ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 151 หยกที่หายาก
เลี่ยวก่วงกลอกตามองไปที่สวี่อี้หรานอย่างดุดัน แต่เขาก็เพียงส่งสายตาใสซื่อมองกลับไป เลี่ยวก่วงจึงถอนหายใจถามขึ้นว่า “คุณซีเหมิน เขาเป็นบอดี้การ์ดที่คุณจ้างมาเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอจะจ้างบอดี้การ์ดที่ไม่รู้ทางมาทำไมกัน?
ส่วนสวี่อี้หรานก็เผยสีหน้าแสดงถึงว่าพวกเราเชื่อคุณไม่ได้ออกมา เลี่ยวก่วงจนปัญญาที่จะโต้กลับ ได้แต่ควานหาบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาจากกระเป๋าเสื้อยืนยันให้เขาดู “ผมเป็นตำรวจ!” หลายปีนี้ทำเรื่องดีๆ มาไม่น้อยเลยนะ
สวี่อี้หรานรับบัตรพนักงานมาดูและวิเคราะห์อยู่นานถึงพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นคุณลุงตำรวจนี่เอง!”
ซีเหมินจินเหลียนเก็บสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มอย่างไม่ง่ายนัก พยายามที่จะควบคุมสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ส่วนใบหน้าของเลี่ยวก่วงในตอนนี้กลับมืดมนไปหมดแล้ว “ตกลงจะให้ผมช่วยไหมครับ หรือคุณก็คิดจะให้คุณซีเหมินพักที่นี่อย่างนั้นเหรอ!”
“ช่วยๆๆ!” สวี่อี้หรานรีบลุกขึ้นและสละตำแหน่งคนขับให้เขา รีบลงไปนั่งที่เบาะด้านหลังกับซีเหมินจินเหลียนและถามขึ้นอีกว่า “เขาเป็นตำรวจจริงๆ ใช่ไหม”
“ก็คงจะใช่มั้ง!” ซีเหมินจินเหลียนควบคุมตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา “เมื่อครู่นี้เขาก็ให้คุณดูบัตรเจ้าหน้าที่ของเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ของพรรค์นั้นปลอมง่ายจะตายไป!” สวี่อี้หรานพูด “ผมก็ไม่เคยสอบใบขับขี่มาก่อน แต่พ่อของผมยังทำใบขับขี่ออกมาได้เลย คุณว่า…บัตรเจ้าหน้าที่ของตำรวจคนนี้ก็สามารถปลอมแปลงได้ง่ายเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
เลี่ยวก่วงกำลังจะสตาร์ทเครื่องยนต์ แม่เจ้า! รถคนรวยนี่ก็ไม่เหมือนกันจริงๆ รถเบนซ์ตัวเครื่องนำเข้าจากเยอรมันเชียวนะ จิ๊ๆ…
แต่ตอนที่เขาได้ยินสวี่อี้หรานพูดประโยคนั้น เขาก็เกือบจะเหยียบคันเร่งสุดแรงเกิดแล้ว ให้ตายเถอะ คนคนนี้พูดเหลวไหลอะไรกัน? เขาไม่มีใบขับขี่แต่ก็ยังกล้าขับรถพาสาวนั่งจากทางด่วนเมืองเซี่ยงไฮ้ไปหยางโจวอีกเนี่ยนะ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงไปผิดทาง
“เขาเป็นถึงตำรวจนะ ถ้าคุณไม่มีใบขับขี่ อย่างน้อยก็อย่าพูดออกมาสิ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดกล่ำกลืนฝืนทน
“เอ่อ…” สวี่อี้หรานสีหน้ากระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก
“สบายใจได้ ผมจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน!” เลี่ยวก่วงพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “คุณจะไปส่วนไหนของหยางโจว?”
“สวี่หยวน!” สวี่อี้หรานพูด
“ไปเที่ยวชมวิวเหรอ?” เลี่ยวก่วงถาม
“ไม่ใช่สวี่หยวนนั่น…” สวี่อี้หรานไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่เลี่ยวก่วงก็เข้าใจได้ในทันที เขาขมวดคิ้วถามว่า “ซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน?”
“อืม” สวี่อี้หรานพยักหน้า
“ที่นั่นคือที่ไหน” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย ไม่เคยได้ยินว่าในหยางโจวจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย?
