ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 134 อ่อนโยนอย่างหยก
หลังจากที่ออกมาจากหลานรั่วซื่อแล้ว ซีเหมินจินเหลียนที่นั่งอยู่ในรถก็ถามขึ้น “คุณคิดจะร่วมมือกับพวกเขาจริงๆ เหรอ? พวกเขาเป็นถึงกลุ่มนักโทษคดีปล้นขโมยเชียวนะ!”
จ่านป๋ายนั่งอยู่นั้น เนิ่นนานถึงได้พูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนผมเคยร่วมมือกับพวกเขา เครดิตของพวกเขาไม่เลวเลย อีกทั้งเป้าหมายของพวกเขาตั้งแต่แรกก็เพื่อหินปิดฟ้า พวกเขาและพวกคุณน่าจะเป็นแขนงเดียวกัน”
“พวกเราเดิมพันหิน แต่พวกเขาคือโจร!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างหมดอารมณ์ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าการร่วมมือกับพวกเขาก็เหมือนเจรจากับคนชั่วเลย ถึงจะยอมเสียสละผลประโยชน์มากเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วก็ไม่สำเร็จ วันนี้พวกเขาสามารถขโมยของมาจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่และร่วมมือกับพวกเราได้ สักวันหนึ่งเขาก็อาจจะมาลอบกัดลักขโมยแบบนี้กับพวกเราก็ได้ เพื่อที่จะหาคนมาร่วมมือใหม่!” สำหรับการตัดสินใจของจ่านป๋ายในวันนี้ เธอไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ความร่วมมือเรื่องตามหาหินปิดฟ้าก็อีกเรื่อง ส่วนความร่วมมือแบบนี้ก็เป็นอีกเรื่อง
“ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร” ในใจของจ่านป๋ายรู้ดี ที่ไห่ถังทำอยู่นั้นมันขัดกับจริยธรรมของซีเหมินจินเหลียน การที่เธอจะยอมรับไม่ได้เขาก็พอจะเข้าใจได้ “เพียงแค่ร่วมมือกันเท่านั้น เราไม่เป็นจำต้องร่วมมือกันทำเรื่องชั่วๆ กับพวกเขา”
“ถ้าหากร่วมมือกัน พวกเราก็ต้องช่วยพวกเขาค้าของโจร แล้วนี่ยังไม่เรียกว่าทำเรื่องชั่วๆ อีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามกลับ
“คุณลองคิดดูสิว่าคืนนี้คุณนายซูแพ้ไปเท่าไหร่” จ่านป๋ายถามขึ้นกะทันหัน
ซีเหมินจินเหลียนเงียบงันไม่พูดจา คืนนี้คุณนายซูแพ้ไปอย่างราบคาบ ส่งผลให้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไม่มีทางที่จะชดใช้ได้หมด ตอนนั้นเธอไม่ได้เรียกร้องขอเงินเดิมพันในทันที อยากจะให้เวลาพวกเขาหาหนทางสักหน่อย แต่จ่านมู่ฮวาคงจะไม่อ่อนโยนเท่ากับเธอ เขาคงจะบีบบังคับบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เพื่อต้องการเงินก้อนนั้น
จ่านป๋ายพูดถอนหายใจออกมา “คุณนายซูคงรับไม่ไหวกับการจ่ายเงินเดิมพันครั้งนี้เป็นแน่ ในใจของคุณน่าจะรู้ดี! แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าถ้าคุณแพ้ คุณจะทำอย่างไร? เธอจะปล่อยคุณไว้เหรอ? เธอเสนอนัดเดิมพัน ทำไมพวกเราจำเป็นต้องลงเดิมพันด้วย? เพราะว่าเธอเป็นมังกรที่ยิ่งใหญ่ในโลกอัญมณี เธอมีสิทธิ์เด็ดขาด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากทำได้แล้วทำไมพวกเราไม่ไปแทนที่ล่ะ?”
