ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 206 เนื้อหยาบกระด้าง
นิ้วของซีเหมินจินเหลียนเคาะลงบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจและยิ้มออกมาบางๆ “เธอทำไปก็เพื่อไม่อยากให้ลูกสาวถูกอวิ๋นอวิ้นทำร้ายก็แค่นั้น แม้ว่าเธอจะไม่รู้สถานะความเป็นมาของอวิ๋นอวิ้น แต่ยุคที่อำนาจและอิทธิพลครอบงำ…เงินและอำนาจเชื่อมโยงกัน ตอนนั้นคนคนนี้สามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบ อีกอย่างตอนนี้ความคิดของเธอก็ไม่เลวเลยสักนิด แล้วหินก้อนนั้นล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว?”
ระหว่างที่พูดนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองจ่านป๋าย ถ้าหินใหญ่ก้อนนั้นตกไปอยู่ในมือของคนอื่นจะไม่เป็นไรเลย แต่ถ้าอยู่ในมือของอวิ๋นอวิ้นแล้วล่ะก็ ซีเหมินจินเหลียนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยยินดีขึ้นมา
“ไม่มีปัญหาครับ ผมติดต่อกับเจียงเจิ้นเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าน้องสาวเขาถูกบีบบังคับเลยต้องทำอย่างนี้ หวังว่าพวกเราจะไม่ใส่ใจ” จ่านป๋ายยิ้ม “ตอนกลางคืนเขาให้พวกเราแอบเอาเงินไปและรับสินค้ากลับไปก็ได้แล้ว”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ซื้อได้ก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่ได้สนใจ “ไม่รู้ว่าหลี่ซานคนนั้นเป็นใครกัน คนที่สามารถให้อวิ๋นอวิ้นบงการได้”
“ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “นักเดิมพันหินธรรมดา ระดับอย่างอวิ๋นอวิ้นคงไม่ต้องถึงขั้นยัดเงินมาเล่นลับหลังแบบนี้หรอก…อีกอย่างนะจินเหลียน คุณก็ไม่รู้สึกเหรอว่าหินหยกเหล่านั้นที่พ่อของหนิงชุ่ยฉินซื้อมา มันก็มีอะไรแปลกๆ?”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็ไม่พูดจาอยู่นาน ใช่ พ่อของหนิงชุ่ยฉินซื้อหินหยกพวกนี้ต้องอะไรแปลกๆ สักอย่าง หินหยกพวกนี้ไม่ใช่ไม่ดี แต่กลับกันดีมากๆ ต่างหาก เกรงว่าลุงและอาของหนิงชุ่ยฉิน รวมถึงปู่ของเธอคงใช้ประโยชน์จากหินพวกนี้ เพียงแต่หนิงชุ่ยฉินไม่รู้ต่างหาก
ไม่อย่างนั้นอาของหนิงชุ่ยฉิน หนิงซั่งฮวาคงไม่นำหินหยกไม่สะดุดตานี้ไปแยกวางไว้ต่างหากหรอก…เปิดราคามาด้วยห้าแสน นี่ก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย ถ้าไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด หินหยกลักษณะอย่างนั้น นอกจากคนบ้าแล้วคงไม่มีใครกล้าเปิดราคาสุ่มสี่สุ่มห้า
“เจียงเจิ้นคนนั้นลงมีดไปประมาณสิบกว่าครั้งได้!” จ่านป๋ายพูดขึ้นทันควัน “แม้ว่าแม่ของหนิงชุ่ยฉินจะขี้กลัวไม่กล้าทำเรื่องใหญ่ แต่พี่ชายของเธอก็เป็นคนไม่เกรงกลัวอะไร ผมว่าถ้าหินหยกก้อนนั้นตัดออกมาเป็นสีเขียว เขาคงไม่ขายแน่ เปิดหน้าต่างบนหินหยกกับการเดิมพันทั้งกระบวนการ ราคาไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
“เขาต้องลงมีดตัดอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูด “ลงมีดดูแค่ครั้งเดียว ฉันยังพอเข้าใจเขาได้ แต่นี่ลงมีดเป็นสิบๆ ครั้งแล้วมาขายให้ฉัน? เขาเห็นว่าฉันโง่หรือยังไง?”
จ่านป๋ายได้แค่ยิ้มไม่นานถึงเอ่ยปากพูด “ถ้างั้นจะเอายังไงกันดีครับ? จินเหลียน หินหยกก้อนนั้น ตัดออกมาแล้วยังไม่เห็นดีเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราตัดใจไม่เอาดีไหม ผมว่าราคาของเจียงเจิ้นที่เปิดมาไม่ถูกเลย เขาไม่ใช่แม่ของหนิงชุ่ยฉินสักหน่อย”
“ค่อยไปดูตอนกลางคืนล่ะกัน อย่างไรฉันก็สนใจอยู่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากจะสูญเสียหินหยกแบบนี้ไป
“จริงสิ ชายชราที่ขายหินหยกเมื่อคืนโทรมาถามว่าคืนนี้ห้าทุ่มคุณพอมีเวลาว่างไปดูสินค้าไหม?” จ่านป๋ายเบี่ยงหัวข้อสนทนา
“ว่างสิ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าถาม “แต่ทำไมถึงต้องห้าทุ่มด้วย ดึกๆ ดื่นๆ แบบนั้น?”
“ผมเองก็กังวลนิดหน่อย ผู้อาวุโสท่านนั้นดูแปลกๆ หรือว่าเขาจะวางกับดักพวกเรา?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วพูด
“ตอนกลางคืนยังไงก็ระวังหน่อยแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “มีคุณอยู่ ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าฉันคนเดียวแล้วนัดไปดูสินค้ากลางดึกกลางดื่นอย่างนี้ ฉันก็กลัวจริงๆ! คุณนัดกับเจียงเจิ้นไว้กี่โมง”
“หนึ่งทุ่มครับ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาแล้ว พวกเราออกไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปดูไหม?” จ่านป๋ายถามความเห็นจากเธอ
“อืม!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ไปกันเถอะ!”
ตอนกลางคืนหาร้านอาหารแห่งหนึ่งในเจียหยาง พวก้ขาสั่งเมนูที่ทั้งคู่เคยกินมาสองสามอย่าง ก่อนจะเรียกรถมุ่งไปบ้านของเจียงเจิ้น เพราะว่าจ่านป๋ายศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว เลยไม่เสียเวลาขับอ้อมไปมา
สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนกลัดกลุ้มใจก็คือ…เจียงเจิ้นมีเงินมากกว่าที่เธอคิดไว้มาก มีคฤหาสน์หลังเล็กพร้อมสวน ด้านหลังมีโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่โต แต่มีประตูแค่เพียงบานเดียว ต้องเดินผ่านข้างในบ้านของเจียงเจิ้นก่อนถึงเข้ามาถึงได้ ทำแบบนี้แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก
เมื่อคิดถึงคำพูดที่เขาพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าดูแลสองแม่ลูกเป็นอย่างดี ด้วยท่าทีไม่หวังผลตอบแทน แต่สำหรับการเป็นลุงแท้ๆ ของหนิงชุ่ยฉิน เกรงว่าเรื่องดูแลน้องสาวกับหลานสาวคงไม่ค่อยเท่าไหร่ ไม่น่าล่ะหนิงชุ่ยฉินถึงเข้าใจเขาผิดหนักเลย
“คุณซีเหมินมาแล้วเหรอครับ!” เมื่อเจียงเจิ้นเห็นซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋าย ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณเจียง พวกเรามารับสินค้าค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมรู้ครับผมรู้” เจียงเจิ้นพยักหน้าติดๆ กัน “ผมจะพาคุณไปครับ” พูดพลางรีบนำทางซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไปที่โกดังด้านหลัง
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปในโกดัง เมื่อเห็นมุมห้องปิดอำพรางหินก้อนใหญ่อยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นหินก้อนนั้น แต่เจียงเจิ้นใช้ผ้าน้ำมันบังไว้ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณซีเหมิน คุณลองดูเถอะครับ” ระหว่างที่พูดเขาก็กำชับสื่อเป็นนัยกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆ
ลูกน้องรู้ความหมายดี จึงรีบเปิดผ้าน้ำมันที่คลุมหินออกมา
ซีเหมินจินเหลียนมองไปแวบหนึ่ง หินใหญ่ก้อนนี้ก็ดีจริงๆ แม้ว่าเธอจะกังวลว่าเจียงเจิ้นจะตัดไม่ดี แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆ หากเขาอยากตัดหินหยกก้อนใหญ่ออกมามันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้นคือการปลอมแปลงหิน? ดังนั้นเธอเลยวางใจไปอีกเปราะว่าเขาไม่มีทางโกงได้
เพียงแต่หินใหญ่ก้อนนี้เป็นอย่างที่จ่านป๋ายพูด เจียงเจิ้นไม่รู้หลักการในการตัด ซีเหมินจินเหลียนลองคำนวณดูแล้วน่าจะลงมีดประมาณสิบสามครั้งได้ และเนื้อผิวที่ตัดออกมาดูไม่ได้เลย
“ฝีมือมีดของคุณเจียงไม่เลวเลยนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปแตะเนื้อผิวส่วนหนึ่งที่ตัดออกมาพร้อมยิ้ม
เจียงเจิ้นกระอัดกระอ่วนเล็กน้อย สถานที่อย่างเจียหยาง หินหยกที่ตัดออกมาก็สามารถนำแผ่นหินไปแปะติดเพิ่มได้ ผู้เชี่ยวชาญที่ฝีมือดีหน่อย อาจจะทำถึงขั้นไม่มีรูโหว่เลยก็ได้ แต่เรื่องนี้ต้องการเวลา เนื้อแผ่นหินที่แปะเพิ่มเข้าไป หากวางไว้สามปีห้าปี หินคงถูกปัจจัยหลายอย่างทำให้กลมกลืนกับธรรมชาติ มองแล้วเหมือนของจริง คนนอกสายอาชีพคงดูปัญหานี้ไม่ออก
แต่หากเขาอยากจะปลอมแปลงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะด้วยเวลาจำกัด ยังไงเขาก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสร่ำรวยนี้
ในใจของเขาคิดว่า ขอแค่ชำแหละออกมาเป็นสีเขียวแค่นิดหน่อย เขาก็เตรียมตัวโก่งราคาแล้ว ขอแค่เผยสีเขียว หินหยกใหญ่ขนาดนี้ ถึงซีเหมินจินเหลียนไม่ซื้อก็ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะไม่ซื้อ
แต่ทุกอย่างกลับผิดเพี้ยนจากที่เขาคาดการณ์ มีดลงไปตั้งสิบกว่าครั้ง บนหินหยกมีรอยมีดอยู่ตั้งกหลายรอย แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเผยสีเขียวออกมา นอกจากนี้เนื้อผิวที่ตัดออกมาจากข้างในยังหยาบกระด้าง ท่าทางไม่เหมือนว่าจะเผยสีเขียวเลย ไม่สิ…ถึงเผยสีเขียว ดูจากระดับความหยาบบนเนื้อผิวแล้วก็ต้องแห้งแก่น ขายไม่ได้ราคาแน่