ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 232 หยกเย็น
ซีเหมินจินเหลียนนั่งยองๆ อยู่กับพื้น พลางลูบปลายคางครุ่นคิดไปมา สายตาอยู่ที่หินก้อนข้างๆ ที่ดูจะหนักยี่สิบสามสิบกิโลกรัม รูปร่างลักษณะคล้ายกับหินหยกแตงโมใหญ่ มองอย่างละเอียดแล้วเห็นจุดหยกจำนวนน้อยแต้มอยู่ตรงผิวสีเหลืองด้านบน และห่างไปจากนั้นไม่ไกลมีอีกก้อนหนึ่งน่าจะไม่ถึงสิบห้ากิโลกรัม ผิวสีขาวทราย ลักษณะก็ไม่ได้แย่มาก
เธอรีบสัมผัสมือลงไปทันทีและกดลงไปเพื่อดูหินหยกทั้งสองก้อนนี้ ไม่เลวจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่หินไร้ค่า
“เป็นยังไงบ้างครับ” จ่านป๋ายถาม
“อืม คุณลองไปดูทีสิว่าคุณหลี่พอจะมีเวลาว่างมาเจรจาราคาหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ครับ” จ่านป๋ายเดินจากไป ไม่นานเหล่าหลี่ก็เดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คุณซีเหมินชอบก้อนไหนเหรอครับ”
“ก้อนนี้…ก้อนนี้…แล้วก็ก้อนนั้นค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่หินหยกทั้งสามก้อน “ทั้งหมดเท่าไหร่คะ”
สายตาของเหล่าหลี่เลื่อนตามไปยังหินหยกสามก้อนนั้น เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วถึงพูดขึ้นว่า “คุณซีเหมินก็สายตาดีจริงๆ หินหยกทั้งสามก้อนนี้เป็นหินที่ดีที่สุดในนี้เลยนะครับ!”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกขัดแย้งในใจ ทำไมชอบพูดกันว่าสิ่งที่เธอเลือกออกมาต้องเป็นของดีที่สุดด้วย? ดูจากลักษณะผิวภายนอกของหินหยกทั้งสามก้อนนี้คงไม่ใช่หินหยกที่โดดเด่นที่สุดในนั้นแน่ ฝีปากของเหล่าหลี่นี่ก็เก่งกาจเหลือเกิน เหมือนว่าเขามีความสามารถเปลี่ยนฟางให้กลายเป็นทองคำได้
“เถ้าแก่หลี่คะ ฉันมีความมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจ คุณอย่ามัวเปิดราคาเกินจริงเลยค่ะ วันนี้ฉันก็ซื้อไปไม่น้อยเลยนะคะ ถ้าหากราคาสมเหตุสมผล ฉันจะไม่ตระหนี่ซื้ออีกสักสองสามครั้ง แต่ถ้าราคาสูงเกินไปฉันคงสู้ไม่ไหว” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกมาตามตรง
“สามก้อนรวมกันผมคิดแปดแสนครับ” เหล่าหลี่พูดราคาอย่างชัดเจนไม่คลุมเครือ
“ถ้าหากแยกขายคิดยังไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว แปดแสน? เหล่าหลี่ก็ทำธุรกิจเป็นจริงๆ นอกจากสีขาวหิมะแล้ว ก้อนที่เหลือทั้งสองก้อน หาดเปิดราคาสูงซื้อกลับไปคงได้ขาดทุนแน่
“ถ้าเป็นก้อนนี้ หากราคาไม่ถึงสี่แสน ผมคงไม่ขายให้แน่ครับ” เหล่าหลี่ชี้ไปที่หินหยกก้อนกลมราวกับแตงโม เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ไปที่หินหยกน้ำหนักราวสิบห้ากิโลกรัมต่อ “ส่วนก้อนนี้ น้อยกว่าสามแสนไม่ได้เด็ดขาดครับ”
ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ในใจได้แต่บ่นพึมพำ นี่ซีเหมินจินเหลียนสนใจก้อนไหนอยู่กันแน่? ว่ากันตามตรงหินหยกทั้งสามก้อนนี้มีสองก้อนที่ลักษณะพอดูได้ ส่วนอีกก้อนแม้จะหนักสิบกว่ากิโลกรัม แต่ไม่มีจุดหยกกับเส้นลายหยก นอกจากที่เม็ดทรายเรียบลื่นแล้ว ก็ไม่มีจุดไหนที่ดูโดดเด่น
ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักดู เหล่าหลี่ที่คำนวณดูคร่าวๆ แล้วคิดว่าซีเหมินจินเหลียนน่าจะชอบหินหยกแตงโมก้อนใหญ่นั้น อย่างแรกเป็นเพราะขนาดใหญ่ ส่วนอย่างที่สองแม้ว่าจุดหยกไม่มาก แต่ก็มีรอยเผินๆ กระจายตัวไปทั่ว ดูแล้วน่ารื่นรมย์เหลือเกิน
“คุณหลี่ ราคาที่ให้มามันแพงเกินไปหรือเปล่าครับ!” จ่านป๋ายได้ยินแบบนั้นจึงส่ายศีรษะ แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่พูดออกมา แต่เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอชอบจริงๆ คือก้อนนั้น
“ถ้าพวกคุณอยากได้ก้อนนี้ แปดหมื่นผมก็ปล่อยให้แล้วครับ” เหล่าหลี่พูดและเตะไปที่หินหยกสีขาวหิมะก้อนนั้น
“อันอื่นก็ลดลงกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอครับ?” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “ช่างเถอะ ตอนนี้เงินของผมไม่พอแล้ว จินเหลียน ถ้าอย่างนั้นซื้อแค่ก้อนนี้ดีไหม?”
เหล่าหลี่มองซีเหมินจินเหลียนอย่างแปลกใจ หรือว่าสิ่งที่เธอชอบจะเป็นหินหยกเกรดต่ำก้อนนี้
“ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนปั้นหน้าเสียใจสุดซึ้ง ถอนหายใจพูด “อนาคตรอให้ฉันเงินหมุนเวียนคล่องตัวค่อยมาซื้อของที่คุณหลี่อีกทีนะคะ”
“ได้เลยครับ” เหล่าหลี่พยักหน้าติดต่อกัน เพราะวันนี้ซีเหมินจินเหลียนซื้อหินหยกเยอะและจ่ายไปเจ็ดสิบกว่าล้าน ถ้าเป็นคนอื่นคงต้องเจ็บปวดชอกช้ำกันบ้าง โดยเฉพาะงานประมูลหยกใต้ดินที่พม่าในช่วงนี้ เธอจึงต้องเก็บเงินไว้บางส่วนเพื่อเดิมพัน แน่นอนเลยไม่ได้ฟุ่มเฟือยใช้เงินไปกับการซื้อสินค้าธรรมดาของเขาที่นี่
“ก้อนนี้ก็ลดราคาหน่อยได้ไหมครับ?” จ่านป๋ายถาม “พวกเราซื้อสินค้าราคาหลายสิบล้านหยวนจากคุณไปแล้วนะครับ”
เหล่าหลี่ครุ่นคิดดูแล้วก็ให้ราคาถูกหน่อยก็แล้วกัน ที่จ่านป๋ายพูดนั้นก็ไม่ผิด วันนี้ตัวเขาเองก็ได้เงินมาไม่น้อยเลย คืนกำไรให้คนอื่นสักหน่อยบ้างก็แล้วกัน อีกอย่างซีเหมินจินเหลียนเลือกซื้อสินค้าง่ายๆ สบายๆ เป็นลูกค้าระดับแถวหน้า ตอนนั้นเขาจึงยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “หากต้องการที่จะซื้อจริงๆ ผมให้ห้าหมื่นหยวนแล้วกันครับ น้อยกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว”
“ตกลงครับ!” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าจ่ายเงิน จ่านป๋ายโอบอุ้มหินหยกก้อนนั้น เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่าทางหินหยกประมูลฝั่งนั้นคนไม่เยอะเหมือนตอนแรกแล้วจึงรีบเดินเข้าไป
ถึงจะไม่ซื้อ แต่เธอก็อยากดู จึงถือไฟฉายและแว่นขยายดูไปพร้อมๆ กัน เหล่าหลี่กับหุ้นส่วนของเขาสายตาก็ใช้ได้เลย เลือกคัดสรรลักษณะหินหยกดีๆ มาร่วมประมูล อีกทั้งยังมีช่องหน้าต่างเปิดออกเล็กน้อย ส่วนในเรื่องของสีกับชนิดไม่มีอะไรต้องพูดถึง
สำหรับลักษณะโดยละเอียดเมื่อเทียบกับหินหยกราคาต่ำที่อยู่ข้างๆ แล้ว ซีเหมินจินเหลียนมองแค่แวบเดียวก็ยิ้มฝืนออกมา…เธอยอมรับว่าหินหยกที่เลือกมาประมูลนั้นเป็นของดีจริงๆ แต่ราคาแบบนั้นมันห่างไกลจากความจริงเกินไป
รอให้ซีเหมินจินเหลียนมาดูทั้งหมดอีกสักครั้งก่อน จ่านป๋ายก็เรียกให้เธอเดินมาและถามว่า “เป็นอย่างไร มีของดีไหมครับ?”
“ใช้ได้เลยล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะซื้อไหม?” จ่านป๋ายถาม “วันนี้พวกเราก็ซื้อไปไม่น้อยเลย”
“พูดตามตรงนะ ฉันก็ไม่มีความคิดที่จะซื้อหรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “แต่พวกเรามาพร้อมกับเจียหยวนฮวา จะไปก่อนก็ไม่ได้ถูกไหม?”
“ที่คุณพูดก็ถูก ถ้าอย่างนั้นพวกเรานั่งดูก่อนแล้วกัน!” จ่านป๋ายพูดขึ้น “จริงสิ หินหยกก้อนเมื่อสักครู่มันดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“แปลกยังไงเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณก็สนใจหินหยกแปลกๆ ไม่น้อยเลย!”
“แปลกจริงๆ นะครับ” ในระหว่างที่จ่านป๋ายพูด สายตาของเขาก็มองไปยังผู้คนที่คอยจดจ่อหินหยกประมูลฝั่งนั้น “เมื่อกี้ตอนอยู่ในมือผม ผมก็รู้สึกว่าเย็นวาบเหลือเกิน! ผมนึกว่ามันเป็นผลจากการรับรู้ เลยทดสอบก้อนอื่นๆ ดู แต่มันก็ไม่ได้เย็นขนาดนี้”
“อากาศแบบนี้ ไม่ว่าหินชนิดไหนก็เย็นด้วยกันทั้งนั้น คุณคิดไปเองต่างหาก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบ ในใจก็คิดถึงสีสันที่ขาวใสดั่งหิมะ เย็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เมื่อสักครู่ที่เธอสัมผัสก็รู้สึกว่าหินหยกก้อนนี้ก็เย็นกว่าก้อนอื่นๆ อยู่เล็กน้อย แต่ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น เธอเลยไม่ได้ใส่ใจเพราะอากาศวันนี้หนาวเย็นอยู่เหมือนกัน แถมตอนนี้ยังกลางค่ำกลางคืน เวลาสัมผัสหินต้องรู้สึกเย็นเป็นธรรมดา
แต่คิดไม่ถึงว่าจ่านป๋ายเองก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน? หรือหินหยกก้อนนี้เย็นมากๆ จัดอยู่ในชนิด…หยกเย็น?