนี้ไปก็ต้องรองานนิทรรศการอัญมณีที่จะจัดขึ้นอีกสามปีข้างหน้า สามปีต่อจากนี้ตลาดจะตื่นตัวไม่สงบ จะมีหลายบริษัทที่ผุดขึ้นมาและหลายบริษัทที่ต้องล้มตัวลง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าจะสามารถมีพื้นที่อยู่ในแวดวงวงการนี้ได้หรือไม่
มีบางคนที่ตื่นเต้นจนระงับอาการไม่อยู่ อีกทั้งบางคนก็เ**่ยวเฉาจนแทบกลัดกลุ้ม ชีวิตมนุษย์นี้ก็ขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งก็พูดยากเหลือเกิน
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ ถ้าอย่างนั้นสิ่งหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้อยู่อย่างหนึ่งก็คือปัจจุบัน! สายตาของทุกคนโฟกัสไปที่จุดศูนย์กลางของงานนิทรรศการ รอคอยการผ่าหยกในค่ำคืนนี้ที่จะเริ่มขึ้น
จู่ๆ แสงไฟในงานนิทรรศการที่เคยสว่างไสวก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ท่ามกลางผู้คนมีคนร้องตะโกนโวยวายขึ้น คนส่วนมากต่างหามือถือขึ้นมาเปิดไฟฉาย ส่วนนักเดิมพันหินส่วนมากก็มีไฟฉายพลังสูงกับแว่นขยายติดตัวกันหมด
หลังจากที่ตกอยู่ในความมืดไม่นาน แสงไฟก็สว่างขึ้นชั่วพริบตา ทุกคนยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่กล้าขยับไปไหน ผ่านไปไม่นานแสงไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นผู้จัดการดูแลในงานนิทรรศการเดินเข้ามาอธิบายสถานการณ์ว่าเป็นเพียงแค่ไฟตกเท่านั้น
สีหน้าของคุณนายซูดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอรู้ดีว่าถ้าหากซีเหมินจินเหลียนต้องการที่จะสับเปลี่ยนหินหยกจริงๆ เธอต้องอาศัยโอกาสนี้แน่
คลับหยกเป็นของจ่านมู่ฮวา ถ้าเธอจะเล่นอะไร มันก็ง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้ว
ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋าย จ่านป๋ายเองก็มองเธอ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้เธอวางใจ ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ผ่อนคลายลงแล้ว สำหรับจ่านป๋ายแล้ว วิธีเล่นกลสับเปลี่ยนนั้นถือเป็นเรื่องเล็ก จนอาจจะไม่คุ้มค่ากับการกระทำแค่เล็กน้อยนี้ จนบางครั้งเขาคิดว่าการปิดไฟอาจจะยากกว่าอีก
การเดิมพันหินในคืนนี้ไม่ได้คึกคักเหมือนเมื่อคืน ผู้เข้าร่วมเดิมพันมีไม่ถึงสิบห้าบริษัท แต่เพราะว่ามีการเปิดอัตราต่อรองที่ต่ำมากเลยทำให้ผู้ชมส่วนมากให้การรอคอยเพิ่มขึ้น
เครื่องเจียระไนสิบห้าเครื่องวางไว้ที่งานนิทรรศการ มีผู้เชี่ยวชาญสิบห้าคนในการเจียระไนหินสวมใส่ชุดทำงานที่เหมือนกัน ในขณะที่เจียระไนหิน จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อะคนค่ะ!”
ผู้คนที่เหลือต่างงุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ซีเหมินจินเหลียนจะเดินไปตรงกลางและมองไปทั่วงานจึงพูดว่า “ฉันขอให้คนของฉันเป็นคนเจียระไนหินเองค่ะ!”
คุณนายซูถอนหายใจก่อนมองไปรอบด้าน ไม่มีใครที่คัดค้านซีเหมินจินเหลียนเลยสักคน เธอไม่มีทางเลือกเลยพูดขึ้นว่า “น้องสาวก็กลัวเกินไปหรือเปล่า ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็มีฝีมือและประสบการณ์มาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีทางทำให้หินหยกของเธอเสียหายแม้แต่นิดเดียวหรอก”
“พี่สาวคะ ถ้าพี่ไม่วางใจก็ให้คนของตัวเองมาผ่าสิ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าฝีมือของผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างไร ฉันแค่อยากจะให้คนของตัวเองมาเจียระไนก็เท่านั้น คำขอร้องนี้คงไม่มากไปใช่ไหมคะ?”
