ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 38 ตำนาน
ใช้วิธีปอกลอกผิวหินหยกของซีเหมินจินเหลียน ถึงแม้ว่าจะเสียของไปนิดหน่อย แต่ก็ใช้ได้เลยทีเดียว ท่าทางของจ่านป๋ายดูคล่องแคล่วกว่าเมื่อเทียบกับซีเหมินจินเหลียน เขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันก็สามารถปอกผิวหินทั้งสองชิ้นออกมาได้หมด
หินหยกชิ้นหนึ่งมีน้ำหนักประมาณหนึ่งตัน เห็นได้ชัดว่าเป็นสีม่วงดอกไลแอค ขั้นบนสุดมีลายสีเขียวมรกต เพียงแต่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีความลึกตื้นหนาบางขนาดไหน จ่านป๋ายก็ไม่แน่ใจ ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวของเธอจนอยากก้มตัวลงคำนับ สีเขียวมรกตจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่แต้มอยู่บนสีม่วงก็พิสูจน์ได้แล้วว่าหินหยกชิ้นนี้เป็นสีผสม เพียงแต่ว่าสีม่วงดอกไลแอคมีเยอะกว่าเท่านั้น
ส่วนอีกชิ้นนั้นเป็นชนิดแก้วไร้สี แต่ตรงกลางมีเส้นคาดแต่งแต้มสีคั่นไว้ระหว่างหยก
“จินเหลียน ชิ้นนี้สวยดีนะครับ…” จ่านป๋ายใช้ไฟฉายพลังสูงส่องแสงฉายไฟไปที่หยกฮกลกซิ่วชิ้นนั้น ภายใต้หยกชนิดแก้วที่โปร่งใส คั่นกลางด้วยเส้นสีที่มีความกว้างประมาณสี่นิ้ว สีสันสดใสทั้งแดงเขียวม่วง สมบูรณ์แบบอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ความเข้มของสียังสว่างจ้าโปร่งใส
“นี่ก็คือหยกฮกลกซิ่วในตำนานน่ะหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยเห็นลายเส้นหยกที่งดงามขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่ที่เคยพบเคยเห็นมา ยังจะหาสีที่ไหนที่สดใสขนาดนี้ได้อีกหรือ
“จินเหลียน ถ้าทำเป็นกำไลคงสวยมากแน่ๆ” จ่านป๋ายชื่นชม สำหรับหยกสีเขียวมรกต ช่วงที่ผ่านมาที่เขาติดตามเธอนั้นก็ได้พบเจออยู่บ่อยครั้ง ขนาดสีที่หายากอย่างหยกสีเลือด เขายังไม่สนใจ แต่หยกฮกลกซิ่วที่สีสันดึงดูดแบบนี้ กลับทำให้เขาตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้าหากไร้สีสามารถรวมเป็นสีอีกชนิดได้ หยกชิ้นนี้ก็ถือว่าเป็นฮกลกซิ่วแห่งโชค” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพลางหยิบเครื่องวัดมาทำการวัดสัดส่วน
“เสียดายชิ้นนี้มีเพียงแค่สีม่วง สีเขียวเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่” จ่านป๋ายหันหน้าเข้าไปคุยกับหินก้อนเล็กนั่น แม้ว่าปากจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจก็ยังตะลึงไม่หาย หยกก้อนเล็กคือใช้มาตรฐานของฮกลกซิ่วตั้งไว้ เพราะก้อนนั้นหนักถึงหนึ่งตัน แต่ก้อนนี้น่าจะแค่ห้าหกร้อยกว่ากิโลกรัมเห็นจะได้
หยกทั้งก้อนเป็นคริสตัลโปร่งใส มองข้ามผิวหินออกไป ข้างในก็เผยให้เห็นสีม่วงใสบริสุทธิ์จากตื้นลงลึก มองแล้วสร้างความประทับใจให้กับคนที่พบเห็นเป็นแน่ ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอทำได้ยังไง? หยกชั้นดีเนื้องามพวกนี้ ชีวิตทั่วไปคงพบเจอได้ยาก แต่ตอนนี้ภายในห้องใต้ดินของเธอกลับมีเต็มไปหมด?
คิดดูแล้ว ในนี้ก็รวบรวมหยกสีเลือด สีเขียวสด ม่วงดอกไลแอครวมไปถึงหยกสีสันต่างชนิดเอาไว้ แน่นอนเขาไม่รู้ว่ามีหินหยกก้อนหนึ่งที่ไม่ได้ใหญ่มาก ข้างในมีหยกสีเหลืองไว้อยู่ ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พิศวาสสีเหลืองชนิดนี้ อีกทั้งไม่มีใครระบุว่าต้องการสิ่งนี้ เธอเลยวางกองไว้ที่มุมห้องไม่ได้ทำการเจียระไนออกมา
“จ่านป๋าย คุณอย่ามัวเล่นอยู่เลย รีบเอาหยกชิ้นนั้นมาตัดจากตรงกลางเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนเตรียมตัวจะเซอร์ไพรส์เขา ภายในหินหยกก้อนนั้นมีหยกสีสดดึงดูดคนไว้อยู่ หยกสีเขียวและสีม่วงดอกไลแลค ความรู้สึกของฤดูใบไม้ผลิที่แท้จริง สีผสม…
“หา?” จ่านป๋ายสับสน เขาได้แต่รับผิดชอบในการเจียระไนหิน ในเรื่องตัดผ่าหินไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเท่าไหร่
“จากตรงกลาง แล้วก็ค่อยๆ ตัดลงไปตามแนวสีหยก” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางหยิบปากกาไฮไลต์มาทำสัญลักษณ์ไว้ ตามที่เธอใช้ความสามารถพิเศษในการมองทะลุผ่าน ข้างในน่าจะมีเส้นลายหยกสีม่วง ถ้าตัดจากมุมนี้ลงไปก็จะสามารถรักษาหยกให้คงสภาพไว้ทั้งหมด จากนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็สะดวกในการหยิบใช้วัตถุดิบ
ฝีมือในการตัดของจ่านป๋าย ระมัดระวังมากกว่าเธอพอตัว ถ้าหากทำไม่ดีอาจจะทำให้ตัดหยกเอียงได้ ความเสียหายคงมหาศาล เพราะฉะนั้นงานที่ต้องใช้เทคนิคในตัว ให้จ่านป๋ายจัดการถึงจะสมควร
“จินเหลียน ผมจะทำได้หรือครับ?” จ่านป๋ายถาม นี่เป็นวัตถุดิบหยกที่ประเมินราคาได้ยาก ถ้าขืนยังตัดต่อไป มันก็เป็นเงินทั้งนั้นนะ
“ฉันยังทำได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้ล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ฉันแค่กลัวตัวเองจะตัดเบี้ยว เลยเรียกให้คุณมาช่วย คุณมีความสามารถในการหั่นเต้าหู้ เลยน่าจะตัดดีกว่าฉันเยอะ “เธอพูดพลางมองไปที่หินหยกที่จ่านป๋ายจัดการไปก่อนหน้านี้ที่วางกองอย่างมีระเบียบที่มุมห้อง
“โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกผมแล้วกันว่าจะเริ่มตัดจากตรงไหนดี!” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนกำลังวัดขนาดอยู่คร่าวๆ ไม่นานจ่านป๋ายก็มาพร้อมแรงใจฮึดสู้หยิบเครื่องตัดไว้ เขาเป็นคนที่เห็นโลกกว้างมาเยอะ แน่นอนใจไม่เสาะอยู่แล้ว ใบมีดกำลังตัดลงไป
เมื่อรอให้ใบมีดหยุดหมุน สองวันได้แต่รีบร้อนแทบรอไม่ได้ พื้นผิวสะอาดเรียบ รอยที่ตัดเรียบเนียนลื่นไหล ที่ซีเหมินจินเหลียนพูดไว้ไม่ผิด การตัดหินของจ่านป๋ายใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เมื่อเทียบกับเธอที่ฝีมือการตัดแสนธรรมดา
อีกด้านของผิวที่ถูกตัดออกมา เป็นสีม่วงดอกไลแอคใสบริสุทธิ์ อีกฝั่งของสีม่วงมีหยกสีเขียวมรกตขนาดความกว้างสองนิ้วมือเห็นจะได้ ความหนาน่าจะเท่าๆ กัน เป็นลายเส้นพาดสีม่วงดอกไลแอคไว้อยู่ ตาแพรวพราวทุกครั้งเมื่อได้เห็น
“สวยมากเลยครับ!” จ่านป๋ายพูด
“จะสวยกว่านี้อีก รีบมาช่วยกันตัดดูอีกสักครั้งเถอะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“โอเค ยินดีรับใช้ครับ!” จ่านป๋ายพูดแล้วรีบเดินเข้าไป
เมื่อข้ามผ่านหยกแก้วไร้สีก็จะสามารถเห็นลายเส้นสีหยก ครั้งนี้จ่านป๋ายไม่ต้องรอให้ซีเหมินจินเหลียนคอยสั่งการก็รู้แล้วว่าควรจะตัดลายเส้นสีหยกนี้ออกมาได้อย่างไร เมื่อมีดได้ลงไปก็ตัดลงไปในจุดที่เหมาะสม
จ่านป๋ายยื่นมือไปสัมผัสคริสตัลใสนั่น สีสันสดใสทั้งสามสีเลย เขาเอ่ยชมไม่หยุดปาก” ไม่รู้จริงๆ ว่าหยกก่อตัวมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง มันช่างสวยเย้ายวนสายตาเหลือเกิน?
ซีเหมินจินเหลียนเห็นแล้วก็ใจสั่นแรงระรัวเช่นกัน สำหรับทฤษฎีเรื่องการรวมตัวของหยก แน่นอนวิทยาศาสตร์ย่อมอธิบายได้ แต่เธอยังรู้จักอีกตำนานที่แสนงดงาม
ตอนนั้นเธอลากเก้าอี้แล้วนั่งลงพลางถามจ่านป๋ายไปว่า “คุณยังจำผู้เฒ่าหูคนนั้นได้ไหม”
“ผู้เฒ่าที่ดูสติแปลกๆ ทำไมผมจะจำไม่ได้ล่ะครับ”
“หยกทั้งสองชิ้นนี้ ต่างเป็นของสะสมที่มีมูลค่าของผู้เฒ่าหู แต่ครั้งนี้เขาส่งไปประมูล วันนั้นเขาเล่าเรื่องหนึ่งให้ฉันฟัง เกี่ยวกับตำนานของหยก คุณสนใจที่จะฟังหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มถาม
“ผมจำได้ว่าครั้งก่อนผมเคยถามคุณ แต่คุณก็ไม่ได้พูดอะไร”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพร้อมส่ายหัว สายตาหันไปมองหินหยกก้อนนั้น วันนั้นเธออุตส่าห์รวบรวมจิตใจอันแรงกล้าเพื่อเอาชนะหินหยกพลังชั่วร้ายที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับมองข้ามความงดงามของตำนานไป
“ตามตำนานจีนเล่าขานมาว่า ฟ้าเบื้องบนได้มีช่องโหว่เกิดขึ้น มีเทพธิดาคนหนึ่งฝึกหินเพื่อช่วยปิดรอยหลุมนี่ ใช่ไหม?”
“อือ…” จ่านป๋ายนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ตำนานเทพเจ้าเล่าขานกันมาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าเชื่อถือ
“ผู้เฒ่าหูบอกว่าในตำนานนั้นตำแหน่งที่เทพธิดาเติมเต็มรอยโหว่ที่อยู่ด้านบนก็คือประเทศพม่าในตอนนี้ ในตำนานตอนนั้นพม่าก็ถูกจัดว่าอยู่ในประเทศจีนใช่ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามไปอีกรอบ
“อืม!” สำหรับเรื่องนี้จ่านป๋ายไม่อยากจะโต้แย้งอะไร สำหรับตำนานเทพเจ้าที่อยู่ในพม่าจะจัดรวมอยู่ในประเทศจีนหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องบองนักประวัติศาสตร์ที่จะสืบค้นหา แต่ตอนนี้เขาทำหน้าที่แค่รับฟังอย่างเดียว
“ฟ้าแยกออกจากกัน เทพธิดาเล่นหินเพื่อจะปิดท้องฟ้าที่เป็นรูนั่น ตอนแรกไม่สำเร็จ แต่ภายหลังหินที่ถูกเทพธิดาฝึกอยู่พวกนั้นกลับกลายมาเป็นหยกในปัจจุบันนี้” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าที่ไม่รู้จะเชื่อถือได้แค่ไหน แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินตำนานแบบนี้มาก่อน”
“ผู้เฒ่าท่านนั้นช่างแต่งเรื่องไร้สาระเก่งจริงๆ ไม่แปลกที่เขาใช้แซ่หู[1]” จ่านป๋ายพูดไปแล้วหยุด จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ ”แต่ว่าตำนานของจีนที่ว่าเทพธิดาใช้หินปิดหลุมโหวของฟ้า กลับเป็นที่รู้จักของคนหลายหน้า ถ้าที่ดังหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องความฝันในหอแดง[2]”
“นั่นก็เป็นเรื่องไร้สาระอีกเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาพูดถึงความฝันในหอแดง ในใจก็ตื่นเต้นพูดออกไป”ฉันจำได้ว่าในเรื่องความฝันในหอแดง หยกของเจียเป่าอวี้เป็นคริสตัลห้าสี ใสสว่างเหมือนน้ำค้าง กลัวว่าจะเป็นแต่หยกนี่สิ”
จ่านป๋ายคิดตามที่เธอพูด “หยกชิ้นนั้นแข็งมาก น่าจะเป็นหยกมรกต ผมจำได้ว่าตอนที่อ่านหนังสือ ในนั้นพูดถึงเจียเป่าอวี้ต้องการที่จะทำลายหยกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พิสูจน์ได้ว่าความแข็งของหยกสูงพอควร แต่หยกชั้นดีนั่นไม่ได้มีความแข็งได้ถึงขนาดนี้”
“ได้ยินมาว่า หินหยกก้อนนั้นคือก้อนที่เทพธิดาไม่ได้ใช้เพื่อปิดหลุมโหว่ของฟ้า!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ไม่น่าล่ะหยกถึงดูมีมูลค่าสูง คงเป็นเพราะว่าผ่านการฝึกฝนมาจากเทพธิดา!” จ่านป๋ายแตะไปที่หยกสีผสมแล้วพูด ”แต่ว่าในตำนาน เทพธิดาแค่เหลือหินไว้ก้อนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีหยกมากมายขนาดนี้?”
“ผู้อาวุโสคนนั้นพูดจาเพ้อเจ้อ เทพธิดายังฝึกฝนไม่สำเร็จแต่ทำไมมีหยกสีสันมากมายในตอนนี้ สำหรับหินที่ฝึกฝนสำเร็จ ทำให้ฉันอยากจะหาหยกวิเศษชิ้นนั้นให้เจอ ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่แห่งไหน” ซีเหมินจินเหลียนพูด ”เขายังบอกอีกว่า ถ้าในอนาคตมีโอกาส เขาจะให้ฉันออกไปตามหาหยกวิเศษนั่นให้เจอ”
“นั่นไม่ใช่เจียเป่าอวี้เหรอ?” จ่านป๋ายยิ้ม ”ไม่ต้องหาหรอก ไปดูความฝันในหอแดงก็ได้แล้ว”
“ก็แค่พูดไป จะหาหยกวิเศษมาจากไหนได้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวยิ้มเยาะ “แต่ผู้อาวุโสคนนั้นดูมีอะไร หยกที่เขาสะสมทั้งหมดล้วนเป็นแต่หยกชั้นดีทั้งนั้น
ครั้งนี้ที่เธอซื้อมาจากผู้อาวุโสหูก็มีหยกสีเลือด สีผสมกับฮกลกซิ่ว ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าผู้อาวุโสหูยังมีหยกที่เหลือสะสมอีกหรือเปล่า ถ้ามีเขาก็เป็นคนที่เก่งกาจใช้ได้ เก่งจนเธอก็ยังสงสัยผู้อาวุโสท่านนี้ก็มีพรสวรรค์ในการมองทะลุผ่านหิน? ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะหาหยกเนื้องามเช่นนี้มาจากไหนกัน
แต่ปัญหาอีกอย่างที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนคิดไม่ตกก็คือ ท่านผู้อาวุโสหูมีสายตาในการเดิมพันหยก ได้ยินมาว่าโรงงานแปรรูปหยกก็เป็นของเขา แต่เขามีของดีขนาดนี้ทำไมถึงไม่เปิดหินออกมาดูเอง นี่ก็น่าแปลก
ถึงจะไม่ได้ทำเป็นเครื่องประดับจากหยก แต่ขายเนื้อหินหยกก็น่าจะกินราคาได้อย่างมาก ไม่น่าจะยอมขายถูกๆ ให้เธอไม่ใช่เหรอ?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จ่านป๋ายก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ”จินเหลียนมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกคุณมาโดยตลอด”
“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ”เรื่องอะไรเหรอ”
“ตอนที่พวกเราออกจากเจียหยางเตรียมไปยังบ้านเกิดของคุณ ผู้อาวุโสหูก็ตามเรามา”
“คุณว่าอะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนอึ้งอยู่นาน ”เขาตามพวกเรามาทำไม”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน“ จ่านป๋ายส่ายหน้า “ผมเห็นว่าเขาตามติดพวกเรามา แต่ไม่ได้มีเจตนาร้าย เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นชายชราที่อายุอานามขนาดนั้นแล้ว…”
[1] หู (胡) เป็นแซ่หนึ่งของคนจีน นอกจากนี้ยังมีอีกความหมายหนึ่งที่แปลว่า ไม่มีเหตุผล
[2] ความฝันในหอแดง เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมของจีน