ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 167 ไม่ต้องการเหตุผล
สวี่อี้หรานขับรถไปอย่างเชื่องช้าพร้อมยิ้มขึ้น “ถ้าพ่อผมได้ยินประโยคนี้ของคุณเข้า คงต้องตื่นเต้นดีใจแน่!”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ?”
“ผมโน้มน้าวคนเป็นแล้ว ทำไมเขาถึงจะไม่ดีใจล่ะ?” สวี่อี้หรานพูด
“ฉันก็สงสัยมากว่าพ่อของคุณเป็นคนยังไงถึงได้เลี้ยงคุณออกมามีนิสัยอย่างนี้?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ผมก็เหมือนกับคุณนั่นละ เติบโตมาในชนบท…แต่ชีวิตของผมขมขื่นกว่าคุณมาก” สวี่อี้หรานขมวดคิ้ว
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ สวี่อี้หรานชะลอความเร็วรถลงพลางย้อนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่นานก็เอ่ยขึ้นว่า “ความหมายของคุณพ่อก็คือเฝ้ารอวันที่ผมมีเงินมั่งคั่ง ถึงในอนาคตจะร่ำรวยขนาดไหนก็อย่าไปแสดงออกนอกหน้าเหมือนคุณชายรวยๆ พวกนั้น ถ้าตามคำพูดของคุณพ่อก็คือ คนที่ไม่เคยลำบาก ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ”
“มีเหตุผล คุณพ่อคุณเป็นคนจิตใจดีนะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เมื่อเทียบกับจ่านมู่ฮวาแล้ว ถึงสวี่อี้หรานดูจะใสซื่อไปหน่อย แต่รับรองว่าเขาไม่ได้สติฟั่นเฟือนแน่
สวี่อี้หรานยิ้มออกมาน้อยๆ “ดังนั้นตอนที่ผมอายุสี่ห้าขวบ คุณพ่อเลยทิ้งผมไว้ที่ชนบท จากนั้นก็ไม่เคยส่งข่าวคราวมาถามสักคำ แม้แต่ฝันเขาก็คงคิดไม่ถึงว่าชีวิตของผมจะไม่ได้ตกอับ ตรงกันข้ามผมกลับเป็นที่ยอมรับยกย่องในหมู่บ้านชนบท…”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันอยู่นานถามขึ้น “เพราะฉะนั้นคุณเลยเป็นหมอ?”
“ไม่เกี่ยวกับที่ผมเป็นหมอหรอก” สวี่อี้หรานยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่ายหน้าไม่พูดจา
ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยเห็นสีหน้าท่าทางของเขาแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะจึงรู้สึกเหมือนแปลกหน้าไปบ้าง สวี่อี้หรานนิ่งไปอยู่นานถึงพูดต่อว่า “ตอนที่ผมอยู่ชนบท ผมถูกชาวบ้านพวกนั้นเคารพบูชาราวกับเทพเจ้า แน่นอนว่าในหมู่บ้านไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนในเมือง ถึงชีวิตจะร้ายดีอย่างไรก็ยังคงมีข้าวสามมื้อและที่ซุกหัวนอน ผมไม่เคยได้สัมผัสชีวิตที่ลำบากเลย…และเป็นเพราะว่าอาจารย์วิปริตของผม ผมเลยได้พบเจอเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก”
“อาจารย์ของคุณวิปริตมากเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแต่ผู้อาวุโสหู เพียงแต่ผู้อาวุโสพวกนี้จิตวิญญาณยากจะหยั่งรู้ ถึงจะวิปริตก็สามารถเข้าใจได้
สวี่อี้หรานประคองพวงมาลัยไว้แน่นพร้อมส่ายหน้าพูด “คุณซีเหมิน พวกเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย…”
“ก็ได้ ว่าแต่ตอนนี้พวกเราจะขับรถไปไหนเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาขับรถโดยไร้เป้าหมายจึงถามขึ้น
“ถ้าหากคุณไม่รังเกียจ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ มันจะดูบุ่มบ่ามเกินไปไหม?” สวี่อี้หรานถามขึ้นกะทันหัน
“ฉันเคยคิดมาตลอดว่าคุณเป็นคนไม่มีแผนการ…ที่แท้คุณก็ตั้งใจ!” ซีเหมินจินเหลียนหันข้างไปยิ้ม “มีคนจะเลี้ยงข้าว ฉันต้องดีใจอยู่แล้วสิ”
“ผมมีเรื่องต้องขอร้องคุณ แน่นอนว่าต้องคอยประจบประแจงคุณอยู่แล้ว” สวี่อี้หรานดึงสีหน้าจริงจัง
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนหมดปัญญาจะพูด เวลาสวี่อี้หรานพูดคุยอยู่ในเรื่องฝีมือทางการแพทย์หรือแวดวงวิชาเขาถึงจะดูเป็นคนปกติหน่อย ไม่อย่างนั้นจากลักษณะหน้าตาที่ดูจริงจังของเขาเสริมกับคำพูดที่ดูห่างไกลจากความจริงพวกนั้นมักจะทำให้คนอื่นๆ หัวเราะเยาะได้
เดิมทีคิดว่าชายคนนี้จะพาเธอมากินภัตตาคารหรูหราห้าดาว หรือเหมือนกับหลินเสวียนหลานที่นัดเธอไปดินเนอร์ภายใต้แสงเทียน แต่อย่าฝากความหวังอะไรไว้กับหมอมองโกลคนนี้เลย เมื่อเขาจอดรถเข้าไปในซอยแออัดคับแคบเสร็จจึงจูงมือเธอเดินเข้าไปในร้านกาแฟมืดสลัว ซีเหมินจินเหลียนเกิดภาพลวงตาขึ้นมา สถานที่แห่งนี้ราวกับได้ย้อนอดีตกลับไป กำแพงเก่าคร่ำครึแขวนตะเกียงน้ำมัน เสริมเข้ากับป้ายชื่อเก่าแก่ของร้านร้านกาแฟที่มืดสลัว
ตัวอักษรบนป้ายหน้าประตูยิ่งทำให้ซีเหมินจินเหลียนอยากกระอักเลือดออกมา
‘ร้านกาแฟนี้ธรรมดา ราคาสูงลิ่ว โกงอย่างใสๆ หากพกถุงเงินมาไม่พอห้ามเข้า!’
“ร้านกาแฟนี้มีเอกลักษณ์ดี!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน
“ร้านกาแฟนี้ก็แค่พูดในประโยคที่ร้านกาแฟปกติไม่กล้าพูดความจริงเท่านั้น” สวี่อี้หรานพูดเคร่งขรึม
ซีเหมินจินเหลียนมึนงงและก็ค่อยๆ เรียกสติกลับมา ไม่ใช่สิ ร้านกาแฟที่ไหนต่างโกงกำไรกันทั้งนั้น…กาแฟแก้วหนึ่งดื่มไม่ถึงสองอึก กาแฟชั้นดีพวกนั้นขายไปคงราคาร้อยหยวนจนอาจจะไปถึงพันหยวน เมื่อคิดดูแล้วคนทำธุรกิจส่วนมาก มีใครบ้างที่พูดว่าของตัวเองไม่ดีกัน? ใสซื่อแบบนี้เห็นน้อยมาก
ประตูไม้เก่าแก่ผุพัง พังจนแค่สวี่อี้หรานเอื้อมมือผลักประตูไม้เข้าไป ซีเหมินจินเหลียนก็ยังเห็นพวกค้างคาวบินว่อนเข้ามา…
ข้างในก็มีตะเกียงน้ำมันเปลวไฟสีเหลืองแผ่ว สวี่อี้หรานมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนพร้อมยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะตอบคำถาม แต่ในเวลานี้สวี่อี้หรานที่เดิมทีมีใบหน้าซีดขาวกลับยิ่งเหยเกกว่าเดิม อยู่ๆ ก็ใช้แรงโถมเข้าหาเธอให้เข้ามาทางเขา
ปัง! บนประตูไม้ที่อยู่ข้างๆ มีรอยกระสุนเป็นรูโหว
“ไป!” สวี่อี้หรานจูงมือซีเหมินจินเหลียนหมุนตัวเตรียมวิ่ง ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจได้แล้วว่าพวกเขาถูกไล่ล่า อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังมีปืน ปืนจริง ลูกกระสุนจริง แสดงว่าต้องการเอาชีวิตเธอแน่นอน
ในเวลานี้เธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า…คนพวกนี้อยากจะฆ่าเธอ หรือว่าสวี่อี้หรานกันแน่?
“ยังจะวิ่งอีกเหรอ?” ซอยอีกด้านมีเงาสีดำสวมใส่แว่นตากันแดดอำพรางใบหน้า ถือปืนหนักอึ้งอย่างเ**้ยมโหดส่องปากกระบอกไปทางพวกเขาทั้งคู่
“พี่ชาย ถ้าต้องการเงินเราก็เจรจากันได้!” สวี่อี้หรานบีบกุมมือซีเหมินจินเหลียนไว้แน่น ใบหน้าซีดขาวยิ้มพร้อมพูดไปทางเงาดำนั่น
“ฉันไม่อยากได้เงิน ฉันจะเอาชีวิต!” เงาดำที่เย็นยะเยือกพูดโต้กลับ
นิ้วมือของซีเหมินจินเหลียนกุมเหรียญหนึ่งหยวนเอาไว้ เหรียญนี้จ่านมู่ฮวาเป็นคนให้ไว้กับเธอ แต่เธอไม่มั่นใจว่าความเร็วของเธอจะเร็วกว่าลูกกระสุนหรือเปล่า
“จะฆ่าฉันอย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ใช่!” แววตาของฝ่ายตรงข้ามที่ส่องผ่านแว่นกันแดดเหมือนดั่งพิษของงู จ้องซีเหมินจินเหลียนอย่างเ**้ยมโหด
“บอกเหตุผลฉันมาสักข้อได้ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
เงามืดค่อยๆ คืบคลานเดินใกล้เข้ามาพร้อมยกมุมปากอย่างเยือกเย็น “เหตุผลเหรอ? ฆ่าคนต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
ฆ่าคนไม่ต้องการเหตุผล ดังนั้นสวี่อี้หรานออกแรง แสงเงินปรากฏวิบวับ เงาดำมีอาการชักไปทั้งตัวลงกองกับพื้น
เร็ว! รีบวิ่ง!
ซีเหมินจินเหลียนเชื่อมั่น แม้ว่าฝั่งตรงข้ามจะลั่นปืน แต่ความเร็วคงไม่เท่ากับเขา คนคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว…
“อาจารย์เคยบอกกับผมว่าฆ่าคนไม่ต้องการเหตุผล และเมื่อก่อนผมไม่เคยใส่ใจตรรกะแบบนี้!” สวี่อี้หรานสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อ้าปากพูดต่อ “ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าโลกใบนี้สวยงาม…เสียดายที่ความฝันของผมในตอนท้ายต้องดับสลาย!”
“แกคิดจะทำอะไร?” เมื่อเห็นสวี่อี้หรานค่อยๆ เดินมาเข้าใกล้ สถานการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นตาลปัตรไปหมด เงาดำเริ่มสร้างความน่ากลัวเอื้อมมือไปคว้าปืนที่อยู่บนพื้นก่อน
“พูดตามตรง คุณก็ไม่เหมาะกับการเป็นนักฆ่าเลย!” สวี่อี้หรานส่ายหน้า คนที่มีคุณสมบัติเป็นนักฆ่าคงไม่เล่นซ่อนตัวทำร้ายในที่มืดหรอก นี่มันอ่อนต่อโลกเกินไป จนทำให้เขาสัมผัสได้ว่า ถึงเขาไม่ออกแรง แต่ไก่อ่อนแบบนี้คงไม่มีทางฆ่าซีเหมินจินเหลียนได้หรอก
ซีเหมินจินเหลียนจ้องไปที่สวี่อี้หราน มือของเขากุมเข็มพิษอีกครั้ง ในเวลาพลบค่ำแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่แปลกหน้า นี่ไม่ใช่คนใสซื่อ
เข็มพิษมีเงาสะท้อนของความเ**้ยมโหดออกมา ศีรษะของเงาดำทมิฬค่อยๆ ล้มตึงลงไร้การเคลื่อนไหว
“คุณฆ่าเขา?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างใจเย็น สำหรับสวี่อี้หราน ถึงจะทำเรื่องแปลกกว่านี้เธอก็ไม่รู้สึกตื่นตกใจอะไร
“ฆ่าคนไม่จำเป็นต้องมีพิธียุ่งยากอะไรขนาดนั้น!” สวี่อี้หรานพูดพลางจูงมือซีเหมินจินเหลียนไปทางปากซอย
ในระหว่างที่เปิดประตูรถ ซีเหมินจินเหลียนยังได้ยินเขาบ่นพึมพำว่า “ลุงตำรวจนั่น เวลาที่ควรตามกลับไม่ตาม เวลาที่ไม่ให้ตามก็ตามเหมือนกับดักแด้…”
“ฉันไม่มีทางจะร่วมมือกับเขา เขาเลยไม่ได้มาตามฉันแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย
สวี่อี้หรานไม่พูดอะไร ขับเคลื่อนรถออก ครั้งนี้ไม่ได้เหมือนกับเมื่อสักครู่ที่ขับรถด้วยความเร็วราวกับหอยทากคลาน ความเร็วครั้งนี้ถือว่าปกติ ซีเหมินจินเหลียนรับสายของจ่านป๋ายที่บอกว่าตนมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้และลงจากเครื่องแล้ว
“คุณช่วยเอาหยกราชางูกับหยกก้อนอื่นๆ มาหน่อยสิ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกำชับในโทรศัพท์
“จินเหลียน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “กินอิ่มนอนหลับดี ไม่มีปัญหาอะไร”
“อ้อ อย่างนั้นก็ดีครับ…” จ่านป๋ายตอบกลับมา “ประมาณสามทุ่มผมน่าจะไปถึง คุณรอผมนะ!”
“ขับรถช้าๆ นะ ฉันจะรอคุณ อย่าหลงทางล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงประสบการณ์ที่เคยหลงทางมาก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ผมไม่ใช่คนที่ชอบหลงทางสักหน่อย!” จ่านป๋ายพูดแล้วก็วางสายไป
สวี่อี้หรานถอนหายใจพูด “พอเขามาแล้วคุณจะไปใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนมองเขาด้วยความแปลกใจ นี่หมายความว่าอย่างไร? ถึงจ่านป๋ายไม่มา เธอก็คิดจะย้ายออกไปอยู่แล้ว ใครจะไปพักอยู่ที่ซุ่ยหยวนได้อยู่ตลอดกัน
“เดิมทีผมอยากเชิญคุณไปกินข้าวสักมื้อ แต่กลับโดนคนทำลายบรรยากาศเสียได้!” สวี่อี้หรานสีหน้าปกติ “น่าเสียดาย คุณกำลังจะไปแล้ว…”
“ฉันนัดกับอวิ๋นอวิ้นไว้ว่าจะเดิมพันหินที่ซุ่ยหยวนของพวกคุณ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เพราะอย่างนั้นฉันยังไปหาคุณได้อยู่” พอพูดประโยคนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ใครกันแน่ที่ต้องการชีวิตเธอ? เธอรู้ว่ามีคนมากมายที่ต้องการเงิน แต่สิ่งที่เธอต้องการมีแต่อวิ๋นอวิ้น…
แต่หยกราชางูยังไม่ทันได้ถึงมือ อวิ๋นอวิ้นไม่น่าจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าให้ซีเหมินจินเหลียนจากไป ชีวิตของเธอคงไม่มีทางได้หยกราชางูมาครอบครองแน่
นอกจากนี้ฝีมือของนักฆ่าคนนั้นก็ดูอ่อนหัดเกินไป บอกว่าตัวเองเป็นนักฆ่ายังไม่สู้พูดว่าตัวเองเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาเลย แค่ถือปืนก็คิดเสียว่าสามารถฆ่าคนได้แล้ว?
“คุณว่าใครกันที่อยากจะฆ่าฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว
“ยัยโรคจิตอวิ๋นเจีย!” ซีเหมินจินเหลียนแค่ถามเล่นๆ แต่คิดไม่ถึงว่าสวี่อี้หรานจะตอบกลับมา
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน หลังจากที่ตัวเองเจออวิ๋นเจียที่เซี่ยงไฮ้อยู่ไม่กี่ครั้ง ถึงเมื่อคืนในงานเลี้ยงจะเจออวิ๋นเจีย แต่ก็ไม่ได้พบหน้าเธอจังๆ ทำไมเธอถึงหมายหัวตนล่ะ? “ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นเธอ?”
“ผู้ชายคนนั้นชอบอวิ๋นเจีย อวิ๋นเจียชอบฉินเฮ่า ฉินเฮ่าชอบคุณ เรื่องก็แค่นี้…” สวี่อี้หรานพูด
“ทำไมฉันฟังแล้วมันดูคล้ายกับคำพูดลิ้นพัน?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว