ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 172 เสี่ยวป๋ายกลับมา
เสี่ยวป๋ายมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน จู่ๆ ก็มีความรู้สึกอยากจะกระชากเธอเข้ามากอด แต่พยายามถึงที่สุดที่จะอดกลั้นไว้ ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่เธอช่วยชีวิตเขาไว้ เขากลับรู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เหมือนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แน่นแฟ้นผูกกันไว้อยู่ เขาดีใจทุกครั้งที่เห็นเธอ
“จินเหลียน ผมกลับมาแล้ว!” จ่านป๋ายหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียน ในเวลาเดียวกันก็เปิดกระโปรงหลังรถพร้อมยิ้ม “กระเป๋าของคุณล่ะ? ผมจะได้ย้ายของให้!”
“คนเขามีตาเห็นว่าคุณกลับมาแล้ว” สวี่อี้หรานพูดสอดแทรกมาจากข้างๆ อย่างไม่สบอารมณ์
จ่านป๋ายกวาดสายตามองเขาอยู่พักหนึ่ง เขาดีใจมากที่ได้เห็นซีเหมินจินเหลียน เลยขี้เกียจจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขา ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “กระเป๋าอยู่ข้างบน ฉันเก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
“ไม่ได้!” สวี่อี้หรานขวางทางซีเหมินจินเหลียน “ผมยังไม่ได้อนุญาตให้คุณไป”
“สวี่อี้หราน คุณอย่าหาเรื่องได้ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนแค่นยิ้มออกมา
“แต่ว่า…ผม…เอ่อ…ผมไม่อยากให้คุณไป” สวี่อี้หรานจับผม มองไปยังซีเหมินจินเหลียนด้วยสีหน้าพ่ายแพ้ ไม่ว่าเขาจะยื้อเธออย่างไร ซีเหมินจินเหลียนก็ยังยืนกรานเก็บกระเป๋าจนเสร็จ ส่วนจ่านป๋ายก็มาปรากฏตัวรับเธอตรงตามเวลาที่ซุ่ยหยวน
“เห็นคนอื่นจีบผู้หญิงมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นใครที่ตามรังควานเกาะติดแจอย่างคุณเลย” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด ไม่ต้องให้ซีเหมินจินเหลียนแนะนำ เขาก็รู้จักคนคนนี้ คนที่เธอเอ่ยปากเรียกว่าหมอมองโกล
“ไม่ได้!” สวี่อี้หรานส่ายศีรษะ เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ไม่ยอมหลีก
“อี้หราน!” ในขณะที่ทั้งสามคนต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันนั้น จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนเดินเยื้องกรายออกมาจากข้างใน สายตามองไปทางสวี่อี้หราน “แกเข้าไปข้างในก่อน อย่ามาวุ่นวายแถวนี้!”
“แต่ว่าพ่อ เธอจะไปแล้ว…” สวี่อี้หรานมองไปที่ชายวัยกลางคนพร้อมพูดขึ้น “พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตั้งแต่เย็นแล้ว ตอนนี้แกเข้าไปนั่งรอฉันข้างใน อย่าก่อเรื่อง ฉันมีอะไรต้องคุยกับคุณซีเหมินสักหน่อย” ชายวัยกลางคนแค่นเสียงใส่ ใบหน้าแข็งทื่อพูดขึ้นว่า “ถ้าขืนแกกล้าจะก่อเรื่องอีก ระวังกฎบ้านฉันไว้!”
“กฎบ้านกฎบ้าน…พ่อก็ได้แต่เอากฎของที่บ้านมาขู่ผม!” ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สวี่อี่หรานก็ยังเกรงกลัวชายวัยกลางคนคนนี้ ได้แต่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปอย่างว่านอนสอนง่าย
จ่านป๋ายขมวดคิ้วเข้าหากัน ซีเหมินจินเหลียนคงไม่รู้ความเป็นมาของคนคนนี้ แต่เขารู้ดีว่าคนผู้นี้คือสวี่เซวียนหยวนผู้นำตระกูลสวี่ แต่เขามาทำอะไรที่หยางโจว?
