ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 170 แปลกประหลาด
ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้ม เธอไม่ได้โง่ สวี่อี้หรานสนใจหยกราชางูกับราชาหยกมากกว่าเธอสนใจเสียอีก ในสถานการณ์นี้เขาเลยอยากจะรั้งเธอไว้จนถึงที่สุด คงอยากจะอยู่กับเธอตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อหวังที่จะได้มีโอกาสในการสัมผัสหยกราชางูกับราชาหยกมากขึ้นเท่านั้น
“นัดเดิมพันของฉันกับอวิ๋นอวิ้นก็นัดที่บ้านของคุณ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องย้ายออก” สวี่อี้หรานพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ความจริงคุณกับจ่านมู่หรงก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เขาจะมาหรือไม่มามันก็ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเลยนี่นา”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป เขากับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันจริง เขาเป็นคนที่เธอเก็บมาได้ก็เท่านั้น
“คุณซีเหมิน คุณชอบเขาหรือเปล่า” สวี่อี้หรานถามขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
“ชอบสิ” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกไปตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม ถ้าหากเธอไม่ชอบเขา เธอจะยอมให้เขาเข้ามาพักแรมที่บ้านเธอจนนานขนาดนี้ทำไม เพียงแต่ความชอบนี้ก็ไม่ใช่ชนิดที่ผู้หญิงและชายมีความรู้สึกดีต่อกันในรูปแบบของแฟน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ แต่ช่วงนี้กลับโล่งใจขึ้นมาก เธอชอบจ่านป๋าย เพราะว่าเขาอ่อนโยนเหมือนกับหยก เหมือนที่เธอชอบในหยกราชางูและอยากจะครอบครองเป็นของตัวเอง
“แล้วจ่านมู่ฮวาล่ะ?” จู่ๆ สวี่อี้หรานก็มีสีหน้าแปลกใจ “ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบเขามากกว่าเสียอีก เขาหน้าตาหล่อเหลาซะขนาดนั้น…”
“คุณคือเป็นศิราณีของฉันเหรอไง?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
“ยังไงผมก็ไม่อนุญาตให้คุณย้ายออกไป!” สวี่อี้หรานพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้ สายตามองไปที่สวี่อี้หรานที่มีท่าทีเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณนี่?”
“เอ่อ…คือ…” สวี่อี้หรานขยี้ศีรษะตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่รู้จะทำอย่างไร มองเธอด้วยความกลัดกลุ้ม “ผมแค่ไม่อยากให้คุณย้ายออกไป…ไม่อย่างนั้นให้ผมจับชีพจรคุณ…”
“ถึงสมองของฉันจะมีปัญหาแต่ก็ไม่ให้หมอมองโกลอย่างคุณมาจับชีพจรหรอกนะ” ซีเหมินจินเหลียนมีความรู้สึกที่ไม่รู้จะร้องไห้หรือว่าหัวเราะดี คนคนนี้ตอนที่เจรจาเงื่อนไขกับฉินเฮ่า ท่าทางวาจาน่าเชื่อถือน่าคบหา แม้จะพูดถึงเรื่องวิชาทางการแพทย์เขาก็สงบนิ่งมั่นคงมาก แต่บางเวลานิสัยของเขาก็แปลกจนยากจะเข้าใจ ไม่ให้เธอย้ายออกไปงั้นเหรอ? เขาก็ควรมีเหตุผลสักหน่อยสิ
“ผมไม่ใช่สัตวแพทย์!” สวี่อี้หรานอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“โอเคๆๆ ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว รอให้ฉันป่วยเมื่อไหร่แล้วฉันค่อยไปหาคุณ ตอนนี้ฉันไม่ได้เจ็บป่วยสักหน่อยจะจับชีพจรทำไมกัน?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า
“ดอกบัวที่มือของคุณไม่ใช่รอยสักใช่ไหม?” จู่ๆ สวี่อี้หรานก็ถามขึ้น
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม นี่เป็นความลับของเธอ แม้แต่จ่านป๋ายยังไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่เขาเห็นแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าลวดลายดอกบัวบนหลังมือของเธอไม่ใช่รอยสัก? ลวดลายนี้เหมือนกับรอยสักขนาดนี้ ถ้ามองด้วยตาเปล่าคงไม่มีทางมองออก
สวี่อี้หรานเดินไปที่ข้างกายเธอ ใช้นิ้วมือทั้งสองจับไปที่แขนเสื้อของเธอด้วยสีหน้าร้องขอด้วยความอมทุกข์ “พี่สาวคนดี แค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวเอง ขอร้องล่ะ…”
“ไม่ได้!” ซีเหมินจินเหลียนพับแขนเสื้อกลับไปพร้อมส่งเสียงเหอะ “ไม่มีทางเสียหรอก!”
“ให้ผมทำอะไรก็ได้!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “ได้ไหม?”
“ไม่ได้!” ซีเหมินจินเหลียนยืนกรานพูดปฏิเสธอีกครั้ง จากคุณซีเหมินเปลี่ยนเป็นพี่สาวที่แสนดี ถ้าจะกวนใจกับเขาต่อไปใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะพูดจาเพี้ยนๆ อะไรออกมาอีก?
แต่ประโยคถัดมาที่สวี่อี้หรานพูด กลับยืนยันความจริงบางอย่าง…ไม่มีเพี้ยนที่สุด มีแต่เพี้ยนยิ่งกว่า!