คำขอร้องนี้ก็ไม่ได้มากเกินไปจริงๆ การที่ให้คนของตัวเองมาเจียระไนหินก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี กลับกันหินหยกที่ส่งมาถึงงานนิทรรศการก็อยู่ตรงหน้าผู้คนแล้ว แถมการเจียระไนหินยังเปิดเผยให้เห็นโจ่งแจ้ง ไม่มีทางที่จะเล่นอะไรสกปรกได้
คุณนายซูคิดเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอร้องของเธอไม่ออก เพราะอย่างนั้นเมื่อคคิดสัครู่เธอถึงพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้!”
จ่านป๋ายยกหินหยกหมายเลขสิบเอ็ด ก่อนเริ่มเดินไปทางเครื่องเจียระไน แม้ว่าผู้คนจะพากันสงสัย แต่การเจียระไนนี่ก็เปิดเผยต่อสาธารณชน เรียกร้องให้คนของตัวเองมาเจียระไนหินเพื่อความวางใจเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น
ส่วนนักเดิมพันหินผู้มีประสบการณ์ช่ำชองก็เข้าใจจิตใจของซีเหมินจินเหลียนได้ หินหยกพวกนั้นเล็กเกินไปจริงๆ ถ้าหากขอช่วยให้คนอื่นมาเจียระไน เกิดทำไม่ดีเข้า ความสะเพร่าจากการเจียระไนครั้งนี้อาจทำให้หินหยกข้างในเสียหายไปหมดก็ได้ ให้คนของตัวเองมาเจียระไนจึงทำให้สบายใจขึ้น
ท่าทางของจ่านป๋ายยิ่งแปลกเข้าไปอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำเครื่องลับมีดมา และไม่ใช้เครื่องเจียระไนหินที่ฝ่ายจัดงานเตรียมไว้ให้ เขานำหินหยกขนาดเล็กเท่าไข่ไก่ก้อนนั้นวางลงไปบนเครื่องลับมีดแล้วค่อยๆ เจียระไนลับมันอย่างระวัดระวัง
ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ เพราะว่าหินหยกหมายเลขสี่ก็เล็กเช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญเลยยอมละทิ้งเครื่องเจียระไนหินที่ทันสมัย เปลี่ยนไปใช้แรงฝีมือเริ่มวิธีเจียระไนหินเหมือนหมายเลขสิบเอ็ด
ผู้คนเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือจะหัวเราะดี ถ้าจะรอให้สองท่านนี้เจียระไนเสร็จ นี่ก็ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่กัน? แต่ถึงจะมีคนใจร้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเร่งรัดขึ้น หินหยกพวกนี้ราคาคงหลักล้าน ถ้าหากเจียระไนเสียหาย ใครกันจะรับผิดชอบความเสียหายครั้งนี้?
หินหยกแต่ละก้อนค่อยๆ เจียระไนออกมา แม้ว่าจะมีอาการช็อกจากเมื่อวาน แต่เมื่อหินหยกก้อนนั้นของเจียหยวนฮวาถูกตั้งไว้ตรงกลางเวที ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงงงงัน เนื้อแก้ว หยกกินบ่อเสี้ยน!
