ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 189 ยกตนข่มท่าน
ภาษาอังกฤษของซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ดีมาก พอถูๆ ไถๆ ไปได้เท่านั้น แต่ประโยคนี้เธอกลับฟังออกเสียอย่างนั้น อาศัยโอกาสที่จ่านป๋ายยังไม่ทันได้รู้ตัว ก็ออกแรงหยิกลงไปที่แขนของเขา ไม่ทันไรจ่านป๋ายก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา
“คุณด่าอะไรฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนถลึงตามองเขา
“ผม…ผมไม่ได้…” จ่านป๋ายกลัดกลุ้มอยู่ในใจ เธอบอกว่าตัวเองฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องไม่ใช่เหรอ
หนิงชุ่ยฉินที่ขับรถอยู่ข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังพร้อมส่งเสียงหัวเราะ
“คุณยังกล้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อีก?” ซีเหมินจินเหลียนเบิกตากว้างจ้องมองไปที่เขา “คุณดูถูกฉันที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษสินะ?”
“ผม…ก็คุณบอกเองว่าไม่รู้เรื่อง” จ่านป๋ายมองเธอด้วยท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรม
“แต่เผอิญฉันเข้าใจประโยคนี้พอดี!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแห้ง “เพราะเมื่อก่อนมีเพื่อนคนหนึ่งเรียนคณะภาษาต่างชาติ เลยพูดประโยคนี้จนติดปาก อย่างน้อยฉันก็รู้ว่ามันเป็นประโยคที่ใช้ด่าคน”
ตอนนี้จ่านป๋ายเปลี่ยนเป็นบ่นพึมพำในใจแทน ครั้งนี้เขาก็พิสูจน์ได้เลยว่าซีเหมินจินเหลียนเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง
“หากมีผู้ชายหล่อๆ มาคอยให้ฉันหยิกบ้างมันก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ!” หนิงชุ่ยฉินที่ขับรถอยู่ข้างหน้าอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
“เธอแนะนำหินหยกให้ฉันรู้จักสิ แล้วฉันจะแนะนำผู้ชายหล่อให้เธอ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“หล่อเท่าเขาไหม?” หนิงชุ่ยฉินพูด
“แน่นอน!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ที่เซี่ยงไฮ้มีผู้ชายหน้าตาดีเยอะหรือเปล่า” หนิงชุ่ยฉินขมวดคิ้วพูด “ฉันไปเคาะมาตั้งหลายห้อง ก็ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคนหน้าตาดีสักคน แต่กลับไม่คิดว่าจะมีเจ้าของเสียแล้ว…”
ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงคำพูดของเธอในเมื่อวาน เมื่อมาคิดปะติดปะต่อกัน จู่ๆ ก็รู้สึกกะอักกระอ่วนขึ้นมาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีงานอดิเรกแบบนี้ จ่านป๋ายพูดถูก เธอไม่ได้มาขายตัวเพราะชีวิตถูกบีบบังคับ แต่ทำเพื่อสนองความใคร่ของตัวเองเท่านั้น
“ว่าแต่หยกสวยขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลังจากที่เงียบงันหนิงชุ่ยฉินฉุกถามขึ้นมา
“อืม หรือว่าเธอไม่ชอบสีสันที่สดใสของมันเหรอ เครื่องประดับจากหยกที่ตรึงตราใจคนน่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ คนที่ไม่ชอบทองหรือเงินก็ยังมีมาก แต่คนที่ไม่ชอบหยกก็น้อยเหลือเกินที่จะเจอ
“ถึงจะสวยมากเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นแค่หินที่เย็นๆ ก้อนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนที่หิวมันก็ทำให้ท้องอิ่มไม่ได้ ตอนที่หนาวก็ไม่อาจคลายหนาวได้ มีอะไรดีกัน?” หนิงชุ่ยฉินพูดเยือกเย็น “ฉันรู้แค่ว่าหินบ้าๆ พวกนี้ มันทำให้คนในบ้านต้องตาย ดังนั้นฉันเลยเกลียดหยก แต่ชอบผู้ชายหน้าตาดี”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็รู้สึกตกใจ ชั่วขณะนั้นเธอก็อยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็หยุดปากลงเสียก่อน ใช่! หยกถึงจะสวยแค่ไหน แต่สุดท้ายมูลค่าของมันก็ขึ้นอยู่กับใจของคน หากมีวันหนึ่งที่บนโลกใบนี้ไม่มีใครชอบหยก พวกมันก็คงจะต้องวางตามพื้นเฉกเช่นเดียวกับหินก่อสร้าง หินที่ไม่มีค่าราคาอะไร
การเดิมพันหินก็เหมือนกับการเดิมพันในทุกสายแขนงบนโลกนี้ ความเสี่ยงสูง!
