ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 183 หินลายน้ำ
ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้บอกให้คุณเลียนแบบเจี๋ยเป่าอวี้คนนั้น คุณดีกว่าเจี๋ยเป่าอวี้ตั้งเยอะ!”
“จริงเหรอ?” จ่านป๋ายขยับเข้าใกล้เธอและเจตนายั่วยวนถามขึ้น “ผมดีตรงไหนเหรอครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนอึ้งนิ่งอยู่นาน จากนั้นก็มองแววตาที่แพรวพราวของเขาจึงก่นด่าขึ้น “คุณ…คนเลว” ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไม่ออก เธอรู้สึกว่าใบหน้าตอนนี้ร้อนราวกับถูกไฟเผา
จ่านป๋ายก็ไม่ได้สนใจ กระซิบไปข้างหูเธอพร้อมถามขึ้นว่า “จินเหลียน พวกเรามาคุยกันอย่างจริงจังดีไหมครับ?”
“มีแต่คุณที่ต่อให้ตายก็ไม่จริงจัง ฉันก็จริงจังมาโดยตลอด” ซีเหมินจินเหลียนยู่ปากน้อยๆ
“โอเค ผมไม่จริงจัง!” ตลอดเวลามานี้ไม่ว่าซีเหมินจะพูดอะไร จ่านป๋ายต่างตอบตกลงเห็นพ้องไม่เคยขัดเธอมาตลอด ตอนนั้นเลยถามขึ้นว่า “คุณบอกมาตามตรง คุณชอบหลินเสวียนหลานหรือเปล่า?”
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน ทำไมเขาถึงถามแบบนี้?
“จินเหลียน ผมถามคุณตรงๆ นะครับ คุณชอบเขาหรือเปล่า” จ่านป๋ายถามอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอยู่พักหนึ่งถึงเริ่มพูดว่า “เสี่ยวป๋าย คุณอย่าถามฉันเลย ฉันก็ไม่รู้จริงๆ”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นผมถามแบบนี้แล้วกัน” จ่านป๋ายลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เธอและลดเสียงถามขึ้นว่า “สองคนนั้นยุ่งอยู่ในห้องครัว พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก…ตอนนี้ผมพักที่บ้านคุณอยู่ใช่ไหม?”
“คุณพูดเหลวไหลอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขา
“ถ้าหากให้คุณเลือกมาหนึ่งคน มาแทนที่ผม คุณจะเลือกใครครับ” จ่านป๋ายถาม “ตัวเลือกของคุณมีจ่านมู่ฮวา ฉินเฮ่า หลินเสวียนหลาน สวี่อี้หรานหรือคนอื่นที่ยังอยู่ในใจของคุณ คุณจะเลือกใคร?”
ซีเหมินจินเหลียนใช้สมองครุ่นคิดอยู่นานและพูดขึ้นว่า “ฉันเลือกคุณ”
“ผมไม่เกี่ยวสิ” จ่านป๋ายยิ้ม “ความหมายของผมก็คือถ้าคุณต้องเลือกคนอื่นอีกคนมาแทนที่ผม คิดเสียว่าผมไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน คุณจะเลือกใคร?”
“แต่…คุณก็ปรากฏตัวมาแล้วนี่นา?” ซีเหมินจินเหลียนถามกลับ
“ก็แค่สมมติครับ?” จ่านป๋ายไม่มีอะไรจะพูด “คุณเลือกมาสักคน”
“โอเค ฉันจะคิดดู!” ซีเหมินจินเหลียนคิดตามสิ่งที่เขาพูด สมมติว่าจ่านป๋ายไม่ปรากฏตัว ในบ้านของเธอต้องมีผู้ชายมาคอยทำงานเบ็ดเตล็ด เธอจะเลือกใคร? ฉินเฮ่าเหมือนเป็นพี่ชายคนโต แม้ว่าเขาจะเคยพูดโผงผางออกมากับปากว่าจีบเธอ แต่ตอนนี้เขากลับหมั้นกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว ตัดเขาไปก่อนอันดับแรก
ที่เหลือคนที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก็คือสวี่อี้หราน…แต่เห็นได้ชัดว่าเวลาเขาจะทำอะไรก็ดูจะพึ่งไม่ได้มากกว่าเธอเสียอีก ไหนจะชอบหลงทางไปหมด!