สีเขียวมรกตที่ใสบริสุทธิ์ เป็นสีเขียวสดได้มาตรฐาน เสริมกับสีม่วงดอกไลแอคที่สดเข้ม สดใสจนทำให้ผู้คนประทับใจไม่รู้ลืม
หินหยกหมายเลขแปด เป็นของคนแปลกหน้าหน้าใหม่ก็เจียระไนเผยให้เห็นเนื้อแก้ว เป็นสองสีเช่นกัน สีแดงไฟและสีเหลืองน้ำมันไก่ผสมรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้คนที่ชอบในสีโทนอบอุ่นพากันตกใจชื่นชมเป็นระนาว
สายตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่หินหยกหมายเลขสอง เนื้อแก้วสีเขียวอ่อน ลักษณะดีมาก แต่ภายในสถานที่แบบนี้ยังไม่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้ดีเท่าไหร่นัก
หินหยกที่สามารถทำให้ตกตะลึงในงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ได้ ส่วนมากเป็นของสะสมส่วนตัว โดยปกติไม่ค่อยปรากฏให้เห็น และไม่ได้จัดอยู่ในชนิดที่จะอยู่ในเหมืองหยก นั่นเท่ากับว่าหินหยกพวกนี้ เจียระไนออกก้อนหนึ่งเท่ากับน้อยลงอีกก้อนหนึ่ง หินหยกบางก้อน ถ้าในชาตินี้มีโอกาสได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง ก็ต้องพึ่งแต้มบุญที่สะสมกันมาแรมปี
ถ้าหากสิ่งที่ผู้อาวุโสหูพูดทุกอย่างเป็นความจริง หินปิดฟ้าของเทพธิดาที่กลายเป็นหยก ถ้าหากเหมืองแร่นั่นจะกำเนิดขึ้นใหม่ ก็ได้แต่รอคอยให้เทพธิดากลับมาเกิดอีกครั้งแล้ว
คิดได้เท่านี้ ซีเหมินจินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น สายตาหันไปมองหินหยกก้อนนั้นจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เป็นเนื้อแก้วสีเขียวเข้มสด
ซีเหมินจินเหลียนผ่อนคลายลงไปหน่อย หินหยกที่ถูกเจียระไนออกมา เธอกฌไม่ต้องกังวลแล้ว แม้ว่าเธอเคยดูมาแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นกังวลว่าคุณนายซูอาจจะสับเปลี่ยนหินหยก จนสุดท้ายพลิกเกมใส่เธอ
ตอนนี้ ขอแค่หินหยกของคุณนายอวิ๋นถูกเจียระไนออกมา ถ้าไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย ผู้ชนะคืนนี้ก็คือเธอ
ผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินกับจ่านป๋ายกำลังเจียระไนหินอยู่ ไม่ว่าเป็นใครก็ต่างอดทนรออย่างตั้งใจ ผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินคงมีฝีมือชำนาญการ เพราะฉะนั้นความเร็วของเขาขึ้นแซงจ่านป๋ายอยู่หน่อย ไม่นานสองมือก็โอบอุ้มประคองหินหยกขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ขึ้นมาวางไว้ที่ตรงกลางเวทีงานนิทรรศการ
หินหยกหมายเลขสิบสี่ขนาดไม่ใหญ่ แต่สีสันกลับทำให้หัวใจของคนเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ข้างนอกคือเนื้อแก้วบริสุทธิ์ มีความโปร่งใสสูงสุด ราวกับคริสตัลใสจากธรรมชาติ ข้างในราวกับมีกลีบดอกไม้ เมื่อเจียระไนออกมาเป็นสีสันสามสี แดงเหลืองม่วง…
ผู้คนแม้แต่เอ่ยปากยังไม่กล้า หยกหรือ! หยกที่น่ามหัศจรรย์เช่นนี้ สามารถทำให้คนแปลกใจได้อย่างไร? หินหยกแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแกะสลักอะไรแล้ว แค่นี้ก็พอทำให้ผู้คนทั้งหมดตกตะลึงในความงาม
ไม่ๆ ในใจของคนส่วนมากคิดว่าหินหยกแบบนี้ยังจะเรียกว่าหยกอีกหรือเปล่า?
ไม่น่าล่ะผู้จัดงานหมายเลขสิบสี่ถึงเปิดอัตราต่อรองไปที่หนึ่งต่อหนึ่ง นี่ก็สวยเกินกว่าจะบรรยายจริงๆ หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ฝูงชนระดมเสียงปรบมืออย่างรุนแรงต่อเนื่อง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถแสดงความตื่นเต้นในใจได้ทั้งหมด
รอประมาณสิบนาที หินหยกหมายเลขสิบเอ็ดก็ยังเจียระไนออกมาไม่หมด มีเสียงของคนพวกหนึ่งเริ่มส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหว
“ยังจะรออะไรอยู่? รีบประกาศผลซักทีสิ!”