“ฉันคิดว่าถ้าทำแบบนี้มันจะดูไร้คุณธรรมไปหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“จินเหลียน ผ่านค่ำคืนนี้ไปคุณก็จะตกเป็นที่สนใจของทุกคน เพื่อความปลอดภัยของคุณ คุณจำเป็นที่จะต้องหาคนร่วมมือที่มีอำนาจใหญ่หน่อย” จ่านป๋ายถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ส่วนผมคนนี้มีอำนาจจำกัด ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ถูกคุณนายซูรังแกจนขนาดนี้หรอก เรื่องเล็กน้อยผมสามารถช่วยคุณจัดการให้สะอาดหมดจดได้ แต่เรื่องใหญ่นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว จ่านมู่ฮวาก็ช่างเถอะ เขาทำเพื่อใครคุณก็น่าจะเข้าใจดี ส่วนฉินเฮ่า ในขณะที่เขายังไม่สามารถคุมอำนาจของตัวเองได้ เขาก็รับมือไม่ไหวเหมือนกัน! เพราะฉะนั้นการร่วมมือกับพวกเขาในตอนนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด”
“การทำธุรกิจซับซ้อนกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงกับเบาะนั่งและพูดออกมาเบาๆ “เสี่ยวป๋าย ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีแรงเลย หินปิดฟ้าอะไรนั่นก็สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “ดูก่อนแล้วกันครับ ทุกอย่างทำตามสวรรค์ลิขิต ของบางอย่างแม้พยายามเรียกร้องแต่ก็ไม่ได้มา ส่วนของบางอย่างพวกเราต้องไปแก่งแย่งเอง พยายามเอง! คุณก็ไม่ต้องรู้สึกกังวลใจ คิดเสียว่าเครื่องประดับอัญมณีพวกนี้เป็นของจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่คุณนายซูชดใช้เป็นเงินเดิมพันเถอะ!”
“กลับบ้านไปนอนดีกว่า ใกล้จะสว่างแล้ว ค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ครับ” จ่านป๋ายรับปากและค่อยๆ กลับรถเตรียมขับออกไป
แต่ซีเหมินจินเหลียนยังถามด้วยความสงสัยว่า “พวกเขากำลังตามหาอะไรกันแน่? เหมือนกับในหนังอย่างใดอย่างนั้น?”
จ่านป๋ายยิ้มแย้ม “ที่ไหนจะมีเรื่องดีขนาดนั้น? แต่หลายปีที่ผ่านมานี้พวกเขาก็สะสมทรัพย์สินอยู่ตลอด เพียงแต่ว่าหาคนร่วมมือที่ผิดต่างหาก ตอนนี้ผู้รับผิดชอบพวกเขาสนิทคุ้นเคยกับผมดี เครดิตไม่เลวเลย เรื่องนี้คุณวางใจได้”
ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก ที่แท้คนพวกนี้ก็รู้จักคุ้นเคยกับจ่านป๋ายมาก่อนแล้ว เป็นคนคุ้นหน้าเก่าแก่ ไม่น่าล่ะเขาถึงตอบตกลงไปอย่างรวดเร็ว
“เรื่องคืนนี้ที่หวังหมิงเหยาตายในคลับหยก ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล สามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ถือว่าเป็นเรื่องดี จินเหลียน คุณอย่าคิดมากเลยครับ” จ่านป๋ายพูด
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าพูด “คุณจะไปเมื่อไหร่” กังวลมานาน ในที่สุดเธอก็อดถามขึ้นไม่ได้
“ถ้าผมไปแล้ว คุณจะคิดถึงผมไหม” จู่ๆ จ่านป๋ายก็ถามขึ้น
“ไร้สาระ” ซีเหมินจินเหลียนด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“พรุ่งนี้ผมจะเตรียมจัดการเรื่องราวต่างๆ จองตั๋ววันมะรืนนี้ คงไปวันมะรืนนี้ครับ” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “เร็วขนาดนี้เลย?”
