ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 216 หายตัวไป
ซีเหมินจินเหลียนแคลงใจ กุมมือลุงงูไว้แน่นแล้วส่ายศีรษะพูด “คุณย่าบอกว่าพ่อตายไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ลุงงูส่ายศีรษะในทันใด “เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง เพียงแต่พวกเราไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ลุงงู คนของตระกูลอวิ๋น…” ซีเหมินจินเหลียนลองถามหยั่งเชิง “บ้านของเรากับเธอมีความแค้นอะไรกัน ทำไมเธอถึงต้องจองล้างจองผลาญพวกเราด้วย”
“หนูเจออวิ๋นอวิ้นแล้วเหรอ?” ลุงงูตกตะลึง ในดวงตาที่เคยไร้แวว ยามนี้กลับวาบประกายบางอย่างออกมา “คนอันตรายพรรค์นั้น จินเหลียน หนูจำเอาไว้ขึ้นใจ อย่าประมาทศัตรู…”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ เธอไม่เคยประมาทอวิ๋นอวิ้น นี่เป็นเรื่องที่น่าอันตรายอย่างใหญ่หลวง เธอเป็นผู้หญิงที่มีแผนการรอบคอบ พ่ายแพ้ไปซะขนาดนั้นแต่ยังสงบอารมณ์ได้! เพราะท่าทีสงบนิ่งของเธอ ทำให้ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้สึกลิ้มรสรสชาติของผู้ชนะเท่าไหร่
“พ่อของหนู…เขาสบายดีไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิงขึ้น เธอไม่มีญาติที่ไหนแล้ว และคุ้นเคยกับการที่ไม่มีญาติไปแล้ว เมื่อได้ยินพูดว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงค่อนข้างประหม่าและทำตัวไม่ถูก
ลุงงูส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ ดี? หรือไม่ดี? แต่ทำไมเขาถึงได้เย็นชาเวลาคุยกับตนแบบนี้ล่ะ ‘คุณจำผิดคนแล้วครับ…’
เขาจำผิดคนหรือ? มิตรภาพที่มีกันมานาน เพื่อนวัยเยาว์ที่เล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กยันโต เขาจำผิดน่ะหรือ?
“จินเหลียน ลุงเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ลุงแทบจะไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อของหนูจริงๆ หรือเปล่า แต่…บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่จะคล้ายเขาได้ขนาดนี้…แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงจำลุงไม่ได้ อีกทั้งเขายังดูลึกลับ ลุงเคยตั้งใจไปสืบเรื่องราวในอดีตของเขาที่พม่า แต่…” พูดถึงเท่านี้ลุงงูก็เงียบลง
“เกิดอะไรขึ้นคะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบถาม
“เขาหายตัวไป ตอนที่ลุงไปตามหาเขาอีกครั้งก็ไม่เจอเสียแล้ว ลุงลองสอบถามโรงแรมและชาวบ้านแถวนั้นต่างก็บอกว่าไม่เคยเห็น ตอนนั้นนางพญางูขาวยังอยู่กับลุง…หนูก็รู้นางพญางูขาวรับรู้กลิ่นได้ไวมาก ดังนั้นลุงจึงพานางพญางูขาวไปด้วย เพื่อที่จะได้ตามหาเขา แต่กลับพบว่ากลิ่นของเขาจู่ๆ ก็หายไปเสียอย่างนั้น…ราวกับว่าเขาสามารถหายไปในความว่างเปล่าได้!” ลุงงูพูดถึงประโยคนี้ได้แต่ผ่อนลมหายใจ สีหน้าแย่ลงกว่าเก่า
“หายไปในความว่างเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง นี่เป็นความคิดแบบไหนกัน? คนคนหนึ่งก็สามารถซ่อนตัวได้ สามารถหลบได้ แต่หายตัวไปเนี่ยนะ?