“ยังจะต้องประกาศอะไรอีกล่ะ? ผู้ชนะในคืนนี้ก็ต้องเป็นหมายเลขสิบสี่อย่างไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว!”
…
“นี่ ฉันได้ยินมาว่า หินหยกหมายเลขสิบสี่เป็นของคุณนายอวิ๋น หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่เป็นคนส่งมาเดิมพัน คุณนายอวิ๋นคนนี้ พวกคุณรู้หรือเปล่า ตอนที่เธอยังวัยรุ่น ก็มีฉายาในโลกการเดิมพันว่าเป็นเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้”
“ที่แท้ก็เป็นเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใครนี่เอง!”
…
มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นข้างหูของซีเหมินจินเหลียน แต่สีหน้าท่าทางของเธอยังคงไม่เปลี่ยน ทำได้แค่มองยังนิ่งๆ ส่วนคุณนายซูหยิ่งผยองได้ใจแอบเหล่มองข้างๆ ซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดว่า “น้องจินเหลียน ดูจากผู้ชนะคืนนี้แล้ว ก็คงเป็นพี่และคุณป้าพี่ผู้เป็นตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใครอยู่แล้ว”
“ก่อนที่จะตัดสินผู้ชนะ พี่สาวที่พูดเรื่องนี้ก็ไม่คิดว่าเร็วไปหน่อยหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยืดลำคอขาวดั่งหิมะขึ้น ท่วงท่าชดช้อยสง่างามมีความเหยอหยิ่งในตัว “เมื่อครู่ฉันก็บอกแล้วว่า ฉายาตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใครของคุณนายอวิ๋น นั่นก็เป็นเพราะว้าเธอยังไม่เคยเจอฉัน ซีเหมินจินเหลียน”
“หรือว่าน้องสาวยังจะมั่นใจอะไรอีก?” ในขณะที่คุณนายซูพูดประโยคนี้ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเก่า ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คน
ผู้หญิงสวยกับหยกต่างเป็นประเด็นที่ผู้ชายให้ความสนใจยกมาพูดคุยกันไม่หยุดปาก เพราะฉะนั้นสายตาของผู้ชมต่างอดไม่ได้ที่จะเพ่งเล็งมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนและคุณนายซู
“เดิมพันก็เดิมพันแล้ว ยังจะพูดเรื่องนี้อีกทำไมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ก่อนที่หินหยกของฉันจะเจียระไนออกมา พี่สาวก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะ อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งออกความเห็นอะไรเลยดีกว่าค่ะ”
“น้องสาวก็กล้ามากนะ จนป่านนี้แล้วก็ยังคงกัดไม่ปล่อยอีก?” คุณนายซูยิ้มแสยะ เธอไม่เชื่อว่า ซีเหมินจินเหลียนจะสามารถเจียระไนหยกที่สามารถชนะคุณนายอวิ๋นได้ “ไม่อย่างนั้น พวกเราใช้วินาทีสุดท้ายนี้ เพิ่มเดิมพันลงไปหน่อยเป็นไง?”
“พี่สาวยังคิดจะเดิมพันอีกหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ หรือว่าเธอคิดว่าตัวเองชนะแน่แล้ว “เดิมพันอะไรคะ”
“เดิมพันด้วยดวงตาคู่นี้เป็นอย่างไร?” คุณนายซูยิ้ม “ถ้าใครแพ้ คนคนนั้นก็ต้องควักดวงตาคู่นั้นออกมา หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเดิมพันหินอีก ผู้ชมทุกท่านเป็นพยาน!” ในขณะที่พูด เธอก็ลูบไปที่ดวงตาของตนและทำตาสดใสมีเสน่ห์
“แม่หนู อย่าไปเดิมพันกับเธอเลย…” ท่ามกลางผู้คนนั้น มีคนหนึ่งที่ทนดูไม่ได้ เมื่อหินหยกของคุณนายอวิ๋นก้อนนี้เจียระไนออกมาแล้ว ก็เหมือนได้ผู้ชนะครั้งนี้แล้ว ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนเดิมพันกับเธอด้วยอารมณ์แบบนร้ นี่ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก