ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 45 หยกสีน้ำเงิน
จ่านป๋ายมองทางซีเหมินจินเหลียนที่กำลังเขินอายอย่างอึ้งๆ ความรู้สึกนี้มันช่างดีจริงๆ เดิมทีเขาอยากจะแซวหยอกล้อเธออีกสักหน่อย แต่ไม่ทันไรซีเหมินจินเหลียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันเพื่อที่จะเตรียมตัวเข้านอน
เธอยังไว้ใจเขาอยู่ใช่ไหม? จ่านป๋ายสติล่องลอยจ้องมองไปที่ร่างของเธอ
ซีเหมินจินเหลียนส่องกระจกที่อยู่ตรงหน้า ก็พบว่าแก้มทั้งสองข้างของเธอแดงระเรื่อราวกับถูกปัดด้วยบลัชออน เธอใช้มือทั้งสองวักน้ำแล้วสาดเข้าใบหน้าอย่างจัง ความรู้สึกอย่างนี้สิค่อยสบายหน่อย
เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าจ่านป๋ายยังคงอยู่ในห้องนอนไม่ไปไหน เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“ไม่…ไม่มีแล้ว…” จ่านป๋ายรีบเก็บของ แล้วโกยฝีเท้าออกไปนอกห้องอย่างเร็วที่สุด
ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ยิ้มพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ฝ่ายนั้นเขียนราคาที่ตกลงจะจ่ายมาที่ห้าสิบล้าน
เมื่อมองไปยังขนาดที่ให้มา ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่าไม่ได้ใหญ่อะไรนัก แถมแท่นแกะสลักจากหยกก็ไม่ได้สิ้นเปลืองวัตถุดิบเท่าไหร่ เพียงต้องใช้ฝีมือในการแกะสลักมากขึ้นเท่านั้น ราคานี้ก็ไม่สามารถที่จะสูงกว่านี้ได้อีก ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็รีบร้อนที่จะต้องใช้เงิน ถ้าทำออกมาได้เธอหวังว่าคงจะได้เงินก้อนโตมาเป็นกอบเป็นกำ
ในขณะนั้นเธอก็รีบเร่งเปิดคอมส่งแฟกซ์กลับไปหาอีกฝ่ายว่าเธอตกลงในราคานี้ พรุ่งนี้จะเริ่มงานทันที อีกทั้งสินค้าจะเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์
รุ่งเช้าวันถัดมา ซีเหมินจินเหลียนก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังห้องใต้ดิน เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ ในหัวคิดแต่รูปทรงของแท่นหยกนั่น จะว่าไปความต้องการในการสั่งสินค้าของลูกค้ารายนี้เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายใหม่ของเธอก็ว่าได้
การแกะสลักหยกแบบธรรมดา โดยปกติใช้คนที่พอมีฝีมือในการแกะสลักก็ได้แล้ว ยิ่งเป็นกำไลยิ่งง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าแท่นหยกโบราณนี่ ไม่เพียงแต่จะต้องเจียระไนให้ใสวาวเท่านั้น อีกทั้งยังมีลวดลายและรูปทรงที่ค่อนข้างซับซ้อน
ซีเหมินจินเหลียนมองออกว่ากระดาษแผ่นนี้น่าจะมาจากการที่จางจิ้นเชิญคนฝีมือดีมาร่างแบบให้ ดูแล้วน่าจะเป็นการร่างแบบขึ้นมากับมือแล้วค่อยนำภาพมาแสกนลงคอม สำหรับเทคนิคฝีมือแกะสลักเรียกได้ว่าต้องประณีตเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ดูจากขนาดที่ให้มา เธอก็ได้ตัดหยกสีเลือดออกมาเป็นก้อนเล็กหนึ่งก้อน จิตวิญญาณของเธอได้เดิมพันแขวนผูกติดไว้กับหยกชิ้นนี้อย่างหมดใจ
จ่านป๋ายคอยจัดการอาหารมื้อเช้า กลางวันและเย็นให้เธอ พร้อมเรียกเธอมาพักผ่อน แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ
“คืนนี้คุณจะไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ใช่เหรอ พักสักหน่อยไหมครับ” จ่านป๋ายพูดเกลี้ยกล่อม ถึงจะทุ่มเทใจให้กับธุรกิจ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ร่างพังแบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคืนฉันนอนหลับเต็มที่แล้ว ช่วงนี้อากาศก็ค่อยๆ เย็นลงแล้ว ไม่ต้องนอนกลางวันก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินออกไปข้างนอก
