ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 157 การเปลี่ยนแปลงขั้นสูงสุด
ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้ามองไปที่อวิ๋นอวิ้น ทั้งคู่พลัดกันมองจ้องตาอยู่นานสองนาน อวิ๋นอวิ้นจึงส่งเสียงถามมาว่า “ฉันนั่งตรงนี้ได้ไหม”
“ที่นี่ก็เป็นบ้านของคุณนี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น
“จริงสินะ ที่นี่ก็เป็นบ้านของฉัน ฉันนี่เลอะเลือนไปหมดแล้ว” อวิ๋นอวิ้นนั่งลงข้างๆ ซีเหมินจินเหลียนและเริ่มกวาดสายตามองใบหน้าด้านข้างของเธอ
“คุณซีเหมิน คุณก็สวยมากเลย” อวิ๋นอวิ้นพูดชมเชยขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนงงงันและพูดขึ้นมาทันทีว่า “พอประโยคนี้ออกมาจากปากผู้หญิง ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่คำชมเลยค่ะ อีกอย่างที่คุณชอบพูดจาแบบนี้บ่อยๆ คุณก็ชมฉันหรือว่าชมตัวเองกันแน่คะ? ในเมื่อพวกเราหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันขนาดนี้!”
“จริงสิ” อวิ๋นอวิ้นพยักหน้าพูด “เธอเหมือนฉันสมัยยังสาวๆ ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด เห็นเธอแล้ว ก็ราวกับฉันได้เห็นตัวเองในตอนนั้น คิดถึงจังเลยนะ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก รอให้เธอพูดต่อไป เธอเดินจ้ำอ้าวมาหาตนเองคงไม่ใช่แค่คิดถึงตัวเองในวัยสาวอย่างเดียวหรอกมั้ง?
“คุณซีเหมิน เธอก็ไม่เคยคิดเลยเหรอว่าทำไมเธอถึงหน้าตาคล้ายกับฉัน?” จู่ๆ อวิ๋นอวิ้นก็ถามขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงโซฟา คำถามนี้ยังจะให้เธอมีหน้ามาถามอีกหรือ? หรือว่าเธอคิดว่าตนเองจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว?
“หลายปีมานี้ พวกเราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “ฉันว่า พวกเราน่าจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกันสักอย่างใช่ไหมคะ?”
อวิ๋นอวิ้นแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ ในเมื่อเธอแน่ เธอก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมให้มาก “สนใจจะเดิมพันกันอีกสักตั้งไหม?”
“เดิมพันกับคุณในสถานที่ของคุณ คุณก็เห็นว่าฉันโง่มากเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้ายิ้ม อยากจะเดิมพันเธอก็ต้องเผยความซื่อสัตย์จริงใจออกมามากกว่านี้
“เธอเองก็กังวลเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?” อวิ๋นอวิ้นหัวเราะ “ฉันคิดว่ามีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่กลับอยากจะเข้ามาในวงเดิมพันถึงกังวลใจ!”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเป็นปม “ฉันผ่านประสบการณ์มามากมาย ฉันก็กลัวว่าคุณจะโกงน่ะสิ!”
“ฉันดูเหมือนคนขี้โกงนักเหรอ?” อวิ๋นอวิ้นยิ้มถามกลับ
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองเธออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เลียนแบบท่าทางจริงจังของสวี้อี้หรานพูดออกมา “เหมือนมาก!”
อวิ๋นอวิ้นหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา “ฉันก็ชักจะชอบเธอขึ้นมาแล้วสิ!”
“แต่ฉันไม่ชอบคุณเลยสักนิด! ฉันไม่ได้นิยมชอบเพศเดียวกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ยิ่งไปกว่านั้น…คุณเองก็แก่แล้ว…”
อวิ๋นอวิ้นได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ “จินเหลียน ความจริงแล้วพวกเราก็สามารถร่วมมือกันได้ เธอลองดูสิ ยืนอยู่ตรงตำแหน่งนี้แล้ว อำนาจเงินทองก็ไม่สำคัญทั้งนั้น โดยเฉพาะสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา ฉันแก่มากแล้ว ไม่ได้แสวงหาอะไรมาก ฉันแค่อยากจะเห็นหินปิดฟ้าเท่านั้น!”
“ฉันก็อยากเห็นหินปิดฟ้ามาก และอยากจะนำมาเป็นของตัวเอง!” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “เพียงแต่ของที่ไม่มีจริง พวกเราจะไปหามาจากที่ไหน? พอคิดได้อย่างนั้นก็ปล่อยวาง ไม่เห็นมีความจำเป็น!”
อวิ๋นอวิ้นได้ยินเธอพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายไร้ความกังวลจึงพูดต่อว่า “ความจริง หลายปีมานี้ฉันก็พอจะรู้ช่องทางมาบ้าง เพียงแต่แค่ฉันคนเดียวมันก็อ่อนแอเกินไป จนกระทั่ง…งานวิจัยของพวกเรา ถึงจะไม่มีหินปิดฟ้า บางทีก็อาจจะเป็นไปได้ว่า…”
พูดเพียงเท่านี้ เธอก็ปิดปากสนิทไม่พูดอะไร มองแต่ซีเหมินจินเหลียน รอเวลาให้เธอปริปากถามขึ้นมาเอง
แต่ซีเหมินจินเหลียนยกเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม ทำท่าทีเมินเฉยไม่สนใจ ไม่พูดจาอยู่นาน อวิ๋นอวิ้นรู้สึกเสียหน้าจึงถามขึ้น “เธอไม่สงสัยหน่อยเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าฉันกำลังรอให้คุณพูดอยู่หรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบางครั้งการลองเลียนแบบท่าทางโง่เง่าของสวี่อี้หราน มันก็น่าสนใจดีเหมือนกัน
“เธอ…” ครั้งนี้อวิ๋นอวิ้นอยากจะกระอักเลือดออกมา แต่ก็ได้แต่กล้ำกลืนลงไป อายุก็ปาไปแปดสิบแล้ว แต่ครั้งนี้เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดอะไร
ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงโซฟาอยู่นานถึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้…ว่าฉันจำคุณได้ และแน่นอนว่าต้องจำเรื่องอื่นได้อีกด้วย ฉันว่าตอนนั้นอาจารย์และคุณย่าของฉันน่าจะทำอะไรกับความทรงจำของฉัน ทำให้ฉันลืมทุกอย่างไป แต่คุณรู้ไหมก่อนที่คุณย่าจะสิ้นใจ ท่านได้พูดอะไรกับฉัน?”