จ่านป๋ายยิ้ม “ในเมื่ออยากจะทำก็ต้องเร็ว ไม่อย่างนั้นอัญมณีเหล่านี้ก็จะค้างสต็อกอยู่ที่เราไปสักระยะ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงกว่าเก่า อีกทั้งหินหยกเหล่านั้นที่พวกไห่ถังพูดผมก็รู้สึกสนใจอยู่บ้าง คุณลองคิดดูสิ นั่นเป็นสิ่งที่นางมารร้ายคนนั้นตั้งใจเลือกออกมาเลยนะ”
นี่เป็นข้อมูลที่ทางไห่ถังเปิดเผยกับพวกเขา เหตุการณ์ทหารรวมพลกันแปดชาติไปล้อมเผาสวนหยวนหมิง เคยได้โขมยหินหยกจำนวนหนึ่งมาจากสวนหยวนหมิง แต่ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ สมบัติล้ำค่าในสวนหยวนหมิงในตอนนั้นมีตั้งมากมาย ทหารทั้งแปดชาติพวกนั้นก็โง่จริงๆ จะไปขโมยหินมาทำไม?
หินหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนออกมาจะแตกต่างอะไรจากหินธรรมดากัน!
“แต่เวลาหลายปีผ่านไป หินหยกเหล่านี้ ใครจะไปรู้ว่าไปอยู่ที่ไหนกันหมด?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าจะถูกเจียระไนออกมาแล้วหรือยัง”
“ในนานาชาติ ยอดขายหยกไม่ได้สูงเท่าเพชร แต่หยกเป็นอัญมณีชั้นสูง ถ้าหากมีการถูกเจียระไนออกมาจริงๆ นานาชาติคงปิดไว้ไม่อยู่แน่” จ่านป๋ายคิดดูแล้วถึงพูดออกมา “เพราะอย่างนั้นผมก็เชื่อว่าข้อมูลของไห่ถังไม่ผิด หินหยกเหล่านี้ไม่ได้ถูกเจียระไนออกมา ในเมื่อพวกเขาพูดอย่างนั้นคงต้องมีเบาะแสร่องรอยที่ชัดเจนแล้ว รอผมไปถึงอเมริกาแล้วค่อยว่ากัน!”
“คุณไปจัดการธุระที่อเมริกา ก็อย่ามัวแต่ตามหาหินปิดฟ้าอย่างเดียวนะ ระวังตัวด้วย!” ซีเหมินจินเหลียนพูดกำชับขึ้น
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นในใจก็ผ่อนคลายลง ยิ้มและพูดว่า “ผมไปอเมริกา ก็ไม่เพียงแต่จะไปตามหาหินหยกเหล่านั้น เวลารักษาตัวของผมใกล้ถึงแล้ว ผมจะถือโอกาสนี้ไปรักษาตัวที่อเมริกาด้วย”
“รักษาตัว?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างตกใจ “คุณป่วยเหรอ?”
“คุณยังจำครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้ไหม?” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อนพูด “ลูกน้องของจ่านมู่ฮวาเกือบจะเอาชีวิตของผมไปแล้ว ถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณ แต่สุดท้ายก็ยัง…”
ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปากอยู่นานถึงถามขึ้น “มีหนทางการรักษาไหม” ปัญหานี้เธอกังวลอยู่นานหลายครั้ง จนบางครั้งเธอเกือบอดไม่ได้ที่จะใช้ความสามารถพิเศษไปแอบดู แต่ความเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่รักษามานานทำให้เธอต้องอดใจไว้
“คุณหวังว่าผมจะรักษาหายขาดหรือเปล่า” จู่ๆ จ่านป๋ายถามกลับขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ ในทันที “ถึงจะรักษาได้หรือไม่ได้ คุณก็เป็นของฉัน! คุณก็รู้ว่าฉันชอบหยก และเหตุผลที่ครั้งแรกฉันช่วยคุณอย่างไม่สนใจอะไร นั่นเป็นเพราะคุณ…อ่อนโยนเหมือนหยก…”
“คุณคงไม่ได้คิดจะพูดว่า ตอนที่คุณสัมผัสผมก็เหมือนความรู้สึกที่คุณสัมผัสหยกหรอกนะ?” จ่านป๋ายคิดอยู่นาน ถึงจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้เลยลองถามหยั่งเชิงดู