ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 26 ราคาสูง
วิ่ง? ซีเหมินจินเหลียนชะงักไปชั่วครู่ นี่จะกินแล้วเผ่นจริงๆ เหรอ?
“คุณไม่มีวิธีอื่นอีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกลบเกลื่อนใบหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาผมเป็นตัวประกันไว้กับเจ้าของร้าน แล้วคุณกลับไปเอาเงินมาไถ่ผม?” จ่านป๋ายออกความคิดเห็นอีกครั้ง
“คุณเงียบไปเลยนะ!” ซีเหมินจินเหลียนด่าออกมาเสียงเบา เมื่อคิดดูแล้วเธอก็ไม่ได้มีความคิดอะไรจะเสนอ แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ใช่แล้ว หรือจะเอาโทรศัพท์ค้ำประกันไว้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอาเงินมาไถ่โทรศัพท์คืน?
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ไม่คิดว่าจะเป็นฉินเฮ่าโทรมาหาเธอ ซีเหมินจินเหลียนกดปุ่มรับสาย เธอได้ยินเสียงจากต้นสายพูดมาอย่างสดใส “จินเหลียน ว่างไหมหรือเปล่าครับ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณ”
สวรรค์ส่งคนมาโปรดเธอจริงๆ ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ในใจแล้วรีบพูดไปว่า “พี่ฉิน ฉันอยู่ที่ถนนคนเดินตรงโซนอาหารค่ะ คุณรีบมาเร็วๆ นะ”
เห็นได้ชัดว่าต้นสายมีอาการมึนงง เขาอยากจะพาเธอไปกินข้าว นั่นก็หมายถึงการพาไปดินเนอร์ภายใต้แสงเทียน ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนโรแมนติก แต่ว่าตอนนี้เธอกลับเรียกให้เขาไปกินที่ถนนคนเดินแบบนั้น
อาหารดั้งเดิมก็น่าจะไม่เลว? เอาเถอะ ในเมื่อเธอตกลง เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“พี่ฉิน ฉัน…กินข้าวเสร็จแล้ว แต่ว่าไม่ได้พกเงินมา…” เมื่อซีเหมินจินเหลียนพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าก็เผยสีแดงระเรื่อๆ สายตากวาดไปมองรอบข้างว่ามีคนรู้จักหรือเปล่า
แต่การที่ยิ่งกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก ก็ยิ่งทำให้เจอ
หวังหมิงเหยาเดินจูงมือมากับผู้หญิงหน้ากลมผมสั้นคนหนึ่ง เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนแล้ว เขาก็อ้ำอึ้งอยู่นาน และตอนนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจ่านป๋าย เธอเปลี่ยนแฟนแล้ว?
สายตาของซีเหมินจินเหลียนกำลังกวาดมองไปที่ผู้หญิงผมสั้นคนนั้น หลังจากนั้นเธฮก็เก็บสายตากลับมา นั่งเฝ้ารอให้ฉินเฮ่าเข้ามาจ่ายเงิน ในเมื่อเลิกกันแล้ว เขาและเธอก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน
จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนท่าทางเก้ๆ กังๆ จึงมองตามสายตาของเธอ จากนั้นจึงตกใจขึ้นมา เขาใช้สายตาเย็นชาจ้องเขม็งลึกไปที่หวังหมิงเหยา
ซีเหมินจินเหลียนไม่ต้องถามก็รู้ว่าจ่านป๋ายคงต้องรู้จักหวังหมิงเหยาอยู่แล้ว เขาเคยหาข้อมูลประวัติที่ผ่านมาในอดีตของเธอ เรื่องนี้เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้
“คุณอย่าหาเรื่องนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนกำชับด้วยเสียงหนักแน่น
“ถ้าผมจะหาเรื่องคนสารเลวคนหนึ่ง ก็จะไม่ทำต่อหน้าคุณหรอกครับ” จ่านป๋ายยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ผู้ชายคนนี้เลิกกับเธอไปแล้ว เขาจึงไม่ได้ให้ความใส่ใจเท่าไหร่ ขนาดมองยังไม่อยากจะมอง
ผู้ชายแซ่หวังคนนี้ เมื่อเทียบกับหลินเสวียนหลานแล้ว เขาก็เป็นแค่สวะสังคมเท่านั้น
แต่ว่าการที่จ่านป๋ายไม่ได้หาเรื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่อยากหาเรื่อง ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายขอโค้กขวดหนึ่งระหว่างนั่งรอการมาของฉินเฮ่า คิดไม่ถึงมีคนรู้จักสองคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกตกใจที่เห็นจินอ้ายหัวกับผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักเดินเข้ามาพร้อมกัน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้? จินอ้ายหัวก็มองเธออยู่พอดี จึงเรียกชื่อทักทายเธอ “จินเหลียน…”
“อ้ายหัว!” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นยืนทักทายเธอ จินอ้ายหัวยื่นมือเข้ามาโอบกอดเธอแล้วยิ้ม “ทำไมเธออยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ฉันมากินข้าว เธอล่ะ? คนนี้ก็คือเพื่อนของเธอเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“จินเหลียน ทำไมแม้แต่เพื่อนเก่าเธอก็ไม่รู้จักแล้ว เธอก็คือเถียนเถียนไง!” จินอ่ายหัวส่ายหน้าพูด “เมื่อไหร่เธอจะเลิกเลอะเลือนเสียทีนะ?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกลบเกลื่อน ทำไมเธอถึงเลอะเลือน? คนเราก็รูปลักษณ์เหมือนกันหมดนั่นล่ะ มีสองตาหนึ่งจมูก พอเวลาผ่านไปจำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นเธอกับเถียนเถียนก็ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันมาก แถมยังไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน
“จินเหลียนงานเยอะคงจะลืมน่ะ” เถียนเถียนยิ้ม “จินเหลียน เธอไม่แนะนำสักหน่อยเหรอ?” เถียนเถียนพูดพลางเหลือบสายตาไปมองยังจ่านป๋าย
“เขาชื่อจ่านป๋าย เป็นเพื่อนของฉัน” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นจึงรีบแนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่าจินอ้ายหัวเคยพูดถึงเถียนเถียนให้เธอฟัง เถียนเถียนเรียนภาควิชาการเงินและการธนาคาร เธอกับจินอ้ายหัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด
ตอนนี้จินอ้ายหัวถึงได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จ่านป๋ายนอนอยู่ที่คลินิกของพี่เธอเกือบครึ่งเดือนเต็มๆ เธอย่อมรู้จักเขาแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลไปอย่างไม่ได้บอกกล่าวแล้ว เขาจะมาอยู่กับซีเหมินจินเหลียนได้…
“สวัสดีค่ะ!” จินอ้ายหัวหันหน้าไปทางจ่านป๋าย
“สวัสดีครับคุณจิน!” จ่านป๋ายพูดพลางเรียกให้เถียนเถียนและจินอ้ายหัวนั่งลง จากนั้นเรียกพนักงานให้มาเปลี่ยนอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร แล้วสั่งอาหารมาใหม่ ไม่ต้องพูดแล้ว ดูแบบนี้เหมือนว่ามื้อนี้เขาจะเป็นคนเลี้ยง แต่ปัญหาอยู่ที่มือช่างว่างเปล่าไร้สิ้นเหรียญสตางค์…รอให้ฉินเฮ่ามาเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร
“จินเหลียน ฉันได้ยินอ้ายหัวพูดว่าเธอกับแฟนของเธอก็เลิกกันแล้วเหรอ” เถียนเถียนพูดไปแล้วก็หันหน้าไปมองจ่านป๋ายแวบหนึ่ง
ซีเหมินจินเหลียนกับเธอไม่ได้สนิทกัน แต่เพราะสนิทกับจินอ้ายหัวเลยได้รู้จักกับเธอ จินเหลียนได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้า “ใช่แล้ว เลิกกันหลายเดือนแล้วล่ะ”
จินอ้ายหัวกวาดสายตาออกไป จึงเห็นหวังหมิงหยางกับผู้หญิงหน้ากลมผมสั้นนั่งอยู่อีกฝั่ง ไม่ทันไรคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน ทำไมเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย?