จ่านป๋ายส่ายหน้าพร้อมเดินลงมาห้องใต้ดินถามว่า “จะให้ผมเจียระไนหินหยกที่เหลือเลยไหมครับ”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมอง หินหยกที่ซื้อกลับมาจากบ้านผู้อาวุโสหูก็ไม่ได้ถูกเจียระไนเปิดออกมาหมด แม้กระทั้งหยกสีเหลืองและสีน้ำเงินก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“ถ้าหากคุณไม่มีอะไรทำ ถ้าอย่างนั้นก็ลองเจียระไนหินหยกที่ซื้อมาจากงานประมูลดูก็ได้ อืม ทุกก้อนที่อยู่ในนี้ แต่ยกเว้นก้อนนี้ คุณอยากจะเปิดหินก้อนไหนมาเจียระไนก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนหันไปมองหินหยกที่วางไว้อยู่ที่มุมห้องก้อนนั้น
“ทำไมล่ะครับ?” จ่านป๋ายถามอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนเขาต้องการที่จะเปิดหินก้อนนั้น เขาสงสัยว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงให้ความสำคัญกับหินก้อนนั้นมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเขาอยากรู้ว่าลักษณะหินข้างในเป็นยังไงกันแน่
หินหยกฮกลกซิ่วก้อนใหญ่ เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่กลับไปสนใจหินก้อนนี้แทน? หรือว่าเป็นหินหยกสายรุ้งเจ็ดสี?
ตามที่เคยได้ยินมา ในบรรดาหยกมักมีแต่สิ่งมหัศจรรย์ ในนั้นมีหยกสายรุ้งรวมอยู่ด้วย แต่ว่าอย่าพูดถึงหยกสายรุ้งเจ็ดสีเลย แค่ห้าสีก็ยังหายากมาก แม้กระทั่งหยกฮกลกซิ่วก้อนนั้นก็เหมือนกัน
จนถึงวันนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็ยังกำชับเขาว่าสามารถเปิดหินก้อนไหนออกมาก็ได้ แต่ยกเว้นก้อนนั้น ดูจากลักษณะภายนอกของหินแล้ว เขาก็ดูอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะอย่างนั้นเขาเลยคาดเดาเองว่าลักษณะภายในของหินหยกก้อนนี้คงไม่เลวเลย น่าจะเป็นสายรุ้งเจ็ดสีหรือไม่ก็ห้าสี?
“เดี๋ยวต่อไปก็รู้เอง” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจแต่แกะสลักพวงกุญแจหยก ไม่พูดไม่จาอะไรอีก
หินหยกก้อนนั้นเป็นเพียงหยกแก้วชนิดโบราณ โปร่งใสไม่มีสี แต่ข้างในกลับมีอะไรบางอย่าง
บวกกับเรื่องแปลกมหัศจรรย์ที่ผู้อาวุโสเล่ามา ยิ่งทำให้เธอลังเลและสับสนในใจ ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสหูรู้แก่ใจว่าหินหยกนี้มีปัญหา แต่เขาก็เก็บมันไว้กับตัวมาตั้งหลายปีโดยที่ไม่ได้ตัดหินออกมาดู นี่ยิ่งทำให้เธอไม่กล้าที่จะเริ่มเปิดหินอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
มีบางครั้งที่เธอมีความคิดย้อนกลับไปว่า ตัวเองไม่ควรจะซื้อหินหยกแปลกประหลาดก้อนนี้กลับมาเลย แต่ในเมื่อเธอเห็นว่าข้างในหินหยกมีอะไรอยู่ ถ้าไม่ซื้อกลับมา ชาตินี้คงนอนไม่หลับ กินอาหารคงไม่อร่อยแน่
“ก็ได้ครับ” จ่านป๋ายเห็นท่าว่าเธอคงไม่อธิบายแน่ เขาจึงไม่ถามให้มากความ หยิบเครื่องเจียระไนขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเจียระไนลงไปที่หินหยกก้อนที่ซื้อมาจากงานประมูล
เพียงแต่ว่าเมื่อผิวที่ถูกเจียระไนเปิดออก เขากลับรู้สึกเศร้าเสียใจเล็กน้อย เนื้อหินที่เผยออกมาให้เห็นล้วนเป็นแต่สีขาว หรือว่าซีเหมินจินเหลียนจะแพ้เดิมพัน?