“ย่านพักส่วนบุคคลน่ะ” เลี่ยวก่วงรีบพูดอธิบาย “การตกแต่งสไตล์โบราณ คุณไปเดี๋ยวก็รู้ แต่ได้ยินมาว่าซุ่ยเย่ว์สวี่หยวนเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่เคยให้คนบุคคลภายนอกเข้ามาก่อน…”
“ผมแซ่สวี่!” สวี่อี้หรานพูดอธิบาย
ความเร็วในการขับรถของเลี่ยวก่วงไม่ได้เร็วมาก เมื่อถึงเมืองหยางโจวก็ประมาณตีสอง ซีเหมินจินเหลียนกับสวี่อี้หรานนอนหลับอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของทั้งคู่ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง เห็นซีเหมินจินเหลียนเพียงแค่มองโทรศัพท์ แต่ไม่ได้รับสาย…. ซุ่ยเย่ว์สวี่หยวนมีแสงไฟสอดส่องตลอดทางและอยู่ที่ริมทะเลสาบโซ่วซี
เลี่ยวก่วงขับรถมาถึงปากประตูจึงผ่อนความเร็วลง แต่ผิดความคาดหมาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาแล้ว ก็ไม่ปริปากถามสักคำเพียงเปิดประตูให้เขาขับรถเข้าไป หลังจากที่สงสัยอยู่นาน เขาก็เข้าใจขึ้นมาว่านี่คงเป็นรถส่วนตัวของบ้านเขา และที่นี่ก็เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของเขา เลยไม่ได้ถามอะไรให้มากความ
“คุณสองคน ถึงแล้วครับ!” เมื่อจอดรถในบ้าน เลี่ยวก่วงก็เรียกสวี่อี้หรานและซีเหมินจินเหลียนขึ้น
“กี่โมงแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ตีสองสามสิบห้านาที” เลี่ยวก่วงมองนาฬิกาพูดตามความจริง
“อื้อ…คุณพอจะรู้จักไหมว่าแถวนี้มีโรงแรมไหนที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงบ้าง?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น มีเรื่องอะไรก็เรียกใช้ตำรวจ คำพูดนี้ก็ไม่ผิดเลย มีตำรวจอย่างเขาอยู่ด้วยก็สะดวกดีเหมือนกัน
“ไม่รู้ ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับหยางโจว” เลี่ยวก่วงส่ายหน้าพูด
“คุณซีเหมิน คุณก็พักที่บ้านผมชั่วคราวก่อนเถอะ” สวี่อี้หรานพูด “เวลานี้แล้วจะไปหาโรงเตี๊ยมที่ไหนอีก? แถมบ้านของผมก็ใหญ่เพียงพอ…”
ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมา กลางคืนดึกดื่นแล้วเธอไม่มีรถ หยางโจวก็ไม่คุ้นเคย เหนือใต้ออกตกก็แยกไม่ออก รอให้ถึงพรุ่งนี้ฟ้าสางค่อยว่ากันเถอะ แถมเจอ ‘โรงเตี๊ยม’ สองคำนี้ของเขาเข้าไป เธอก็มองข้ามในทันที ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบตกลง
เลี่ยวก่วงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามีเป้าหมายอื่นในการมาหยางโจวและยังมีความเกี่ยวข้องไปถึง ซีเหมินจินเหลียนไม่มากก็น้อย เดิมทีคิดว่าจะสังเกตการณ์เธอ ทุกอย่างก็จะราบรื่นไปด้วยดี แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะพักที่สุ้ยเยว่สวี่หยวน สถานที่ที่ตำรวจอาชญากรรมเล็กๆ อย่างเขาไม่สามารถเข้าออกไปมาได้ตามอำเภอใจ…
เพียงไม่นานก็มีบอดี้การ์ดรีบวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้อย่างร้อนรน เชื้อเชิญให้สวี่อี้หรานกับซีเหมินจินเหลียนลงจากรถ
“จริงสิ คุณต้องการค่าตอบแทนเท่าไหร่” สวี่อี้หรานมองไปที่เลี่ยวก่วง
เดิมทีเลี่ยวก่วงก็ไม่ได้คิดอยากได้ค่าตอบแทนอะไร แต่ตอนนั้นเขาก็หัวใสถามขึ้นว่า “คุณคิดจะให้ผมเท่าไหร่?”
“คุณเป็นตำรวจ ตำรวจน่าจะมีใจจิตอาสาสิ ปิดทองหลังพระ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “หรือว่าคุณดูไม่ออกว่าผมแค่ถามไปเล่นๆ?”