อวิ๋นอวิ้นตกใจรีบถามร้อนรน “พูดอะไร?”
ซีเหมินจินเหลียนหันมาประจันหน้ากับเธอและพูดขึ้นทีละคำ “คุณย่าท่านบอกว่า…ยอมอับจนไปทั้งชีวิต แต่ห้ามไปสัมผัสหินเด็ดขาด!”
“เท่านี้หรือ?” อวิ๋นอวิ้นส่ายหน้าและพูดอย่างครุ่นคิด “คุณย่าของเธอก็ถือว่าปากแข็งไม่เบา!”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่นี้หรอกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ความหมายของคุณย่าฉันก็คือ หวังจะให้ฉันใช้ชีวิตอย่างสงบสุขธรรมดาเพียงเท่านั้น มีความสุขในการใช้ชีวิตไปวันๆ ถึงจะจน ถึงจะลำบาก…แต่หลายปีมานี้ เมื่ออยู่ในจุดที่สูงขึ้นก็ต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะอยู่รอด!”
อวิ๋นอวิ้นไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นั่งพิงตัวไปที่โซฟายกไวน์แดงและซึมซับบรรยากาศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“คุณนายอวิ๋น คุณไม่เคยจนมาก่อนสินะคะ? ไม่เคยต้องกลัดกลุ้มเรื่องเงินใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนพูดเสียดแทง “เพราะว่าหินสวยสดพวกนั้นสามารถทำให้คุณร่ำรวยมั่งคั่งได้ พวกมันสามารถทำให้คุณยืนอยู่บนโลกที่มีอำนาจล้นมือได้ ทำอะไรก็ได้ตามใจ…แต่เมื่อหารายได้เพียงพอแล้ว คนที่แก่แล้วอย่างคุณยังจะคิดถึงเรื่องตามหาหนทางที่จะไม่แก่ตายอีกหรือ?”
อวิ๋นอวิ้นไม่ได้แปลกใจ เธอรู้เรื่องนี้ ทุกอย่างนั้นอยู่ในเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ ไม่ใช่เรื่องพบเจอยากอะไร เพราะว่าเรื่องที่เธอรู้ยังสู้เรื่องที่ผู้อาวุโสรู้ไม่ได้เลย
“ใช่แล้ว!” อวิ๋นอวิ้นยิ้มแย้ม “พอคนเราแก่แล้ว แน่นอนว่าต้องเกรงกลัวความตาย การกลัวความตายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงอะไร ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสหูเองก็กำลังหาอยู่หรอกหรือ? ความพยายามของสำนักใต้ไม่ใช่เพราะเรื่องตำนานหินปิดฟ้าของเทพธิดาหรอกหรือ? เธอกับฉันร่วมมือกัน ก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แพ้ทั้งสองฝ่าย เธอเป็นคนเก่ง น่าจะรู้ว่าควรเลือกอะไร”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้ายืนกรานปฏิเสธท่าเดียว “ฉันยังสาว ไม่รีบร้อนหรอกค่ะ อีกอย่าง…จุดเริ่มต้นของฉันยังสูงกว่าคุณมาก คุณน่าจะรู้ว่าฉันเป็นผู้สืบทอด!”
อวิ๋นอวิ้นรู้สึกว่าเจ็บปวด คำพูดเดียวกัน เหมือนคนอื่นจะเคยพูดไว้ ใช่เธอเป็นผู้สืบทอดของสำนักทางใต้โดยตรง ตระกูลอวิ๋นของพวกเขาเป็นอะไร?
“เธออย่าลืมว่าในมือของฉันกุมราชาหยกไว้อยู่ ถึงเธอจะมีหยกราชางูแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?” อวิ๋นอวิ้นพูด “หากไม่มีราชาหยก ทั้งชีวิตเธอก็อย่าคิดโอ้อวดเลย”
“เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากได้ราชาหยกในมือคุณ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกไปตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม
อวิ๋นอวิ้นขมวดคิ้ว “เดิมพันกันไหมล่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ได้สิคะ!”
“วันนี้?” อวิ๋นอวิ้นชี้ไปที่หินหยกตรงกลางงานสามก้อน พร้อมถามหยั่งเชิง
“คุณนายอวิ๋น ต้องเดิมพันอย่างยุติธรรม อย่าพูดถึงสถานที่ของคุณ หยกของคุณ อย่างน้อยคุณน่าจะนำราชาหยกมาให้ฉันดูบ้าง!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ไม่อย่างนั้นถ้าคุณหลอกฉัน แล้วฉันจะทำอย่างไร? ฉันไม่ค่อยไว้ใจสมบัติของคุณสักเท่าไหร่”