ในใจของซีเหมินจินเหลียนรู้ดีว่าชายวัยกลางคนท่วงท่าสง่างามคนนี้ก็คือสวี่เซวียนหยวนพ่อของสวี่อี้หราน ตอนที่พวกเขาหลงทาง เคยพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กันแล้ว แต่จากดีเอนเอที่ปรากฏตรงหน้า สวี่อี้หรานไม่เหมือนกับสวี่เซวียนหยวนสักนิด
“สวัสดีค่ะคุณสวี่” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มทักทาย
“ลูกชายกระผมเสียมารยาท เป็นที่น่าขบขันของคุณแล้ว” สวี่เซวียนหยวนพูด
“ไม่หรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด “อย่างไรฉันก็รบกวนคุณท่านไม่น้อยเลย” ในเมื่อสวี่เซวียนหยวนชอบพูดคำสไตล์โบราณ เธอก็ไม่สนใจที่จะพูดเลียนแบบเขา
“ทำไมคุณซีเหมินถึงอยากจะย้ายออกไปล่ะครับ คุณคงยังไม่ได้ไปจากหยางโจวหรอกใช่ไหม?” จู่ๆ สวี่เซวียนหยวนก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ฉันจะรบกวนคุณท่านพักอยู่ที่นี่ตลอดได้ยังไงกันคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
สวี่เซวียนหยวนถอนหายใจออกมา ก่อนมองไปทางจ่านป๋ายแล้วพูด “ลูกกระผมไม่เคยมีเพื่อน หลายปีมานี้ผมพยายามพาเขาเข้าสังคมเพื่อกลมกลืนกับพวกคุณ ให้เขาหาเพื่อนเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีเวลาไม่มากเท่าไหร่แล้ว…ลูกคนนี้ ใช้ชีวิตขมขื่นมาโดยตลอด เพียงแต่…เขาไม่เจอเพื่อนที่พูดคุยกันถูกคอของเขา เมื่อรู้จักคุณ เขาเลยชอบคุณมาก”
ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าในใจพึมพำ เขาแค่สนใจในชีพจรของฉันต่างหาก!
“สำหรับคนเป็นพ่อ กระผมก็หวังว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตนี้อย่างมีความสุขบ้าง” สวี่เซวียนหยวนลอบถอนหายใจ
“คุณท่านสวี่ จากที่ผมดูคุณชายสวี่แล้ว นอกจากสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา อย่างอื่นก็ไม่เห็นจะดูป่วยตรงไหนเลยนี่ครับ?” จ่านป๋ายถามแทรกขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นดูจากฐานะของตระกูลสวี่แล้ว ถ้าเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป พวกเขาน่าจะสามารถเชิญหมอดีๆ ชื่อดังมารักษาได้ ใช้ยาดีๆ สักหน่อย เขาก็คงไม่มีอาการร้ายแรงเหมือนอย่างที่พูด
“เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคธรรมดา ยากกว่าที่ตัวเขาจะรักษา จนบางทีอาจจะไม่มีทางรักษาเลยก็ได้!” สวี่เซวียนหยวนพูด “เขาถูกพิษ พิษที่พิเศษมาก!”
“พิษศพก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษานะคะ คุณท่านสวี่เคยคิดที่จะลองรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันดูบ้างไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนเคยได้ยินสวี่อี้หรานพูด เธอจึงรีบแนะนำขึ้นทันที
“คุณซีเหมินรู้ด้วยหรือ?” สวี่เซวียนหยวนแปลกใจ
“ครั้งก่อนที่คุณโทรหาเขา เขาก็อยู่ที่บ้านฉันพอดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอธิบาย
จ่านป๋ายกลับรู้สึกเป็นกังวล คนที่โดนพิษศพต่างชั่วร้าย ทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงไปคลุกคลีอยู่กับคนพวกนี้ได้? นอกจากนี้คุณชายสวี่ไปสัมผัสศพที่ไหนเข้าถึงติดเชื้อมา ถึงเป็นพิษศพธรรมดา โรงพยาบาลทั่วไปก็มีเซรุ่ม ไม่ถึงกับขั้นคร่าชีวิตปางตาย
“ในเมื่อคุณซีเหมินรู้หมดแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ หวังว่าคุณซีเหมินจะสามารถอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน เขามีเพื่อนที่พูดถูกคอน้อยมาก ถ้าหากผมหาของที่เขาต้องการไม่เจอ…อย่างมากที่สุดเขาก็คงมีชีวิตอยู่ได้แค่สองปี” พูดถึงตรงนี้ สวี่เซวียนหยวนก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ผมตั้งใจมาดูเขาถึงที่นี่”
ความจริงเขาตั้งใจมาหาซีเหมินจินเหลียนโดยเฉพาะ เพราะทางหยางโจวมีรายงานมาว่าคุณชายพาผู้หญิงมาพักค้างแรมที่ซุ่ยเย่ว์สวี่หยวน ดังนั้นสวี่เซวียนหยวนจึงดีอกดีใจรีบเดินทางมาจากตงไห่
“พวกคุณย้ายออกไปพักที่โรงแรมหรือไปพักที่บ้านตระกูลจ่าน มันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?” สวี่เซวียนหยวนยิ้มบางๆ “คุณจ่าน อสังหาริมทรัพย์ที่หยางโจวของตระกูลจ่านไม่ใช่ของคุณใช่ไหม?”