จู่ๆ เลี่ยวก่วงก็รู้สึกอยากกระอักเลือดออกมา! คนคนนี้มีความสามารถในการทำให้คนสุดจะทน ดูจากที่เขาพูดจาด้วยท่าทีจริงจัง
ก่อนที่เลี่ยวก่วงจะถูกเชิญออกไปจากซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน ก็มีผู้ดูแลบ้านรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งมอบเงินก้อนหนาเตอะน่าจะประมาณหนึ่งหมื่นหยวนให้เขา จากนั้นผู้บังคับบัญชาเลี่ยวก็ได้แต่ด่าในใจว่า ให้ตายเถอะ! เป็นบอดี้การ์ดกับเป็นคนขับรถให้คนรวยนี่ไม่เลวจริงๆ เงินนี้คุ้มค่าไม่เสียแรงเปล่า
ไม่มีของฟรีที่ไหนที่ไม่อยากได้ เงินก้อนนี้ถ้าไม่หยิบมาเขาก็โง่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นค่าใช้จ่ายในการมาหยางโจวครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้เบิกมาจากเจ้านาย แต่เป็นเงินที่ควักมาจากกระเป๋าตัวเอง มีหนึ่งหมื่นหยวนถือว่าเพียงพอให้ใช้จ่ายชั่วคราวแล้ว
ส่วนซีเหมินจินเหลียนได้แต่คิดทบทวนข้อดีของการมีเงิน สิ่งก่อสร้างสวนโบราณสไตล์หยวนหลิน เพราะว่าในบ้านตระกูลสวี่ไม่มีใครอยู่ สวี่อี้หรานจึงให้เธอพักที่ห้องพักส่วนตัวหลังเดี่ยว ในบ้านหลังนั้นยังมีคนใช้ผู้หญิงคอยดูแลเป็นพิเศษ
ยุ่งมาตลอดทั้งคืนก็ได้เวลาล้างหน้าล้างตาแล้ว พอจัดการเสร็จเดิมทีเธอที่อยากจะนอนเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า แต่พอได้นอนลงบนเตียงที่อ่อนนุ่มแล้ว เธอนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ
จนถึงเวลาประมาณตีห้า เธอจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว ไม่นานที่พึ่งปิดตาลงได้ โทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น
ควานหาโทรศัพท์จากใต้หมอน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ่านมู่ฮวาที่โทรมาทั้งคืนไม่หยุด เขาจะรบกวนเธอไปถึงไหนกัน? เธอรีบปิดเครื่องและสอดมันไว้ที่ใต้หมอนอีกครั้งและหลับไป
รอจนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างนอกก็มีแสงสาดเข้ามาแล้ว ท้องฟ้าน่าจะสว่างแล้ว
เธอรีบยกมือถือขึ้นมาดูเวลา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอได้ปิดโทรศัพท์ไป เมื่อเปิดโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่ง เธอตื่นนอนและเข้าห้องน้ำล้างหน้าหวีผม ในระหว่างที่ล้างหน้าโทรศัพท์ก็ส่งเสียงขึ้นมา รีบวิ่งออกไปดูก็ยังคงเห็นว่าเป็นจ่านมู่ฮวา ซีเหมินจินเหลียนรีบกดปุ่มรับสาย “จินเหลียน…” ในโทรศัพท์จ่านมู่ฮวาทำเสียงสงสารเว้าวอนเข้ามาว่า “คุณอยู่ที่ไหน?”
“หยางโจว” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ยังจะถามอะไรอีก?”
“ผมได้ยินว่าคุณหลงทาง ทำไมคุณถึงไม่รับสายผม ผมร้อนใจจนจะตายอยู่แล้ว…” จ่านมู่ฮวาบุ่มบ่าม “คุณโกรธผม แต่ก็ไม่ควรไม่รับสายผมนะ!”
“เพราะว่าฉันโกรธคุณ แน่นอนว่าฉันคงไม่รับสายคุณแน่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด แต่เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปากก็คิดขึ้นมาได้ นี่เหมือนจะเป็นตรรกะของสวี่อี้หรานใช่ไหมนะ?
“คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหน” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น
…
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบคำถาม เธอได้แต่เงียบงัน จ่านมู่ฮวาลังเลที่จะถามขึ้นอยู่บ้าง “จินเหลียน ไม่ใช่ว่าคุณอยู่ที่สวี่หยวนหรอกนะ?”