“พี่สาวที่แสนดี คุณดูนี่สิ ผมหน้าตาพอโอเคใช่ไหมล่ะ?” สวี่อี้หรานพูดขึ้นฉับพลัน
“จู่ๆ คุณก็เป็นโรคหลงตัวเองขึ้นมาเหรอไง?” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูด
“ถ้าผมให้คุณเล่น sm คุณจะยอมพิจารณาให้ผมจับชีพจรไหม?” สวี่อี้หรานกลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง พระเจ้าช่วย เขารู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?
“พี่สาวที่แสนดี คุณลองคิดดีๆ เถอะนะ!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “ผมเป็นถึงหมอ สามารถให้ส่วนประกอบยาตัวพิเศษได้ รับรองว่าคุณต้องสนใจมากแน่ คุณก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าคุณจะตาย…”
“คุณพูดจาเหลวไหลอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าเขา “ฉันไม่ได้โรคจิตซะหน่อย!”
“ผมคิดว่าคุณจะชอบนี่นา!” สวี่อี้หรานทำปากจู๋พูด “ครั้งก่อนก็ไม่ใช่ว่าคุณเล่น sm กับจ่านมู่ฮวาหรอกเหรอ?”
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ในขณะที่พูดเธอก็รู้สึกอยากจะฟาดหมอมองโกลคนนี้สักฉาก ดูภายนอกเหมือนจะใสซื่อไม่มีพิษภัย แต่ความจริงจัดการยากกว่าใครทั้งนั้น
“ยังไงถ้าคุณไม่ให้ผมจับชีพจร ผมก็จะตามรังควานคุณไปอย่างนี้ตลอดนี่แหละ!” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง
“ให้คุณจับชีพจรฉันแล้วจะยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผมก็ไม่รู้!” สวี่อี้หรานปัดมือพูดจริงจัง
ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปากล่างคิดทบทวนไปมา เธอไม่เชื่อ? ว่าหมอมองโกลคนนี้จะสามารถจับชีพจรอะไรออกมาได้? โอเค เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เขามารังควาน เธอจะลองให้เขามาจับชีพจรสักครั้งก็ได้
เธอยื่นมือออกไปวางไว้บนโต๊ะ “มาสิ คุณอยากจะจับชีพจรนักไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้ผมไม่สามารถใช้เข็มในการจับชีพจรได้” สวี่อี้หรานส่ายหน้า “ต้องรอให้ผ่านไปสักหลายวัน เพราะฉะนั้นคุณต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน!”
“ก็แค่จับชีพจร ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยจับมือฉันมาก่อนสักหน่อย?” ซีเหมินจินเหลียนอุตส่าห์ยอมแล้ว คนคนนี้ก็เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก “ไม้แก่เหรอคุณน่ะ…”
“ไม้แก่มีไว้ให้ผีกิน!” สวี่อี้หรานได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจรีบเดินเข้าไปและใช้นิ้วสองนิ้วที่ซีดขาววางไปยังตำแหน่งเพื่อจับชีพจรของเธอ
ซีเหมินจินเหลียนโตมาขนาดนี้ ได้เห็นการจับชีพจรของแพทย์แผนจีนแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น ตอนนี้ไปโรงพยาบาลก็หาได้ยากที่จะใช้วิธีการรักษาแบบนี้ เริ่มแรกภายในใจของเธอเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความสงสัยมองไปที่สวี่อี้หราน
สวี่อี้หรานทำตามหลักวิชา บอกว่าจับชีพจรก็คือจับชีพจร เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งนาที ซีเหมินจินเหลียนถาม “เสร็จแล้วหรือยัง”
สวี่อี้หรานไม่ได้ตอบ ได้แต่ส่ายหน้า ซีเหมินจินเหลียนจึงไม่ถามอะไรซักไซ้ต่อ ในเมื่อเขาอยากจะจับชีพจรก็ให้โอกาสเขาจับสักครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการตามรังควานไม่หยุดหย่อนของเขาในครั้งหน้า
ฟังเพลงไปอย่างเบื่อหน่าย เมื่อรอให้เพลงหนึ่งจบ สวี่อี้หรานก็ยังจับชีพจรไม่เสร็จ ซีเหมินจินเหลียนมองมุมข้างของเขา เดิมทีใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วของเขา ตอนนี้กลับยิ่งซีดกว่าเก่าราวกับใสทะลุผ่านได้ทุกอย่าง บนศีรษะมีเหงื่อไหลออกมา…อุณหภูมิภายในห้องก็กำลังดี ไม่หนาวไม่ร้อน แต่ทำไมเขาถึงดูเหมือนเหนื่อยแทบขาดใจ
เวลาผ่านไปพอสมควร สวี่อี้หรานก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนส่งสายตาเคลือบแคลงใจมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ราวกับไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
“เป็นอย่างไรบ้าง” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ร่างกายของคุณแข็งแรงดี” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง
“ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร” ซีเหมินจินเหลียนพูด ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยป่วยมาก่อน อย่างมากสุดก็แค่เป็นหวัด กินยานิดหน่อย นอนพักผ่อนให้เพียงพอก็ดีขึ้นมาแล้ว
“แต่ชีพจรของคุณนั้นแปลกมาก” สวี่อี้หรานพูดอีกครั้ง “แปลกมากๆ…”