จ่านป๋ายทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า ความจริงตระกูลจ่านมีบ้านที่หยางโจว แต่นั่นไม่ใช่ของเขา มันเป็นชื่อของจ่านมู่ฮวา ถ้าไปนอนที่ของจ่านมู่ฮวา สู้มาพักที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ
“คุณซีเหมิน…” สวี่เซวียนหยวนมองไปทางซีเหมินจินเหลียน “คืนนี้ดึกมากแล้ว อยู่พักที่นี่ต่อเถอะ คุณจ่านก็พักด้วยกันนี่ล่ะ อย่างไรที่นี่ก็ออกจะกว้างใหญ่ บ้านของพวกเรา…ไม่เคยมีคนมามากมายแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”
ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนยืนยันว่าต้องการที่จะไป เธอคงต้องขัดขืนสักหน่อยแล้ว แต่เธอกลับพูดขึ้นว่า “ขอบคุณคุณท่านสวี่ที่เมตตามากๆ ค่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนี้พวกเราก็ต้องรบกวนแล้ว”
“ขอบคุณมากครับ!” สวี่เซวียนหยวนยิ้ม รีบกำชับให้แม่บ้านสองคนเดินพาพวกเขาเข้าไปในห้อง
“คุณเอาหยกราชางูมาแล้วใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถามจ่านป๋าย
“ครับ ยังมีหินหยกอีกสองก้อนที่คุณบอกด้วย จะให้ย้ายขึ้นไปข้างบนเลยไหม?” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ในนั้นมีหินหยกก้อนหนึ่งที่ซื้อมาจากงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทอง ขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ยังคงใหญ่กว่ากำปั้นมือ ซีเหมินจินเหลียนถือมันไว้ด้วยสองมือแล้วเดินไปข้างหน้า “ตระกูลสวี่ไม่ใช่มีเงินธรรมดา…”
“ตระกูลพวกเขาร่ำรวยมีชื่อเสียง” จ่านป๋ายพูด “ผมแปลกใจนิดหน่อย คุณไปรู้จักหมอมองโกลคนนั้นได้ยังไง?”
รอจนเก็บกวาดของให้เสร็จ จ่านป๋ายก็ไม่รีรอ รีบเลือกห้องนอนที่อยู่ข้างๆ เธอ จากนั้นก็คอยวนเวียนอยู่ข้างกายเธอ มองเธอขดตัวอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์ มองดูเวลาก็เกือบห้าทุ่มครึ่งแล้ว จึงถามขึ้นว่า “คุณยังไม่นอนเหรอ?”