“นี่คือสถานที่ที่เขาหายไป!” ลุงงูควานหาแผนที่วาดด้วยดินสอจากใต้หมอนส่งไปให้เธอพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่แห่งนั้นเล็กมาก อยู่ใกล้กับพะกัน มีเหมืองหยกดีหน่อย ชาวบ้านแถวนั้นอยู่ได้ด้วยการผลิตหยกเป็นหลัก…ลุงระหกระเหินอยู่แถวนั้นสองเดือนได้เพื่อสอบถามข่าวคราว แต่ก็ไม่มีใครเคยเจอพ่อของหนูเลย…อีกทั้งตอนที่ลุงเจอเขานั้นเ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ไม่มีทางเป็นนักขุดหยกตกอับแน่ ไม่มีคนทำงานเหมืองที่ไหนจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบเขาได้…”
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้เรื่องภูมิประเทศของพม่าเลยสักนิด แน่นอนเธอเลยดูไม่ออกว่าบนแผนที่วาดอะไรไว้อยู่ เพราะลุงงูวาดแผนที่ได้ง่ายเหลือเกิน ทำแค่เครื่องหมายบนสถานที่ด้านบนเท่านั้น
“ตอนที่หนูไปถึงพม่า ลองไปดูที่นั่น…ก็จะรู้เอง…” ลุงงูถอนหายใจพูดออกมา “เดิมทีลุงตั้งใจจะขายหินหยกแล้วค่อยไปพม่า แต่ได้เจอหนูถือว่าคำภาวนาของลุงเป็นจริงแล้ว…”
“ลุงงู ลุงรักษาสุขภาพนะคะ ทำใจให้สบาย หนูจะไปพม่าเอง!” ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปากพูด “พรุ่งนี้หนูจะทำเรื่องให้ลุงไปเซี่ยงไฮ้…”
“ไม่ต้องหรอก…” ลุงงูส่ายศีรษะพูด “โรคของลุงนี้…ยื้อต่อไปก็เท่ากับทรมาน ตอนนี้ได้แต่พึ่งยานั่น หากขาดช่วงไปลุงคงทนได้ไม่กี่ชั่วโมงแน่…”
“ไม่นะคะลุงงู!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะกลัดกลุ้ม มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้เจอญาติสนิทแบบนี้ แต่เขากลับมาป่วยจนไร้ทางรักษา
“จินเหลียน ลุงสมควรตายตั้งนานแล้ว หนูไปเถอะ” ลุงงูส่ายหน้าบางเบา “หินหยกพวกนั้นหนูเอามันไปหมดนั่นล่ะ ลุงยังมีเงินอยู่ หนูไม่ต้องเป็นห่วงลุงหรอก…ให้ซานเยี่ยนั่นอยู่กับลุงก็ได้แล้ว…”
“ลุงงู…” ซีเหมินจินเหลียนเรียก
ลุงงูหลับตาอยู่พักหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นพูดกำชับว่า “จำประโยคที่ลุงบอกไว้ให้ดี หาแสงสีรุ้งเจอก็จะเจอหินปิดฟ้าได้…ลุงเหนื่อยเหลือเกิน หนูให้ลุงพักสักหน่อยเถอะ…” พูดจบเขาก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
ซีเหมินจินเหลียนยืนมองดูเขาอยู่ที่หน้าเตียง เขาเหนื่อยแล้ว เขาเหนื่อยแล้วจริงๆ วิ่งไปวิ่งมาทั้งชีวิตเพื่ออะไรกัน? เพื่อแค่ตามหาหินปิดฟ้าที่ไม่มีตัวตนน่ะหรือ?
มิน่าเล่าสำนักนี้ ถึงได้พูดกันว่าต้องเสียสละชีวิตและจิตวิญญาณของคนมาแล้วไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น
คิดถึงเท่านี้เธอก็ได้แค่นยิ้มออกมา แต่น้ำตากลับไหลรินลงมาอย่างเงียบๆ
เธอไม่มีหนทางที่จะถอยหลังกลับ บรรพบุรุษของเธอได้ปูทางที่ไม่มีทางหวนหลังกลับมาได้แล้ว…ไม่น่าคุณย่าถึงได้บอกกับเธอว่า ยอมให้เธออับจนตายอย่างหิวโหย ดีเสียกว่าไปสัมผัสหิน…
ในใจเหมือนถูกกัดเซาะจนทุกข์ระทมไปหมด มือคอยเช็ดคราบน้ำตา…เธอจะต้องหาหินปิดฟ้าให้เจอ ช่วยให้ความปรารถนาของบรรพบุรุษไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นกลายเป็นจริง และไม่ต้องรอถึงรุ่นทายาทสืบทอด มันจะต้องหยุดและสิ้นสุดลงตรงนี้
รอให้ซีเหมินจินเหลียนออกไปจากห้องแล้ว ลุงงูก็เบิกตาขึ้นอีกครั้ง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่…เรื่องทั้งหมดนี้ ความจริงแล้วเป็นความมผิดของใครกันแน่?
เมื่อเห็นเธอเดินออกมา ชายชราจึงรีบไปถามไถ่ “เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ซีเหมินจินเหลียนเช็ดร่องรอยคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าแล้วพูดว่า “ดูท่าไม่ค่อยดีเลยค่ะ ทำไมเขาถึงเจอแสงแดดไม่ได้คะ” สภาพของลุงงูเธอรู้ดีอยู่เต็มอก มีชีวิตอยู่รอดได้แค่วันต่อวันเท่านั้น ถ้าไม่ได้ยาถ้วยนั้น เธอคิดไม่ออกเลยว่าสภาพของลุงงูจะแย่กว่านี้ไหม
“ฉันเองก็ไม่รู้ หนึ่งเดือนก่อนฉันบังเอิญเจอเขาเข้า เขาก็เป็นแบบนี้แล้ว…” ชายชราถอนหายใจ “ที่ฉันอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะตอนนั้นพึ่งพาอาศัยเขา ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ถามอะไรเขามาก หาบ้านเช่าอยู่อาศัย เดิมทีตั้งใจจะพาเขาไปโรงพยาบาล แต่ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมไป ตอนกลางวันฉันได้แต่ขังเข้าไว้ในบ้าน พอกลางคืน…แค่แสงจากดวงไฟเขาก็ทนไม่ได้ เลยใช้ได้แค่ตะเกียงน้ำมัน…”
จ่านป๋ายถอนหายใจอย่างจนปัญญา ที่แท้ที่นี่ก็ไม่ได้ถูกตัดไฟ แต่เป็นเพราะว่าลุงงูคนนั้นไม่สามารถพบเจอแสงได้
“พรุ่งนี้พวกหนูจะมาอีกนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาบางเบาและหันไปพูดกับชายชราว่า “รบกวนคุณ…ช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ” ด้วยสภาพของลุงงูในตอนนี้ หากอยากจะย้ายเขาไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้ก็เท่ากับเป็นการพรากชีวิตเขาไม่มีผิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีแต่ต้องรบกวนชายชราผู้นี้แล้ว
ชายชราพยักหน้าพูด “พรุ่งนี้ รอให้พระอาทิตย์ตกดินก่อนค่อยมาเถอะ”
ซีเหมินจินเหลียนหยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินและส่งไปให้ชายชราพร้อมพูดขึ้นว่า “เขาคงเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว…”
ชายชราเห็นจำนวนเลขศูนย์บนเช็คที่เขียนเรียงติดกัน ได้แต่ยิ้มบางเบาและพูดว่า “พวกเราสองคนจะเอาเงินมากมายแบบนี้ไปทำอะไรกัน? คุณซีเหมินเอากลับไปเถอะ เงินที่เขาก็มีเพียงพอไว้ใช้จ่ายสำหรับพวกเราทั้งคู่แล้ว…”