ในใจได้แต่คิดเช่นนั้น แต่ก็ยังคงระมัดระวังในการใช้เครื่องเจียระไนต่อไป เพียงแต่ขยายพื้นที่เจียระไนออกมาได้ประมาณหนึ่งฟุต ความลึกสองฟุตก็ยังคงเป็นเนื้อหินสีขาว ไม่มีท่าทีว่าจะเห็นสีเขียวออกมาเลย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ดูซีเหมินจินเหลียนเปิดหินออกมา หินหยกเกือบทั้งหมดล้วนมีสีสันทั้งนั้น จิตใต้สำนึกก็ได้รับการยืนยัน แต่ตอนนี้เห็นลักษณะของหินที่ปรากฏออกมาแล้ว มันทำให้เขารับไม่ได้
แต่เมื่อย้อนคิดกลับไป การเดิมพันหิน ในเมื่อมีคำว่าเดิมพัน อย่างไรก็ย่อมมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา อย่าพูดถึงแพ้เดิมพันแค่ชิ้นเดียวเลย ถึงแพ้ไปแปดชิ้นในสิบชิ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เคยได้ยินมาหลายต่อหลายครั้งว่าการเดิมพันหินล้วนเป็นการเดิมพันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง ส่วนข่าวลือที่สืบทอดกันมาก็มักจะเป็นเรื่องของการชนะเดิมพัน เพราะเดิมพันแพ้ไม่มีความจำเป็นต้องเล่าขานบอกต่อให้ใครรู้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอีก ใช้เครื่องเจียระไนเปิดผิวหินออกไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังคงไร้สีเช่นเดิม ในใจก็กลับฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า วิธีปอกลอกผิวหินของซีเหมินจินเหลียนอาจจะช้าไปสักหน่อย ในเมื่อลักษณะของหินไม่ดี หรือจะเปลี่ยนมาเป็นการผ่าแทน?
เมื่อเห็นแบบนั้นจ่านป๋ายก็หยิบเครื่องผ่าหยกขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าขึ้นไปมองเขา แล้วหันไปเห็นหินหยกที่ถูกเจียระไนลอกเปลือกออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาแกะสลักหยกสีเลือดต่อไปโดยไม่พูดอะไร
เปลือกของหินหยกก้อนนี้แค่หนาไปหน่อยเท่านั้น แต่ลักษณะข้างในก็ไม่เลวเลย
รอดูไปก่อนสักพัก เมื่อจ่านป๋ายใช้ใบมีดผ่าลงไปแล้วเห็นเนื้อหยกเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร
แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับคิดไม่ถึงว่าจ่านป๋ายจะใช้เครื่องผ่าหยกขนาดเล็กตัดลงไปยังหินอีกฝั่งที่ไม่ได้เจียระไนออกมา เมื่อมีดตัดลงไปได้แค่สามเซนติเมตรก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นหินสีขาวธรรมดาแค่นั้น จ่านป๋ายส่ายหัวถอนหายใจไม่หยุด ไม่รีรอใช้เครื่องตัดหินตัดผิวหินออกไปให้หมด เพียงแต่การลงมีดแต่ละครั้งใช้เพียงแค่สองถึงสามเซนติเมตร จ่านป๋ายก็ยังคงเห็นว่าหินก้อนนี้ยังคงเป็นหินธรรมดาก้อนหนึ่ง
“แพ้แล้ว…แพ้เดิมพันแล้ว…” จ่านป๋ายถอนหายใจฟึดฟัดไม่หยุด หรือว่าวันนี้เขาจะดวงไม่ดี?