“คุณรู้ได้ยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะน้อยๆ ก่อนถามขึ้น
“ผมไม่ได้โง่ แค่คิดผมก็รู้แล้ว” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจ “จินเหลียน คุณโกรธผมก็อีกเรื่อง แต่ทางที่ดีคุณอยู่ให้ห่างจากคนในตระกูลสวี่หน่อยเถอะ ผมมีที่พักอยู่ที่หยางโจว แล้วตอนนี้ผมก็อยู่ที่หยางโจวแล้วด้วย”
“คุณมาทำอะไรที่หยางโจว” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เมื่อคืนหลังจากที่รู้ว่าคุณหลงทาง ผมก็โทรไปหาคุณ แต่คุณไม่ยอมรับสาย ผมเลยไม่สบายใจ รีบมาหยางโจวตอนกลางคืน…” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจพูด
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันหลงทาง?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็นึกขึ้นมาได้
ในโทรศัพท์ จ่านมู่ฮวาเงียบไปนานถึงค่อยพูดขึ้นว่า “มู่หรงรู้ว่าคุณกับสวี่อี้หรานอยู่ด้วยกัน เลยโทรมาหาผม พรุ่งนี้เขาจะบินกลับมา!”
เสี่ยวป๋ายจะกลับมาแล้ว ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกดีใจอยู่บ้าง สำหรับเรื่องที่จ่านมู่ฮวาทำให้ไม่สบายใจก็ลืมไปเสียและพูดขึ้นว่า “ขอบคุณความห่วงใยจากคุณ ฉันถึงหยางโจวอย่างปลอดภัยแล้ว เมื่อคืนถึงหยางโจวดึกไปหน่อย วันนี้ฉันจะย้ายที่พัก คงไม่ไปข้องเกี่ยวอะไรกับตระกูลสวี่อีกแล้ว”
เธอไม่ได้โง่ หลังจากที่จ่านป๋ายรู้ว่าเธอกับสวี่อี้หรานอยู่ด้วยกัน เขาเลยต้องจำยอมโทรไปหาคู่อริอย่างจ่านมู่ฮวาเพื่อขอร้องให้ช่วย นี่ก็พอพิสูจน์ได้ว่าตระกูลสวี่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด
“ผมมีคฤหาสน์สองหลังแถวๆ ริมทะเลสาบโซ่วซีในหยางโจว ผมให้คนไปเตรียมไว้แล้ว คุณนอนพักที่โรงแรมคงไม่สะดวก มานอนพักที่นี่เถอะ!” จ่านมู่ฮวาพูด
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปนอนที่โรงแรมดีกว่า” ซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธคำเชื้อเชิญของจ่านมู่ฮวาออกไปตรงๆ
จ่านมู่ฮวากำลังจะเอ่ยปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ชิงพูดขึ้นว่า “บ๊ายบาย” แล้ววางสายไปก่อน จ่านมู่ฮวากุมโทรศัพท์สติหลุดลอยอยู่นาน นั่งพิงเก้าอี้และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ทางนี้ซีเหมินจินเหลียนอาบน้ำแต่งตัวและเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่กำลังหาสวี่อี้หรานเพื่อบอกลาเขานั้น เธอกลับต้องรับสายโทรศัพท์จากเขาที่เชื้อเชิญเธอให้ลงไปที่ห้องอาหารเยี่ยนจื้อเพื่อทานอาหารเช้า
เมื่อวานตอนกลางคืน แม้ว่าเธอจะกินอะไรมาบ้าง แต่เวลานี้ท้องยังคงร้องโครกครากมาตั้งแต่เช้า เลยรีบรับปากทันที เมื่อออกจากประตูก็มีคนรับใช้มาคอยปรนนิบัติเชิญให้เธอไปห้องอาหารเยี่ยนจื้อ ห้องอาหารเยี่ยนจื้อตั้งอยู่ที่ศาลากลางน้ำด้านล่าง ในทุกด้านมีหน้าต่างไม้จันทน์แกะสลักดอกไม้โบราณ สวี่อี้หรานสวมใส่เสื้อผ้าคล่องตัวแสนธรรมดา นั่งพิงเก้าอี้ เมื่อเห็นเธอก็ดีใจยกใหญ่
“คุณซีเหมิน เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” สวี่อี้หรานพูดจบก็กำชับให้คนใช้ออกไปกันหมด
“ก็ดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ขอบคุณคุณมาก” เมื่อนอนพักค้างแรมที่บ้านเขาก็ควรจะเอ่ยปากกล่าวขอบคุณ
“คุณซีเหมิน ผมมีข่าวดีมาบอก!” จู่ๆ สวี่อี้หรานก็พูดมีลับลมคมใน
“ข่าวดีอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ
“คืนนี้ผู้อาวุโสตระกูลอวิ๋นอายุครบแปดสิบปี ได้ยินมาว่าจะมีคนนำหยกหายากมาจากพม่าเข้าร่วมอวยพรให้สุขภาพแข็งแรงและจะเจียระไนต่อหน้าแขกในงาน!” สวี่อี้หรานยิ้มมีเล่ห์นัย