“จินเหลียน เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าวันนี้เถียนเถียนกับแฟนก็เลิกกันแล้ว ผู้ชายสมัยนี้ก็ช่าง…” พูดไปจินอ้ายหัวก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อย้อนคิดกลับไปมองคู่ของตัวเองยังพอมีดีบ้าง เข้าออกตามประตูและผ่านการยินยอมของพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ถ้าเธอแต่งงานเข้าไปไม่น่าจะโดนกลั่นแกล้งรังแก ชีวิตคนเราก็อยู่แค่หายใจไปจนถึงวันสุดท้าย? พอคิดได้เท่านี้ เธอก็พึงพอใจแล้ว
“อย่าพูดถึงผู้ชายเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้าใจ!” เถียนเถียนได้ยินเท่านั้นสีหน้าก็แสดงความไม่พอใจ “พบเจอคนหน้าไม่อาย ฉันไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่านี้มาก่อน ดีนะยังไม่ได้แต่งงานกับเขา ไม่อย่างนั้นถ้ามารู้ตัวหลังแต่งงาน คงรู้สึกเสียใจหันหลังกลับแทบไม่ทัน มาๆๆ ยกเหล้าขึ้นมา พวกเรามาดื่มกัน!”
จ่านป๋ายเรียกพนักงานให้มาเปิดขวดให้เธอ ผู้หญิงที่อกหัก มักจะห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขาจึงไม่ขอพูดแทรก เพื่อหลีกเลี่ยงกลายเป็นผงถ่าน
จินอ้ายหัวเห็นเช่นนั้น ได้แต่ส่ายหัว วันนี้เถียนเถียนโทรศัพท์มาหาเธอ บอกว่าเธอเลิกกับแฟนแล้ว อกหัก ในสายร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ ในระหว่างนั้นก็โกรธจนพ่นไฟด่าผู้ชายคนนั้นออกมา เธอทำได้แค่ปลอบใจแล้วนัดมากินข้าวเย็นกันที่ร้านนี้ พูดคุยให้จิตใจผ่อนคลายลงไป คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋าย
เถียนเถียนถือแก้วเหล้าอยู่ สายตาก็หันไปเห็นกำไลประกายดาวที่อยู่บนข้อมือของซีเหมินจินเหลียน แวบเดียวสายตาก็เปล่งประกาย กำไลวงนี้ช่างสวยสดงดงามเหลือเกิน ตอนที่จินอ้ายหัวทักทายกับซีเหมินจินเหลียนเมื่อครู่นี้ เธอก็ได้ให้ความสนใจมองไปที่กำไลนั่นแล้ว แม้แต่จี้ราคาหลายแสนเธอก็เคยให้กับตัวเอง ในข้อมือที่เธอใส่อยู่นั้น ราคาคงไกลเกินจะไขว่คว้า เธอเลยไม่เจาะแจะถามเรื่องที่ไม่น่าสนใจแบบนี้หรอก
แต่เถียนเถียนไม่รู้เรื่อง เธอคิดว่าก็แค่งานฝีมือเลียนแบบเครื่องประดับระดับธรรมดา เลยยื่นมือไปสัมผัสข้อมือของซีเหมินจินเหลียนแล้วเอ่ยชม “กำไลสวยจัง จินเหลียน เธอซื้อจากไหนเหรอ”
ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าส่งสัญญาณไปขอร้องจ่านป๋าย มูลค่าของกำไลนี้ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะรับได้ ไม่ๆๆ ถึงคนธรรมดาต่อสู้หาเงินมาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถซื้อกำไลนี้ได้ พูดได้ว่าถ้าเธอไม่ขาย โลกใบนี้คงไม่มีกำไลหยกสีมรกตแสงดาวระยิบระยับแบบนี้
“คุณเถียนเถียนสนใจอยากจะซื้อเหรอครับ” จ่านป๋ายถาม
เถียนเถียนมองไปทางจ่านป๋ายพบว่า ผู้ชายคนนี้เวลายิ้มช่างดูดี ให้ความรู้สึกสุภาพอ่อนโยน เมื่อได้ยินสิ่งที่จ่านป๋ายถามเธอจึงรีบตอบออกไป “ใช่ค่ะ กำไลวงนี้สวยมาก เหมือนกับเอาดวงดาวมาไว้อยู่ในมือเลย ไม่เคยพบเจอร้านเครื่องประดับที่ไหนมีกำไลแบบนี้เลย”
“คุณน่าจะลองไปดูที่บริษัทอัญมณี แทนที่จะเป็นร้านเครื่องประดับนะครับ” จ่านป๋ายพูดอย่างนิ่มนวล
หา? เถียนเถียนอุทานขึ้นในใจ ที่แท้ก็คือมาจากบริษัทอัญมณีเหรอ ของแท้เหรอ! ไม่น่าล่ะถึงได้สวยขนาดนี้ แต่ว่าเธออยากจะถามเรื่องราคาว่าเงินที่สะสมมาหลายปีนี้จะสามารถซื้อกำไลสักวงได้ไหมนะ? เงินที่เดิมทีจะใช้มาแต่งงาน แต่ว่าวันนี้เธอกับแฟนเลิกกันแล้ว ถึงอยากจะแต่งงานก็ไม่มีเจ้าบ่าว
“ต้องใช้เงินเท่าไหร่คะ บริษัทอัญมณีที่ไหน?” เถียนเถียนถือแก้วเหล้าแล้วถาม
จินอ้ายหัวขมวดคิ้ว ซีเหมินจินเหลียนดึงเสื้อของจ่านป๋ายอย่างเบาแรงจากใต้โต๊ะ ส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดต่อ
จ่านป๋ายจับมือเธอที่ใต้โต๊ะเป็นการปลอบเธอว่าไม่ต้องกังวล จากนั้นยกนิ้วทำมือขึ้น “ราคาเท่านี้ครับ!”
เถียนเถียนตกใจค้าง สัญชาตญาณอ้าปากถามออกไป “ห้าหมื่น?”
จ่านป๋ายส่ายหัว ห้าหมื่น? ที่ไหนจะมีขายกัน ถ้ามีขายราคาเท่านี้เขาก็จะกว้านซื้อให้หมดเลย เห็นว่าหยกไม่มีค่าเลยหรือไงกัน?
“ห้าแสนเหรอคะ” จินอ้ายหัวคิดถึงหยกของตัวเอง ราคาก็ประมาณสองสามแสนแล้ว แต่กำไลที่ซีเหมินจินเหลียนใส่ในวันนี้ อย่างน้อยก็น่าจะสักห้าหกแสนได้?
“แพงขนาดนี้เชียว?” เถียนเถียนสายตาเพ้อ
“ไม่ใช่ห้าแสนครับ!” ในขณะที่จ่านป๋ายเตรียมตัวจะพูดต่อ หวังหมิงเหยาก็หันมาทางนี้พอดี สายตาของผู้หญิงผมสั้นคนนั้นเลยให้ความสนใจมาที่กำไลหยกประกายดาวที่อยู่ในมือของซีเหมินจินเหลียน ล่อตาผู้คนอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด
“ถ้าอย่างนั้นราคาเท่าไหร่กันแน่คะ คุณอย่ามัวลีลาอยู่เลย” เถียนเถียนทำเสียงฟึดฟัดในจมูก จากที่เธอรู้มา ฐานะทางบ้านของซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ดีมากนัก คิดไม่ถึงว่าจะสวมใส่กำไลที่มีมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดจามั่วซั้ว เอาหยกชนิดแก้วไร้ค่ามาหลอกเป็นหยกชั้นดี
“ห้าร้อยล้านครับ” จ่านป๋ายยิ้ม
“คุณแกล้งใช่ไหมเนี่ย?” ระดับเสียงของเถียนเถียนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะมีใครซื้อได้ ก็น่าจะล็อคกุญแจเก็บไว้ในเซฟที่ธนาคารเป็นอย่างดี ไม่ใช่มาใส่ไว้ที่ข้อมือให้มันส่องแสงเปล่งประกายแบบนี้
จ่านป๋ายยิ้มไม่หยุด นี่คือผลสรุปที่เขาต้องการ เขาเลยพูดต่อว่า “ห้าร้อยล้านดอลล่า ก็ซื้อได้หนึ่งวงครับ!”
เถียนเถียนหัวเราะออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล ห้าร้อยล้านดอลล่าซื้อได้แค่หนึ่งวง? นี่ล้อเล่นอะไรเนี่ย มากสุดก็น่าจะแค่ของเล่นราคาห้าหยวนเถอะ ใช่แล้ว ต้องใช่แน่ๆ ใครจะใส่กำไลราคามูลค่าหลักร้อยล้านเดินไปเดินมาแบบนี้เล่า เมื่อคิดแบบนี้ สายตาที่เธอมองไปยังซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกดูถูกดูแคลนเพิ่มขึ้น…