“จินเหลียน ดูเหมือนว่าพวกเราจะแพ้เดิมพันเข้าแล้วล่ะครับ” จ่านป๋ายสีหน้าไม่รับบุญนัก
“อืม…นี่ก็เป็นเรื่องปกติ” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะ ถ้าคิดจะเดิมพันหิน ใครจะกล้ารับรองว่าจะชนะหรือแพ้ เว้นเสียแต่คนขี้โกงอย่างเธอถึงจะสามารถรับรองได้
แน่นอนส่วนผู้อาวุโสหูก็อีกกรณี เมื่อคิดถึงท่านผู้อาวุโสหูแล้ว สายตาของเธอก็ตกไปอยู่ที่หินแปลกประหลาดก้อนนั้น
“ถ้าอย่างนั้นยังจะต้องผ่าอีกไหมครับ” จ่านป๋ายถาม
“ผ่าสิ ต้องลองผ่าออกมาดู” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ถ้าหากเป็นหินทั้งหมดจริงๆ คุณก็ตัดมันออกมาทำเป็นไพ่นกกระจอก คิดว่าน่าจะทำได้สักหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ใบพอดี พวกเราก็ใช้โอกาสนี้ทำไพ่นกกระจอกขึ้นมา แล้วมาประลองฝีมือกัน”
“จินเหลียน ความคิดของคุณนี่โอเคเลย!” จ่านป๋ายพูดพลางหยิบเครื่องตัดหินอีกครั้ง ถึงซีเหมินจินเหลียนจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงใช้มีดค่อยๆ ตัดผิวหินหยกออกมาประมาณสามเซนติเมตร พร้อมพูดขึ้นว่า “ถ้าหากอยากจะทำไพ่นกกระจอกจากหยกสักชุด คุณคงคิดที่จะใช้หยกชนิดแก้วสีเขียวสดใช่ไหม อีกอย่างมุมห้องที่วางกองหินหยกพวกนั้นก็มากพอแล้ว”
“ฉันก็ไม่ได้เบื่ออะไรขนาดนั้นหรอกนะ” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นเหลือบไปมองเวลา ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว แท่นหยกสีเลือดพึ่งจะได้เริ่มสร้างโครงร่าง ที่เหลือต้องใช้ฝีมือในการแกะสลักอย่างพิถีพิถัน นั่นเป็นเรื่องที่จำไม่ค่อยแล้ว เธอยกมือขึ้นมาปิดปากที่กำลังหาวหวอด “ตอนนี้ใช้เครื่องอัตโนมัติเล่นไพ่นกกระจอกกันแล้ว ถึงจะเป็นไพ่นกกระจอกที่ทำมาจากหยก แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะเล่นหรอก”
“จินเหลียนคุณไม่เข้าใจ!” จ่านป๋ายส่ายหัว “เครื่องเล่นไพ่นกกระจอกแบบอัตโนมัติมีไว้ใช้ก็เพื่อไม่ต้องล้างไพ่จัดไพ่ด้วยตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับคนที่เป็นนักพนันไพ่ตัวจริง ถ้าไม่ล้างไพ่จัดไพ่ด้วยตัวเองก็ไม่เรียกว่าเป็นการเล่นไพ่ เพราะว่าถ้าใช้เครื่องล้างไพ่มันสามารถโกงได้”
“คุณพูดแบบนี้ นี่ก็กำลังหลอกล่อให้ฉันทำชุดไพ่นกกระจอกจากหยกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ว้าว…” จ่านป๋ายปิดการทำงานของใบมีดเครื่องตัดลง จากนั้นหยิบหินที่ตัดออกขึ้นมาอย่างเบามือ สายตามึนงงอย่างไม่ขาดสาย
เดิมทีคิดว่าหินหยกก้อนนี้เป็นหินไร้ค่า แต่เมื่อตัดออกมาแล้วเห็นสี อีกทั้งยังเป็นสีน้ำเงินใสสดที่ไม่เคยเห็น เขาเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหยกมา แน่นอนย่อมรู้ว่าความหมายของหยกสีน้ำเงินหมายถึงอะไร “จินเหลียน คุณมาดูนี่สิ พวกเราจะรวยแล้ว…”
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นหยกสีน้ำเงินใสสะอาดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ลักษณะสีภายนอกของหินค่อนข้างอ่อน แต่ถ้าเธอจำไม่ผิดยิ่งลงลึกข้างในไปเท่าไหร่ สีน้ำเงินกลับเข้มสดขึ้นเรื่อยๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหยกสีน้ำเงิน จินเหลียนพวกเราก็โชคดีเกินไปแล้ว สีแดง ม่วง เขียว ฟ้า ผมเคยเห็นมาหมดแล้ว” จ่านป๋ายพูดพลางหันไปมองหยกทั้งหมดที่เคยตัดออกมา
ยังมีหยกสีเหลืองอีกนะ! ซีเหมินจินเหลียนเพิ่มเข้าไปในใจ เพียงแต่ว่าหินหยกสีเหลืองก้อนนั้นยังไม่ถูกตัดออกมา ความจริงตัวเธอเอนเอียงชอบหยกสีแดงมากกว่า เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยสนใจหยกสีอื่นๆ เท่าไหร่ ยืมคำพูดของผู้อาวุโสหูมาพูดก็คือ หินพวกนี้เป็นเพียงแค่หินที่แลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ก็เท่านั้น
“จินเหลียนคุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ตอนนี้ยังพอมีเวลา ถ้าผมเจียระไนออกมาได้หมด แล้วจะไปส่งคุณที่งานเลี้ยงรุ่น” จ่านป๋ายมองไปที่หยกอย่างตกตื่นดีใจ