“ถึงบ้านของคุณอาฉันแล้ว วันนี้ฉันว่าง เดี๋ยวฉันรอขับรถไปส่งพวกคุณก็แล้วกัน” หนิงชุ่ยฉินพูด ระหว่างที่พูดนั้นเธอก็จอดรถเรียบร้อยแล้ว เปิดประตูรถรีบดีดตัวลงมาใช้เสียงเปิดประตู “คุณอาๆ ฉันพาลูกค้ามาให้แล้ว วันนี้อาต้องเลี้ยงฉันนะ!”
“เด็กคนนี้ เอะอะโวยวายมาแต่ไกล แกยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” ในบ้านมีเสียงของชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมเดินออกมา
ซีเหมินจินเหลียนลงจากรถแล้วกวาดสายตามองไปรอบด้าน หันไปเห็นบ้านเดี่ยวสามหลังสไตล์เก่าแก่แยกประตูกัน ด้านหน้าของประตูเปรอะเปื้อนโคลนเต็มไปหมด ด้านหลังมีลานบ้าน การก่อสร้างแบบนี้คุ้นหน้าคุ้นตาในเจียหยาง
ชายวัยกลางคนมองซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋าย และก็เหมือนอย่างที่ทุกคนก่อนหน้านี้เคยคิด เขาก็คิดว่าจ่านป๋ายเป็นคนที่อยากจะซื้อ สายเดิมพันนี้ไม่ค่อยเห็นเด็กผู้หญิงเท่าไหร่
ดังนั้นจึงรีบส่งบุหรี่ไปให้จ่านป๋ายพร้อมนามบัตรและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดขึ้นว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ก็หน้าตาเคร่งเครียดเชียว”
จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “ผมไม่สูบบุหรี่ครับ” จากนั้นก็รับนามบัตรส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนไล่สายตามองไปที่นามบัตร หนิงซั่งหวา…ทำธุรกิจค้าหินหยกโดยเฉพาะ อยู่ที่ชุมชนหยางเหม่ยในเจียหยาง ผู้ชายส่วนมากต่างทำธุรกิจค้าขายหยก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
“สวัสดีค่ะคุณหนิง พอดีเด็กผู้หญิงที่ชื่อคุณหนิงคนนั้นแนะนำเรามา เลยรู้ว่าทางคุณหนิงมีหินหยกเนื้อดีขายอยู่ ดังนั้นจึงตั้งใจมาหาน่ะค่ะ”
“อ้อ?” เมื่อซีเหมินจินเหลียนเอ่ยปาก หนิงซั่งหวาก็รู้เลยว่าที่แท้เด็กสาวที่เขาไม่ได้ใส่ใจในตอนแรก ความจริงเธอเป็นคนที่อยากจะซื้อ ครั้งนี้ตนเองก็มองพลาดแล้ว
“เชิญคุณสองท่านเข้ามานั่งข้างในก่อนเถอะครับ” หนิงซั่งหวาใบหน้ายิ้มแย้ม อดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองไปที่ซีเหมินจินเหลียนอยู่ตลอดและถามขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงต้องการสินค้าแบบไหนครับ”
“ไม่ว่าสินค้าแบบไหนคุณก็มีหมดเลยเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นพร้อมแฝงรอยยิ้ม ในขณะที่พูดเธอกับจ่านป๋ายเดินตามหนิงซั่งหวาเข้าไปในบ้าน หนิงซั่งหวารีบเชิญให้พวกเขาทั้งคู่นั่งลงและใช้ให้ลูกสาวของเขาเป็นคนชงชาให้
“อย่าหาว่าผมโม้เลยนะครับ แต่ผมทำธุรกิจหินหยกมานานตั้งยี่สิบกว่าปี อย่างน้อยในมือก็มีแต่สินค้าชั้นดีทั้งนั้น ขอแค่คุณผู้หญิงมีเงินมากพอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อสินค้าไม่ได้” หนิงซั่งหวาตบอกเป็นการรับประกัน
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณหนิงช่วยพาพวกเราไปดูสินค้าได้ไหมคะ ชานี่ก็ไม่ต้องดื่มแล้วค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขบขัน
“ได้สิครับ!” หนิงซั่งหวาพยักหน้านำพวกเขาไปที่ห้องข้างๆ เมื่อเปิดประตูออกข้างในก็เป็นห้องทำงานขนาดไม่ใหญ่มาก แต่กลับกองไปด้วยหินหยกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะขนาดเล็กใหญ่กองรวมกันสะเปะสะปะอยู่บนพื้น นอกจากนั้นยังมีสินค้าที่วางบนชั้นวาง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเดิมพันเต็มตัว หรือเดิมพันครึ่งหนึ่งมีครบทุกอย่าง
ส่วนหนิงชุ่ยฉินไปพูดคุยกับอาสะใภ้เธอระหว่างรอซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋าย
“คุณต้องการเดิมพันครึ่งหนึ่งหรือเต็มตัวครับ? คุณลองดูก้อนนี้ก่อนสิครับ นี่เป็นชนิดเนื้อน้ำแข็ง!” หนิงซั่งหวาผลักประตูและรีบแนะนำหินหยกต่างชนิดกับซีเหมินจินเหลียน “คุณดูนี่สิ สีของมัน ไหนจะจุดหยก…”
ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่กวาดสายตาดู ชนิดเนื้อน้ำแข็ง? เธอไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่าน แต่เธอก็เห็นหินหยกชั้นดีมาก็มากมาย ผู้เจียระไนช่องเปิดของหินหยกก้อนนี้เก่งกาจมาก สามารถเผยให้เห็นสีเขียวออกมาได้ ผิวของหินหยกสีเหลืองแกมน้ำตาลและมีจุดหยกอยู่ประปราย แต่เป็นจุดหยกที่หาพบได้ยาก เส้นลายหยกก็มีที่แอบบ้างเปิดเผยบ้าง ช่องที่เปิดเป็นเนื้อน้ำแข็งแน่นอน แต่ซีเหมินจินเหลียนรับรองว่าแม้หินหยกก้อนนี้จะเผยสีเขียว แต่ความอิ่มน้ำของมันคงไม่เท่าไหร่ ข้างในของมันน่าจะเป็นชนิดฝูหรง เพราะความอิ่มน้ำไม่เพียงพอ
“หากคุณผู้หญิงไม่สนใจก้อนนี้ เราไปดูก้อนอื่นกันดีไหมครับ?” หนิงซั่งหวาแนะนำหินที่เปิดหน้าต่างหยกออกมาแล้วเหมือนเดิม ชนิดเนื้อแก้วสีเขียวอ่อน แต่สีเขียวอ่อนมาก น่าจะมีสีเขียวแค่นิดหน่อย
“นี่เป็นถึงชนิดเนื้อแก้วเลยนะ!” หนิงซั่งหวายิ้มกริ่ม
ซีเหมินจินเหลียนย่อตัวลงนั่งกับพื้น เอื้อมมือไปแตะผิวสีขาวของหินหยกเนื้อแก้วด้านบน พูดตามตรงแล้วเธอก็ไม่ค่อยสนใจหินหยกครึ่งเดิมพันเท่าไหร่ แต่เพราะเห็นความกระตือรือร้นของหนิงซั่งหวา เธอจึงเลยไม่กล้าปฏิเสธความตั้งใจของเขา ยื่นมือออกไปแตะแต่ไม่ได้ใช้พลังในการมองทะลุผ่าน
เป็นเนื้อแก้วไม่ผิดแน่ แต่น่าเสียดายที่เหมือนกับเนื้อน้ำแข็ง ข้างในกลับเป็นแค่หยกสีเขียวติดเปลือกเท่านั้น
เพราะว่าเป็นเนื้อแก้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด เธอจึงใช้ความสามารถมองทะลุผ่านสักหน่อย และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ในนั้นมีสีเขียวนิดหน่อยเท่านั้น ข้างในเป็นหินสีขาวน่าสังเวช
ไม่มีจุดหยกหรือเส้นลายหยก แต่จุดขายของหินหยกก้อนนี้ก็คือพื้นผิวส่วนที่ถูกตัดออก ซีเหมินจินเหลียนตระหนักใจ หินหยกก้อนนี้หากอยู่ในมือเธอ ก็ทำได้แค่ตัดออกมาแบบนี้เพื่อเอามาหลอกเงินเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเจียระไนส่วนนี้ออกมาได้มีความสามารถจริงๆ
“คุณหนิง หินหยกพวกนี้คุณก็เป็นคนเปิดหน้าต่างหยกออกมาเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืน
“แน่นอนสิครับ คุณผู้หญิงน่าจะรู้ ชุมชนหยางเหม่ยในเจียหยาง ทุกคนต่างก็ทำธุรกิจหินหยกทั้งนั้น” หนิงซั่งหวาพูด “หรือว่าแม้แต่ก้อนนี้คุณผู้หญิงก็ไม่สนใจเหรอครับ? นี่เป็นชนิดเนื้อแก้วเชียวนะ แม้แต่หอบหิ้วเงินมาก็ยากที่จะได้พบเจอโดยทั่วไป”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าออกมาช้าๆ “คุณหนิงล้อเล่นแล้วค่ะ” หินหยกเนื้อแก้วจริงๆ หาพบได้ยากอย่างที่ว่า แต่หินหยกก้อนนี้แม้จะเขวี้ยงลงไปบนพื้นก็ยังไม่ควรค่าที่จะหยิบขึ้นมาเลย เป็นสีเขียวติดเปลือกที่ทำให้คนมากมายได้ลิ้มรสชาติแห่งความตายมาแล้วทั้งนั้น
เดิมพันสายนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือสีเขียวติดเปลือก เพราะไม่ว่าจะเป็นเดิมพันสี เดิมพันชนิด เดิมพันรอยแตก เดิมพันจุดสีขาว เดิมพันผิวต่างๆ ต่างมีร่องรอยให้สังเกตเห็น แต่หากมีสีเขียวติดเปลือกนี้ ก็จะมีจุดสีเขียวเล็กๆ เกาะอยู่ตามผิว ผู้เชี่ยวชาญที่รู้เรื่องการเดิมพันหิน หากใช้มีดตัดลงไป นำหยกสีเขียวออกมาและนำหยกสีเขียวเล็กๆ นี่ไปขายในราคาสูง ไม่รู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญเดิมพันหินเท่าไหร่ที่แพ้ให้กับสีเขียวติดเปลือก
“คุณหนิงคะ ที่นี่คงไม่ได้มีแค่นี้ใช่ไหมคะ?” เมื่อสักครู่ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองสำรวจทั่วห้องแล้ว แต่ก็ยังไม่พบหินหยกก้อนไหนที่ดูโดดเด่น
“หินหยกตั้งมากมาย หรือคุณผู้หญิงยังไม่พอใจสักก้อนเลยหรือครับ?” หนิงซั่งหวาขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ฉันอยากดูหน่อยน่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
พูดพลางเธอก็ไม่รอให้หนิงซั่งหวาแนะนำอะไร เลือกหินหยกในห้องที่ดูสะดุดตามาดูสองสามก้อน ผลสุดท้ายก็ยังคงไม่พอใจ รีบส่ายหัวพูดขึ้น “คุณหนิงคะ ถ้าหากคุณมีสินค้าดีๆ ก็เอาออกมาให้พวกเราดูเถอะค่ะ”
หนิงซั่งหวาได้ยินแบบนั้น ก็แค่นเสียงใส่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พูดแบบนี้ คุณผู้หญิงก็หาว่าหินหยกของผมไม่ดีพอเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้าพูดขึ้นว่า “หินหยกของคุณหนิงก็ดีอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าฉันต้องการที่ดีกว่านั้น ฉันบอกกับหลานสาวคุณแล้วว่าต้องการสินค้าเนื้อดี ไม่อย่างนั้นก็ไม่สู้พวกเราไปดูที่ถนนหยกโบราณ แล้วค่อยๆ เลือกดีกว่า” ในใจเธอเข้าใจดี การทำธุรกิจแบบนี้เขาคงไม่กล้านำสินค้าชั้นดีออกมาให้คนดูง่ายๆ สิ่งที่คนอื่นเห็นคงจะเป็นสินค้าพวกนี้สินะ
ความจริงสินค้าพวกนี้ก็จัดว่าดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ปลอมแปลงอะไร…แต่ว่ามันก็ยังห่างไกลจากความต้องการของเธอ ห่างไปไกลมาก
หนิงซั่งหวาหลบสายตาไม่พูดจา จ่านป๋ายจึงเดินเข้ามาพูดว่า “คุณหนิง พวกเราตั้งใจที่จะนำเงินมาซื้อสินค้า ถ้าหากคุณมีสินค้าดีๆ ที่คิดจะขายจริง ก็อย่ามัวแต่เก็บไว้เลยครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ต้องไปดูที่ร้านอื่นแล้ว สินค้าแบบนี้คุณผู้หญิงของผมก็ไม่สนใจหรอกครับ…คุณไม่ต้องลองใจพวกเราแล้ว”