ถัดมาคือจ่านมู่ฮวากับหลินเสวียนหลาน…
ความเด็ดขาดของจ่านมู่ฮวากับความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดของหลินเสวียนหลาน เมื่อเทียบกันแล้วเงาของทั้งคู่คอยวนเวียนไปมาในใจของเธอ ยากที่จะให้เธอเปรียบเทียบ
ไม่นานเงาของทั้งคู่ก็ค่อยๆ จางหายไป สุดท้ายคนที่อยู่เบื้องหน้าก็มีแค่จ่านป๋าย …
“หากคุณไมปรากฏตัวขึ้น ฉันก็คงไม่ให้ผู้ชายเลวที่ไหนเข้ามาในบ้านของฉันหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่นานถึงพูดจริงจังขึ้น
จ่านป๋ายสับสน เขาไม่เข้าใจเลยว่าความรู้สึกข้างในของซีเหมินจินเหลียนเป็นอย่างไร เห็นเธอคุยกับใครแล้วก็เฮฮายิ้มแย้มไปด้วยทุกครั้ง แต่ใครก็ไม่สามารถเข้ามาในโลกส่วนตัวของเธอได้เลย รวมถึงเขาด้วย
เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าคนที่เธอชอบก็คือหลินเสวียนหลาน แต่วันนี้เธอคงไม่ได้โกหก แค่ความรู้สึกของเธอ…ยังคงไม่ชัดเจน เธอไม่เคยแนะนำเขาต่อหน้าใครว่าเขาเป็นแฟนของเธอ…
เมื่อคิดถึงเท่านี้ จ่านป๋ายก็ทำได้แค่ฝืนยิ้ม เธอชอบเขาเพราะว่าเขาเหมือนหยก สัมผัสทีไรรู้สึกอ่อนโยนเช่นหยก? ความรู้สึกนี้ช่างดูพ่ายแพ้นัก
“จินเหลียน…” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “สวี่อี้หรานกับจ่านมู่ฮวากำลังตามจีบคุณอยู่”
“ฉันรู้” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ฉันไม่ได้โง่นะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องในอนาคตของคุณเลยเหรอครับ?” จ่านป๋ายถาม
“อืม…” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอยู่นานถึงถามเขา “หากฉันแต่งงานไป คุณจะทำยังไง?”
จ่านป๋ายนิ่งอึ้งไป เพียงไม่นานร่างกายก็อ่อนแรง นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าไม่ขยับเขยื้อนไปไหน….
“เสี่ยวป๋าย คุณอย่าถามฉันเลย” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ “ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ฉันเองยังสับสน หากในอนาคตมีสักวันที่ฉันจะต้องแต่งงาน คุณจะเป็นอย่างไร? คุณเป็นคนที่ฉันเก็บมา คุณเป็นของฉัน ไม่มีใครเปลี่ยนความจริงของเรื่องนี้ได้! เสี่ยวป๋าย ฉันจำที่คุณเคยบอกฉันได้ นอกจากฉัน คุณก็ไม่เหลืออะไรแล้ว และฉันก็ไม่อยากเสียคุณไป หากฉันต้องคิดเรื่องแต่งงาน หรือว่าฉันต้องเอาคุณไปเป็นสินสอดด้วย? เพราะอย่างนั้นในอนาคตไม่ต้องถามคำถามนี้อีกแล้ว”
จ่านป๋ายนั่งพิงเก้าอี้ไม่ขยับไปไหน ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!
ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เมื่อถึงประตูก็หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน หันมองไปทางจ่านป๋าย “เสี่ยวป๋าย หลังจากนี้ฉันคงไม่เก็บใครมาอีกแล้ว…อีกอย่าง ที่เป็นอย่างนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร”
จ่านป๋ายพยักหน้าพูด ในขณะนั้นในใจมีแต่ความกล้ำกลืนฝืนทน ที่แท้…ในใจของเธอ เขาสำคัญขนาดนี้เลย และวันนี้ตัวเองถามคำถามโง่ๆ ออกมา เขาดูออกว่าเมื่อสักครู่ซีเหมินจินเหลียนกำลังมีความสุข แต่ในชั่วพริบตาอารมณ์ของเธอก็แย่ลง เกรงว่าเขาทำร้ายจิตใจของเธอเสียแล้ว!
ยื่นมือไปตบกกหูตัวเอง จ่านป๋ายบ่นด่าพึมพำ “ไอ้เลวเอ๊ย!”