“รอคุณไง!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“เอ่อ…” จ่านป๋ายตกตะลึง แต่เพียงไม่นานก็เข้าใจ ตัวเองคงคิดมากไปแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางของเขาก็ย้อนคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ เพียงไม่นานใบหน้าก็แดงระเรื่อ ได้แต่ด่าเขาอย่างแผ่วเบา จ่านป๋ายรีบเบี่ยงประเด็นพูด “พรุ่งนี้บอกก็เหมือนกัน ยังไงความจริงก็เป็นอย่างนี้”
“อะไรที่อย่างนี้อย่างนั้น คุณพูดมาง่ายๆ หน่อยสิ มีข่าวคราวหินหยกของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงในตอนนั้นไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“มีครับ” จ่านป๋ายเห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าถ้าวันนี้พูดไม่ชัดเจน คืนนี้ซีเหมินจินเหลียนคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ จากนั้นเขาเลยนั่งลงบนโซฟาตรงกันข้ามกับเธอพร้อมพยักหน้าพูด “หินหยกพวกนั้นน่าจะมีขนาดทั้งเล็กใหญ่ประมาณแปดสิบเอ็ดก้อน หนักมากสุดน่าจะสักหนึ่งถึงสองตัน เล็กสุดขนาดไม่ถึงกำปั้น แต่ทว่าเมื่อกองผสมโรงอยู่ด้วยกัน ก็แปดสิบเอ็ดก้อนพอดี
ซีเหมินจินเหลียนส่งเสียงหัวเราะขมขื่น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถ้าหากมีแค่ก้อนสองก้อนยังพอว่า แต่เยอะแบบนี้ หากอยากซื้อกลับคืนมาทั้งหมด ค่าขนส่งก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
“ตอนนั้นหินหยกเหล่านั้นตกไปเป็นของคนเยอรมัน จากนั้นถึงเปลี่ยนเจ้าของมาเป็นคนอเมริกา แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด
“แล้วอะไรที่เป็นประเด็นหลักล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “หินหยกพวกนี้ ตอนนี้อยู่ในมือใคร”
“ผู้นำคนหนึ่งในอเมริกา” จ่านป๋ายพูด “แจ็คสมิธ! รายละเอียดอื่นๆ ไม่แน่ชัด แต่เรื่องที่เหลวไหลยิ่งกว่านั้นก็คือ ผู้นำชาวอเมริกาคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะรู้เรื่องเกมเดิมพันหินของประเทศจีนเราด้วย เขาซื้อหินหยกร้ายดีมาจากพม่าจำนวนมากปะปนกัน…ถึงอยากจะซื้อ แต่สายตาเขาก็ขี้จุกจิก ราคายิ่งห่างไกลสูงลิ่วจากความจริง!”
“แจ็คสมิธเป็นถึงนามสกุลใหญ่ของอเมริกา!” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด
จ่านป๋ายพยักหน้าพูด แม้ว่าอเมริกาจะไม่ได้มีวัฒนธรรมประเพณีมาห้าพันปีเหมือนประเทศจีน ไม่ใช่ประเทศเก่าแก่มีอารยธรรม แต่อเมริกาก็เป็นสถานที่ที่มีประชากรมากที่สุด
“เดิมทีในหินหยกแปดสิบเอ็ดก้อนนั้นเลือกหินหยกมาสองก้อนกับหินหยกที่มีความเกี่ยวพันกับหินปิดฟ้าก็ยุ่งยากพอแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นหินหยกจำนวนมากปะปนอยู่ด้วยกัน ถึงอยากจะคัดเลือกออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด
“ปัญหาก็คือ ข้อมูลจากเพื่อนของคุณน่าเชื่อถือหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนไม่กลัวเรื่องนี้ ขอแค่มีหินหยกที่เกี่ยวข้องกับหินปิดฟ้ารวมอยู่ในนั้น เธอต้องเลือกมันออกมาได้แน่นอน กลัวก็แต่จะเสียเวลาทำไปเปล่าๆ หรือไม่นี่สิ อีกทั้งถ้าหากแจ็คไม่ขายหินหยก นี่ก็เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวแล้ว
“ข้อมูลที่ได้มาน่าจะเชื่อถือได้” จ่านป๋ายพูด “จากบันทึก ตอนนั้นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิงเคยมาจากดินแดนรกร้างห่างไกลขนย้ายหินมาจำนวนหนึ่งมากองรวมกันที่หยวนหมิงหยวน ได้ยินว่าค่ำคืนปล่อยแหล่งกำเนิดแสง เชื่อมโยงกับดาวเป่ยโต่ว แม้ว่ามันดูจะขี้โม้เกินจริง แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่เรื่องโกหก”
“ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าหินปิดฟ้าเป็นอย่างไร ต้องรอให้รู้ลักษณะของมันก่อน!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ตามหาของพวกนี้ มันก็ช่างไร้สาระสิ้นดี เฮ้อ…แต่ขอให้เขาขาย ก็ไม่ลำบากแก่การไปดู ของของบรรพบุรุษหากสามารถตามกลับมาได้ก็ตามกลับมาเถอะ!”