“เสี่ยวป๋าย กินข้าวได้แล้ว คุณจะอยู่ห้องใต้ดินทำไม” ซีเหมินจินเหลียนพูดอยู่ข้างนอก
“มาแล้ว…” จ่านป๋ายรีบตกปากรับคำ ยืนขึ้นและจัดการความรู้สึกของตัวเอง ข้างนอกยังมีคนอื่นอยู่ หลินเสวียนหลานก็ช่างเถอะ แต่สวี่อี้หรานที่ดูซื่อๆ ตรงๆ นั้น แต่ปากของเขาก็เคลือบไปด้วยยาพิษ
เมื่อเดินไปถึงข้างนอก สวี่อี้หรานก็กำลังพับแขนเสื้อขึ้นแยกตะเกียบออกจากกันถามซีเหมินจินเหลียนว่า “ในจิ๊กโฉ่ว คุณจะใส่น้ำมันงาลงไปไหม”
“ปูอร่อยขนาดนี้ ฉันไม่ต้องการจิ๊กโฉ่วหรอก” ซีเหมินจินเหลียนพูด
จ่านป๋ายลากเก้าอี้มานั่งข้างซีเหมินจินเหลียน พับแขนเสื้อขึ้นและส่งปูที่แกะแล้วไปให้เธอพร้อมยิ้ม “กินจิ๊กโฉ่วสักหน่อยขจัดคาว แถมจิ๊กโฉ่วยังมีส่วนช่วยเรื่องความสวยความงามเป็นอันดับต้นๆ ด้วยนะครับ”
หลินเสวียนหลาเอาเหล้าหยางเหมยมา ที่แท้ก็มีรสชาติเปรี้ยวหวานอย่างที่คิด จนซีเหมินจินเหลียนดื่มไปตั้งสองแก้ว กับข้าวมื้อนี้กินจนอิ่มหนำสำราญ
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินเสวียนหลานก็บอกลา จ่านป๋ายไปส่งเขา ส่วนซีเหมินจินเหลียนรีบเก็บถ้วยชาม คิดไม่ถึงว่าสวี่อี้หรานจะมาแย่งเธอล้างถ้วยชาม และในเวลาเดียวกันไม่ลืมที่จะถามว่า “คุณซีเหมิน ผมช่วยเก็บถ้วยชามให้คุณแล้ว รอเดี๋ยวผมมีเรื่องจะขอร้องคุณ!”
“เรื่องครั้งที่แล้วไม่เอานะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณล้างถ้วยชามให้ฉันสักสิบปี ฉันก็ไม่รับปากคุณ”
“แหะ…” สวี่อี้หรานชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว “ไม่ใช่เรื่องนั้น ผมเก็บของให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาพูดกับคุณ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น ก็พอที่จะคุยกันได้หน่อย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “แต่ถ้าทำจานแตกหนึ่งใบต้องชดใช้สิบเท่า! จานของฉันเป็นจานโบราณในยุคราชวงศ์จักรพรรดิเฉียนหลงเลยนะ!” คนคนนี้ล้างถ้วยชามได้ด้วยเหรอ? เธอกำลังคิดแล้วว่าพรุ่งนี้คงต้องไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวสักหน่อย
“วางใจได้เลย แม้คุณจะบอกว่านี่เป็นเครื่องลายครามของราชวงศ์ซ่ง ผมก็ทำได้แค่ฟังเท่านั้น!” สวี่อี้หรานพูด เห็นได้ชัดว่าเป็นสินค้าทั่วไปที่ขายเรียงรายตามห้างสรรพสินค้า คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดว่าเป็นของโบราณ? ขอบคุณฟ้าดิน เธอไม่ได้บอกว่านี่ทำจากหยกชนิดแก้ว ยังดี…
“แหะ…มีหยกจริงด้วยแหะ …” สายตาของสวี่อี้หรานเลื่อนไปอยู่ที่จานใส่ผลไม้ลักษณะใบบัวสีเขียวสดเนื้อแก้ว พลางถอนหายใจ ถึงจะเป็นบ้านของเขา ก็ไม่อาจนำหยกชนิดแก้วมาทำเป็นจานใช้สอย มากสุดก็เอามาทำเป็นของประดับตกแต่งเท่านั้น ไม่เสียชื่อที่เป็นเจ้าหญิงหยกจริงๆ กระทำการใหญ่ไม่เกรงกลัว
“จินเหลียน” จ่านป๋ายเดินเข้ามาจากข้างนอก “หมอมองโกลคนนั้นเก็บของอยู่ในห้องครัวเหรอ?”
“พรุ่งนี้พวกเราคงได้ไปซื้อถ้วยชามกันใหม่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนปัดมือพูด “เขาคงไม่เคยเล่นมาก่อน ดูสงสัยมาก”
“ผมก็ล้างจานตั้งแต่เล็กจนโตนะ?” สวี่อี้หรานสีหน้าคัดค้านไม่พอใจส่งเสียงออกมาจากในครัว
“ดูแบบนี้แล้ว คุณท่านสวี่คงเลี้ยงลูกเป็น!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
ในห้องครัวข้างใน สวี่อี้หรานไม่รู้บ่นพึมพำอะไร แต่ทว่าซีเหมินจินเหลียนได้ยินไม่ชัดเจน จ่านป๋ายทำได้แค่ยิ้ม สวี่อี้หรานไม่ไป ทั้งคู่ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ
“แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วเหรอ?” จ่านป๋ายเห็นสวี่อี้หรานเดินออกมาจากในครัว
“อย่ามัวแต่สงสัยประสิทธิภาพการทำงานของหมอนะ!” สวี่อี้หรานสีหน้าจริงจัง
“หมอมองโกล!” จ่านป๋ายยิ้ม
“ผมไม่ใช่…” สวี่อี้หรานกำลังจะอธิบายอีกครั้งว่าเขาไม่ใช่หมอมองโกล แต่หันหน้าไปเห็นซีเหมินจินเหลียนกำลังหัวเราะอยู่ จึงส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมจะอธิบายอะไรให้คุณฟังนะ? พูดไปคุณคงไม่เข้าใจ คุณซีเหมิน ผมแค่อยากดูหินก้อนนั้น”
“อะไรเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามไม่เข้าใจ “หยกราชางู?”
“นอกจากหยกราชางูแล้ว ยังมีราชาหยก สิ่งที่สำคัญคือ…หินลายน้ำนั่น” สวี่อี้หรานพูด
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ขอแค่เขาไม่คิดว่าเธอเป็นหนูสีขาวในห้องทดลองก็พอแล้ว
เห็นซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านป๋ายยืนขึ้นพูดว่า “เดี๋ยวผมไปย้ายมาให้แล้วกัน!”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราไปห้องใต้ดินก็ได้แล้ว!” สวี่อี้หรานพูด
จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนอย่างสงสัย เธอเคยให้เขาเข้าไปห้องใต้ดินด้วยเหรอ? ใครจะไปรู้ภายในห้องใต้ดินที่มีแต่หยกชั้นดีพวกนั้น มีทั้งก้อนเล็กเท่านิ้วโป้ง บางทีอาจจะสามารถส่งให้เป็นมรดกตกทอดได้ ที่สำคัญของในห้องใต้ดินรอบด้านมีแต่หยกชั้นดีทั้งนั้น?
“ไปดูที่ห้องใต้ดินเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินนำลงไป
หินหยกแปลกประหลาดทั้งสามก้อนถูกวางไว้ที่ห้องทำงานภายในห้องใต้ดิน ในห้องใต้ดินมีเพียงเก้าอี้สองตัว จ่านป๋ายนั่งลงไปที่ตัวหนึ่ง ส่วนสวี่อี้หรานเพื่อที่จะดูหินได้สะดวกเลยนั่งไปตัวหนึ่ง ส่วนซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนหยกสีเลือด มองไปที่สวี่อี้หรานที่นั่งด้วยความระมัดระวังศึกษาหินหยกที่มีลายน้ำก้อนนั้น
“คุณซีเหมิน คุณน่าจะรู้ว่าตรงกลางที่ไม่รู้ว่าจะดำหรือขาวนี่คืออะไร?” สวี่อี้หรานพูด
“ไม่รู้!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
“หินหยกก้อนนี้น่าจะเหมือนกับสองก้อนนั้น ข้างในต่างมีสิ่งมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ข้างในเป็นของเหลวอะไรกันแน่?” สวี่อี้หรานขมวดคิ้วถาม
“คุณถามพวกเรา แล้วพวกเราจะไปถามใคร?” จ่านป๋ายฝืนยิ้ม “จะไปสนใจว่ามันคืออะไรกัน? ยังไงขอแค่มันไม่กระโดดออกมากัดคนก็ได้แล้ว!”